×

รับลมหนาวบนเทอร์เรซ 72 Courtyard และชิมอาหารเมดิเตอร์เรเนียนฉบับ 2.0 จาก Little Donkey BKK

08.12.2020
  • LOADING...
รับลมหนาวบนเทอร์เรซ 72 Courtyard และชิมอาหารเมดิเตอร์เรเนียนฉบับ 2.0 จาก Little Donkey BKK

HIGHLIGHTS

  • Little Donkey BKK เปิดให้บริการครั้งแรกช่วงปลายปี 2019 ในคอนเซปเอเชียน-อเมริกันอิซากายะ 
  • เวอร์ชัน 2.0 เปลี่ยนคอนเซปต์อาหารใหม่ทั้งหมดกลับสู่ความคอมฟอร์ต อบอุ่นใจ เข้าใจง่าย กับอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นเอเชีย นำโดย เชฟอาร์นี มาร์เซลลา F&B Director ของ 72 Courtyard

เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่าเทอร์เรซชั้นบนของไนต์ไลฟ์คอมมูนิตี้มอลล์ 72 Courtyard นั้นบรรยากาศดี น่านั่งไม่แพ้ Communal Area ชั้นล่าง แต่นึกเสียดายที่มีบริเวณให้นั่งน้อยกว่า ทำให้ถ้าเป็นคนที่ชอบบรรยากาศเอาต์ดอร์ ชั้น 1 ก็ยังตอบโจทย์กว่า 

 

แต่แล้วฤดูหนาวนี้ในขวบปีที่ 4 ของการเปิดให้บริการ 72 Courtyard ก็ได้ฤกษ์ปรับโฉมเปลี่ยนแปลงบรรยากาศชั้นบนบริเวณที่ว่าเสียใหม่ เพิ่มพื้นที่ให้คุณได้รับประทานอาหารพร้อมรับลมหนาวในพื้นที่และกิจกรรมที่กำลังจะมีมากกว่าเดิม 

 

 

The Vibes 

Little Donkey คือร้านอาหารที่เรากำลังพูดถึง ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 ซึ่งหลังจากในปีที่ผ่านมาต้องปรับตัวเปลี่ยนรูปแบบอาหารให้เป็นเดลิเวอรี เดือนนี้ทีมงานกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเมนูใหม่ทั้งหมดที่เราขอเรียกมันว่าเป็นคอนเซปต์ 2.0 พร้อมบาร์เครื่องดื่มบริเวณหน้าร้านและที่นั่งเอาต์ดอร์ที่วางเรียงรายตลอดทั้งพื้นที่ ให้คุณได้เลือกนั่งในบรรยากาศแบบที่ชอบทั้งเคาน์เตอร์บาร์และโต๊ะอาหารด้านใน หรือจะชิลด้านนอกเพื่อรับลมหนาวก็ได้ทั้งนั้น 

 

 

The Dishes 

จากที่เปิดตัวครั้งแรกราวปลายปี 2019 กับคอนเซปต์สนุกสนานสไตล์เอเชียน-อเมริกันอิซากายะ เวอร์ชัน 2.0 ของที่นี่ก็เรียกว่าเปลี่ยนไปทั้งหมด กลับสู่ความคอมฟอร์ต โดยได้ เชฟอาร์นี มาร์เซลลา F&B Director ของ 72 Courtyard มาดูแลเมนูในครั้งนี้แบบเต็มตัว 

 

เชฟอาร์นีเล่าให้เราฟังว่าเบื้องหลังเมนูนี้คือการมองไปที่สเปซตรงหน้า แล้วคิดว่าหากต้องการให้คนมาใช้เวลาที่นี่ มันควรจะออกมาเป็นแบบไหน แน่นอนว่าเขาต้องการอาหารสไตล์คอมฟอร์ต อบอุ่นใจ เข้าใจง่าย แชริ่งกันกับเพื่อนฝูง รับประทานเมื่อไรก็ไม่เบื่อ ซึ่งด้วยความที่อาร์นีเคยมีพื้นฐานการทำอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนมาก่อน ความโฮมมี่จากเครื่องเทศและซีฟู้ดจึงกินพื้นที่พอสมควรในเมนูเล่มนี้ แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งจานเอเชียเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า 

 

Brittany Oysters (ซ้าย) และ Giant Clam Ceviche (ขวา)

Brittany Oysters (ซ้าย) และ Giant Clam Ceviche (ขวา)

 

เราเริ่มกันที่หอยนางรมสด Brittany Oysters (750 บาทสำหรับ 6 ตัว และ 1,350 บาทสำหรับ 12 ตัว) จากแคว้นบริททานี ประเทศฝรั่งเศส เสิร์ฟกับเลมอน ซอสซีฟู้ด Mignonette และซอสค็อกเทล สานต่อความสดชื่นด้วย Seabass Crudo (320 บาท) จานปลาดิบสไตล์อิตาเลียนที่ทวิสต์ความเป็นเอเชียลงไปด้วยซอสกะทิผสมซิตรัส มะกรูด ท็อปด้วยคาเวียร์ ส่วนใครไม่ชอบรสนวลสไตล์อิตาเลียนก็ยังมีจานดิบสไตล์ยำๆ อย่าง Giant Clam Ceviche (280 บาท) เสิร์ฟพร้อมข้าวเกรียบกุ้งเป็นทางเลือกสำหรับสายกินเผ็ด

 

ปลาไข่ทอด Crispy Capelin Fish

ปลาไข่ทอด Crispy Capelin Fish 

 

Brie & Tomato Pie

Brie & Tomato Pie

 

ปลาไข่ทอดแบบไทยๆ ถูกหยิบมาอยู่ในเมนูนี้ด้วยเช่นกัน ทวิสต์เล็กน้อยด้วยซอสซิตรัสและสมุนไพร (220 บาท) ส่วนสตาร์ทเตอร์ที่ยกตำแหน่งเซอร์ไพรส์ประจำมื้อให้ ได้แก่ พายมะเขือเทศ หรือ Brie & Tomato Pie (320 บาท) จานนี้เราเรียกเองว่าเป็นการทำให้ของที่น่าจะเป็นของหวานกลายเป็นของคาว เริ่มจากแป้งพายกรอบที่ทางร้านทำเอง วางชั้นล่างสุดด้วยชีสบรี แบล็กโอลีฟ หอมแดง เลมอนคาราเมล และมะเขือเทศ ใครไม่ชอบมะเขือเทศอยู่แต่เดิม หากเปิดใจก็สั่งเพิ่มได้ไม่ยาก 

 

Seabass Al Rojo

Seabass Al Rojo

 

เข้าสู่เมนูหลักของที่นี่เน้นจานที่เป็นย่าง ซึ่งสายเนื้อสามารถเลือกส่วนต่างๆ ที่ชื่นชอบได้ทั้ง Skirt Steak, Tendeloin หรือ Rib-eye (ราคาเริ่มต้นที่ 690-2,200 บาท ตามส่วนและน้ำหนักของแต่ละชิ้น) แต่อยู่กับซีฟู้ดมาขนาดนี้ จานหลักเราขอเลือกต่อเป็น Seabass Al Rojo (550 บาท) จานปลากะพงรสจัด เสิร์ฟกับสลัดมะเขือเทศสดชื่นๆ ทาบซอสเลมอนโยเกิร์ตที่ทางร้านทำเอง 

 

Salt Cod & Drunk Clams 

Salt Cod & Drunk Clams 

 

อีกหนึ่งจานสำหรับสายซุปที่เหมาะสำหรับสั่งมาแชร์หรือจะสั่งเป็นจานหลักสำหรับตัวเองก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวคือ Salt Cod & Drunk Clams (580 บาท) จานนี้จับคู่ปลาคอดกับหอยลายมาทำเป็นซุปทะเลที่มีส่วนผสมของเบคอน พริกชิโปเล และเบียร์เป็นส่วนผสม เสิร์ฟกับขนมปังซาวร์โดที่รู้ตัวอีกทีมีแต่จะยกมือขอขนมปังเพิ่ม 

 

Chocolate Chip Cookie Dough (ซ้าย) และ Affogato (ขวา)

Chocolate Chip Cookie Dough (ซ้าย) และ Affogato (ขวา)

 

ปิดท้ายด้วยสองขนมหวานเอาใจเด็กอ้วนอย่าง Chocolate Chip Cookie Dough (200 บาท) ที่เมื่ออบไม่ทันใจก็กินทั้งแป้งซะเลย จานนี้เสิร์ฟกับมิลด์โฟมนุ่มๆ ต่อด้วย Affogato (220 บาท) คู่ผสมระหว่างไอศกรีมวานิลลา ช็อตเอสเปรสโซ และครัมเบิลกรุบกรอบ 

 

รับลมหนาวบนเทอร์เรซ 72 Courtyard และชิมอาหารเมดิเตอร์เรเนียนฉบับ 2.0 จาก Little Donkey BKK

 

อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าอยู่ 72 Courtyard ไม่ว่าคุณจะนั่งบริเวณไหน ที่นี่ก็ยังคงคอนเซปต์สั่งเครื่องดื่มหรืออาหารจากร้านอื่นๆ ในมอลล์มาจอยๆ แจมๆ กันได้เช่นเคย 

 

Little Donkey BKK 

Open: ทุกวัน เวลา 17.00-02.00 น.  

Address: ชั้น 1 ของโครงการ 72 Courtyard ทองหล่อ 

Budget: 1,000 บาท

Contact: 0 2392 7790

Website: https://www.facebook.com/littledonkeybkk 

Map:

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์ 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising