×

วุฒิพงศ์เปิดใจครั้งแรก ขอโทษประชาชน เผยผิดหวังมติพรรคขับออก อ้างไม่มีคอนเน็กชัน สส. ในพรรค ชี้เป็นการเมืองภายในพรรค

โดย THE STANDARD TEAM
02.11.2023
  • LOADING...
วุฒิพงศ์ ทองเหลา

วันนี้ (2 พฤศจิกายน) วุฒิพงศ์ ทองเหลา อดีต สส. ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล เปิดใจครั้งแรกหลังถูกขับออกจากพรรค โดยระบุว่า หลังเกิดกรณีร้องเรียนคุกคามทางเพศผ่านไปแล้ว 20 วัน และพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า ตอนนี้กระบวนการของพรรคสิ้นสุดลง และเห็นปฏิกิริยาของคนภายในพรรค โดยกระบวนการหลังจากนี้จะเข้าสู่การพิสูจน์ความจริง เพราะที่ผ่านมาได้รับความเสียหายทั้งโดยส่วนตัวและครอบครัว และออกตัวว่าไม่ใช่นักการเมืองที่จะแถลงเก่ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่เคยได้ชี้แจงต่อสังคม รู้สึกอึดอัดมาโดยตลอดเพราะกระบวนการของพรรคยังไม่สิ้นสุด

 

วุฒิพงศ์ชี้แจงไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อน เรื่องของ Sexual Harassment ซึ่งมีหลายระดับการแสดงออก พร้อมกับอ้างอิงกรณีที่เกิดขึ้นภายในพรรคก่อนหน้านี้ก็ได้รับบทลงโทษความรุนแรงระดับปานกลาง แต่เคสของตนเองนั้นรู้สึกผิดหวังที่มีมติรุนแรงที่สุด ซึ่งกระบวนการทางคดีความภายนอกหรือกระบวนการยุติธรรมตำรวจเรื่องจะต้องเกิดภายใน 3 เดือน เรื่องความผิดของ สส. จะต้องเข้ามาเป็น สส. ก่อนแล้วกระทำความผิด แต่กรณีผู้ร้องเรียนเป็นเอกสารกระดาษ 200 หน้าที่อ้างถึงเหตุการณ์กระทำผิดตั้งแต่ช่วงปี 2565 ก่อนที่จะเข้ามาเป็น สส.

 

เมื่อถามถึงกระบวนการสอบสวนของพรรค วุฒิพงศ์ระบุว่าตอบยากและรู้สึกอึดอัด เพราะยังมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในจังหวัดแต่มีการเพิกเฉย โดยเรื่องการคุกคามทางเพศถูกแทรกขึ้นมา พร้อมชี้แจงว่านับแต่มีการปรากฏข้อมูลในโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการวินัยของพรรคในวันที่ 10 ตุลาคม แต่ผู้เสียหายได้เข้าให้การต่อพรรคก้าวไกลก่อนวันที่ 9 ตุลาคม พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสียหายมีเจตนาที่จะปล่อยข้อมูลก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของพรรค

 

วุฒิพงศ์สังเกตว่าการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้าเข้าข่ายเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ และมีการแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ ก่อนจะเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเรื่องกระบวนการสอบของคณะกรรมการของพรรค โดยเคารพการตัดสินใจแต่ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระบวนการเป็นธรรมหรือไม่

 

“กระบวนการสอบครั้งแรกวันที่ 10 ตุลาคม กรรมการสอบวินัยมี 7 คน แต่มา 6 คน ได้พูดคุยอยู่กว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นอีกครั้งหนึ่งวันที่ 30 ตุลาคม เข้าสู่กระบวนการของกรรมการวินัยครั้งที่ 2 ได้เข้าห้องประชุมของกรรมการล่าช้า 1 ชั่วโมง จากนัด 10.00 น. ได้เข้า 11.00 น. ซึ่งกรรมการคนสุดท้ายจาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา ซึ่งความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในกระบวนการ” วุฒิพงศ์กล่าว

 

ในการตั้งคณะกรรมการวินัยสอบควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ว่าผู้ที่ถูกคุกคามมีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส. ทั้งหมด

 

วุฒิพงศ์มองว่ากรณีที่เสียงโหวต สส. ในพรรคก้าวไกลที่ต่างอีกกรณี 10 เสียง ด้วยเพราะตนเองไม่มีคอนเน็กชันหรือความสัมพันธ์กับ สส. ในพรรค เพราะส่วนใหญ่ทำงานในพื้นที่ โดยมองว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค โดยวุฒิพงศ์ยังแสดงความกังวลการใช้กระบวนการภายในของพรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะหากผู้ถูกร้องเรียนหรือ สส. บางคนไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

 

“รู้สึกเสียใจว่าพรรคไม่ได้เปิดให้ตนเองได้พูดหรือชี้แจงต่อสังคม และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาชี้แจงต่อสังคม และรู้สึกเสียใจว่าในกรณีคุกคามทางเพศ 2 เคสเช่นเดียวกัน แต่มติออกมาแตกต่างกัน ขอโทษโหวตเตอร์และประชาชนชาวปราจีนบุรีที่ทำให้ผิดหวัง และหลังจากนี้จะพิสูจน์ตนเอง ชาวบ้านยังให้กำลังใจและเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มีบางกลุ่มที่สร้างเพจมาโจมตี” วุฒิพงศ์กล่าว

 

ทั้งนี้ ไม่ขออุทธรณ์โทษในพรรค ขณะนี้ยังไม่ได้มองการไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่หลังถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เพราะเมื่อพ้นสภาพจากพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองอื่นย่อมต้องมองอยู่แล้ว แต่ตนเองก็ต้องแสดงจุดยืนต่อพรรคการเมืองที่จะเข้าไปสังกัดใหม่

 

พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึงปฏิกิริยาของคนในพรรคที่แสดงออกต่อกรณีการคุกคามทางเพศที่กดดันทั้งที่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่มีการตั้งตัวเป็นศาล ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับตั้งตัวเป็นศาลเพื่อตัดสิน

 

วุฒิพงศ์ยืนยันว่าตนให้ความสำคัญกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องหลักฐานที่คณะกรรมการได้พิจารณาว่าเป็นเฉพาะการแคปข้อความบางส่วนเท่านั้น เพราะมีบางส่วนที่หายไป ซึ่งต่างกันกับกระบวนการสอบสวนยุติธรรมภายนอกที่จะต้องดูในมิติความเชื่อมโยงต่อเนื่อง แต่พยามจะนำหลักฐานให้กรรมการได้รับทราบในการสอบครั้งที่ 2 แต่กรรมการเข้าไม่ครบ

 

“ยืนยันว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งหรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายเลย และไม่เคยให้ความหวังผู้ร้อง โดยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ตนเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่เคยคิดเรื่องใช้กำลัง ใช้อำนาจเป็นใหญ่อย่างที่ได้ยินในสังคม” วุฒิพงศ์กล่าว

 

หลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องกระบวนการนอกพรรค เนื่องจากมีผลกระทบมากกว่าที่คิด ทั้งเรื่องการถูกขับออกจากพรรค การทำลายชื่อเสียงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว มีการบิดเบือนข้อมูลส่วนตัว ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จึงขอยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง สส. และขอโอกาสในการทำงานต่อ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการออกมาตอบคำถามอธิบายในครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ที่แม้แต่ สส. ก็ไม่เคยได้ยิน และตนก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตนเองทุกขั้นตอน เนื่องจากผู้ร้องได้เดินทางไปยื่นร้องในทุกช่องทาง

 

เมื่อถามว่าตอนนี้สังคมกดดันอยากให้ทั้ง 2 สส. ลาออก เช่นเดียวกับกรณี สส. ที่เมาแล้วขับ ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น วุฒิพงศ์กล่าวว่า การที่ตนเข้ามาทำงานตรงนี้คือการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จึงมีหลายประเด็นที่หากเราก้าวถอยก็มีหลายคนยิ้มรอ เพราะในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดโดยรอบมีตนเพียงคนเดียวที่เป็น สส. พรรคก้าวไกล

 

วุฒิพงศ์ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2565 แต่พึ่งมาร้องเรียนในช่วงที่ตนได้รับตำแหน่งแล้ว และผู้ที่พามาร้องก็เป็นคนในพรรค จึงอยากให้ไปย้อนดูเพจก้าวไกลปราจีนบุรี ช่วงเลือกตั้งไม่มีรูปตนในเพจเลย และไม่มีแม้แต่การแสดงความยินดีในวันที่ชนะเลือกตั้ง และคนทำงานในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2 ปีก็หายไป ตนเข้ามาด้วยความยากลำบาก และตนคิดว่าจะดำเนินคดีอาญากับผู้ร้องด้วย เพราะตนรู้จักเขา รู้จักครอบครัวเขา ในช่วงแรกจึงลำบากใจที่จะออกมาพูดเรื่องนี้ แต่คนอยู่เบื้องหลังกลับดันเขามาอยู่เบื้องหน้า ตนจึงอยากทำให้ตนเองหลุดออกจากข้อครหาในเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่ได้มีเจตนาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เพียงแค่ต้องการที่ยืนในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างสง่างาม

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าว วุฒิพงศ์ได้ฝากถึงพรรคก้าวไกลว่า หลังจากนี้ขอให้พรรคก้าวไกลปกป้อง สส. และสมาชิกพรรค อย่าให้อะไรก็ตามที่ยิงมาโดนพวกเขาง่ายๆ เพราะทุกคนลำบากกว่าจะเข้ามา ต้องแบกรับความกดดันสูง ส่วนเรื่องคณะกรรมการวินัยอยากให้มีสัดส่วนภายนอกจริงๆ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ จริงๆ เช่น ตำรวจ จิตแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีสัดส่วน สส. น้อยที่สุด ป้องกันการเมืองภายใน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising