×

เราควรไปสัมภาษณ์งานทั้งที่รู้ว่าจะไม่เอางานนี้ไหมคะ

11.07.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ถ้างานที่เราทำในปัจจุบันยังตอบโจทย์ชีวิตเราอยู่ ยังไม่อยากย้ายไปไหน หรือเราเองอาจจะเพิ่งย้ายงานมาใหม่ๆ และอยากจะใช้เวลาโฟกัสที่งานที่เพิ่งได้มากกว่า ถ้าอยากจะปฏิเสธงานนั้นไปตั้งแต่ต้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ครับ ก็ดีเหมือนกันนะ ชัดเจน ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งหมด
  • พี่คิดว่าการไปสัมภาษณ์งานทำให้เราได้รู้จักองค์กรนั้นมากขึ้นเยอะ เป็นประสบการณ์แบบที่เราหาไม่ได้จากการเป็นลูกค้า เป็นลูกค้าก็เป็นแบบหนึ่ง แต่เป็นคนทำงานไม่เหมือนกัน เป็นพี่ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันนะครับว่าแต่ละที่เขาทำงานกันอย่างไร บางทีเวลาเราไปสัมภาษณ์งานแล้วได้คุยกับคนเก่งๆ นี่เหมือนเราได้ความรู้จากเขาไปด้วยเลยนะครับ พี่จะดูว่าองค์กรนี้เขาเจ๋งยังไง คนที่เราคุยด้วยเขาทำงานกับคนแบบไหน
  • สุดท้ายแล้ว ต่อให้เราไม่เลือกบริษัทนั้น หรือบริษัทนั้นไม่เลือกเรา ก็ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เราทั้งคู่มีสิทธิ์ในการเลือก ก็บางทีไปคุยแล้วเราชัดเจนยิ่งกว่าเดิมว่าเราไม่ใช่หรือเขาไม่ใช่ไง ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ Headhunter/HR จะมาโกรธเราไม่ได้หรอกว่าเราไม่เลือกเขาอยู่แล้วทำไมถึงยังจะมาสัมภาษณ์ ก็เราอยากรู้ อยากมั่นใจนี่ว่าไอ้ที่คิดว่าไม่ใช่น่ะมันไม่ใช่จริงๆ หรือเปล่า

Q: มี Headhunter/HR ชวนหนูไปสัมภาษณ์งาน แต่เป็นงานที่หนูรู้สึกไม่ถนัดเท่าไร และก็คิดว่าสัมภาษณ์ไปก็คงไม่เอางานนี้ หนูควรจะไปสัมภาษณ์งานนี้ดีไหมคะ

 

A: มันมีวิธีคิดได้หลายวิธีครับ ไม่มีผิดมีถูก เดี๋ยวพี่จะลองกางแต่ละทางเลือกให้ และชวนน้องคิดตามไปด้วย สุดท้ายน้องน่าจะเป็นคนเลือกได้ดีที่สุด

 

วิธีคิดแบบแรก – เมื่อรู้อยู่แล้วว่าจะไม่ใช่ทางก็ไม่ต้องไป ไม่ต้องเสียเวลาทั้งเขาทั้งเราดี

 

ถ้างานที่เราทำในปัจจุบันยังตอบโจทย์ชีวิตเราอยู่ ยังไม่อยากย้ายไปไหน หรือเราเองอาจจะเพิ่งย้ายงานมาใหม่ๆ และอยากจะใช้เวลาโฟกัสที่งานที่เพิ่งได้มากกว่า ถ้าอยากจะปฏิเสธงานนั้นไปตั้งแต่ต้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ครับ ก็ดีเหมือนกันนะ ชัดเจน ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งหมด 

 

สำคัญนะครับที่เราจะต้องให้เวลาตัวเองในการโฟกัสกับงานใหม่ที่เพิ่งได้ตำแหน่งมาหมาดๆ ก่อน เพราะทั้งเราและทีมก็จำเป็นต้องการการปรับตัวด้วยกันทั้งนั้น กว่าจะลงตัวเข้าที่เข้าทางบางทีก็ใช้เวลาเป็นปี 

 

อีกอย่าง พี่คิดว่าเราเพิ่งย้ายงานมาไม่ทันไร จู่ๆ จะไปหางานใหม่แล้ว พี่ก็คิดว่ามันก็ไม่น่ารักเท่าไร เผลอๆ จะโดนแบล็กลิสต์ได้ เราไม่มีทางรู้เลยครับว่าใครจะไปคุยเรื่องของเราว่าอย่างไรบ้าง เวลาเขาแอบเช็กประวัติของเรา ไม่มีใครเขาบอกเราตรงๆ โต้งๆ หรอกครับ

 

เว้นแต่ว่าเข้าไปทำงานแล้ว งานที่ได้ทำไม่ตรงกับที่เราเคยคุยกันไว้ ติดเรื่องการเมืองบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถทำงานได้อย่างตั้งใจ อยู่แล้วไม่สามารถใช้ศักยภาพได้เต็มที่ คุยกับหัวหน้าแล้วดูท่าไม่มีทางออกให้กับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ตัวเองเฉานานหรอกครับ ไปหาชีวิตใหม่โลด!

 

หรือถ้างานที่เขาเสนอมามันไม่ตรงจริตของเราจริงๆ เราก็สามารถปฏิเสธได้ครับ เช่น เราไม่โอเคเลยที่จะทำผลิตภัณฑ์บางอย่าง เพราะมันขัดกับความเชื่อหรือไลฟ์สไตล์ของเราจริงๆ หรือเราอาจจะไม่ชอบองค์กรที่เสนอมา (เพราะแบบนี้ไงล่ะครับ ทุกบริษัทถึงควรมีภาพลักษณ์ที่ดี ถ้าภาพลักษณ์บริษัทเยิน บริษัทนั้นก็จะหาคนมาทำงานด้วยยาก คนเราก็อยากทำงานในองค์กรที่บอกใครไปแล้วเราภูมิใจได้เต็มที่นะครับ) หรืองานที่เขาเสนอมามันไม่ตรงกับความถนัดของเราเลยจริงๆ และเรามีสิ่งที่เราแน่วแน่อยู่ในใจอยู่แล้ว และอยากโฟกัสที่เส้นทางนั้นจริงๆ จะปฏิเสธไปก็ไม่ผิดครับ

 

สิ่งที่จะฝากให้น้องคิดก่อนปฏิเสธงาน เพราะงานนั้นไม่น่าจะใช่ทางของเราก็คือ งานบางงานที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้หรอก มันไม่ถนัด มันไม่ใช่ทางของเราแน่ๆ จริงๆ แล้วเราคิดว่าเราทำไม่ได้เพราะเราคิดไปเอง หรือเพราะเราเคยลงมือทำแล้วถึงรู้ว่าทำไม่ได้

 

วิธีคิดแบบที่ 2 – ไปให้รู้ว่า อ๋อ…มันเป็นแบบนี้นี่เอง

 

โอเคแหละว่า มันอาจจะไม่ใช่งานที่เราฟังปุ๊บแล้วอยากกระโดดเข้าไปทำ เราอาจจะมีความลังเลว่า มันใช่ทางของเราหรือเปล่า ถ้าอยากรู้ เราก็ไปหาคำตอบ

 

โดยส่วนตัวแล้ว พี่คิดว่าการไปสัมภาษณ์งานทำให้เราได้รู้จักองค์กรนั้นมากขึ้น เป็นประสบการณ์แบบที่เราหาไม่ได้จากการเป็นลูกค้า เป็นลูกค้าก็เป็นแบบหนึ่ง แต่เป็นคนทำงานไม่เหมือนกัน

 

เป็นพี่ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันนะครับว่าแต่ละที่เขาทำงานกันอย่างไร บางทีเวลาเราไปสัมภาษณ์งานแล้วได้คุยกับคนเก่งๆ นี่เหมือนเราได้ความรู้จากเขาไปด้วยเลยนะครับ พี่จะดูว่าองค์กรนี้เขาเจ๋งยังไง คนที่เราคุยด้วยเขาทำงานแบบไหนกันเขาถึงได้อยู่ในตำแหน่งนั้น เขาเชื่ออะไรกันเหรอในองค์กรนี้ถึงอยู่ในโลกนี้ได้ ฯลฯ

 

พอออกไปดูโลกที่กว้างขึ้น ดูงานของบริษัทอื่นบ้าง บางทีมันทำให้เราตาสว่างขึ้นเหมือนกันนะครับ เฮ้ย! เขาทำงานกันแบบนี้ เขามีวิสัยทัศน์กันแบบนี้ เขาไปถึงไหนกันแล้ว งานแบบนี้มันมีด้วยเหรอ ดีออกครับ เหมือนสำรวจโลกไปในตัว 

 

นี่ไง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราได้รู้เลยว่าองค์กรนี้เป็นอย่างไร เราได้เก็บกลับมาใช้ด้วย เจ๋งดีนะ!

 

หรือบางทีถ้าองค์กรนั้นน่าสนใจ แต่ตำแหน่งงานที่เขาเสนอมาไม่ตรงกับความสนใจของเราโดยตรง จะไปคุยก่อนเผื่อว่าวันหนึ่งที่เขามีตำแหน่งที่เราสนใจว่างพอดี เราจะได้มีข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่าองค์กรนี้เป็นอย่างไร ถือเป็นการทำการบ้านไว้ก่อน

 

อีกอย่างเอาไว้เช็กค่าตัวด้วยครับว่าตอนนี้อุตสาหกรรมที่เราทำงานอยู่ บนตำแหน่งนี้ๆ เขาให้ค่าตอบแทนกันอยู่ที่เท่าไร เรื่องนี้รู้ไว้ก็เป็นประโยชน์นะครับ เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าเราไม่เคยรู้เลยว่าเรตที่เราได้นั้นอยู่จุดไหนของงานในอุตสาหกรรมนี้ เราอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบบริษัทได้

 

สุดท้ายแล้ว ต่อให้เราไม่เลือกบริษัทนั้น หรือบริษัทนั้นไม่เลือกเรา ก็ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เราทั้งคู่มีสิทธิ์ในการเลือก ก็บางทีไปคุยแล้วเราชัดเจนยิ่งกว่าเดิมว่าเราไม่ใช่หรือเขาไม่ใช่ไง ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ Headhunter/HR จะมาโกรธเราไม่ได้หรอกว่าเราไม่เลือกเขาอยู่แล้วทำไมถึงยังจะมาสัมภาษณ์ ก็เราอยากรู้ อยากมั่นใจนี่ว่าไอ้ที่คิดว่าไม่ใช่น่ะมันไม่ใช่จริงๆ หรือเปล่า

 

บางทีที่คิดว่าไม่ใช่ พอได้ไปคุยแล้ว เออ! ใช่ว่ะ หรือ เฮ้ย! มันก็น่าลองนะ ก็เป็นไปได้นะครับ ประเด็นมันอยู่ที่เราได้ลองให้โอกาสตัวเอง และโอกาสบริษัทนั้นทำความรู้จักกันหรือยังมากกว่า 

 

ถ้าคุยแล้วใช่ก็ดี คุยแล้วไม่ใช่ก็ดี มันดีหมดแหละถ้าเราจะมอง มันไม่มีคำว่าเสียเวลา พี่คิดว่าในทางหนึ่งการไปสัมภาษณ์งานก็ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยว่า ทางไหนเป็นทางของเรา ทางไหนไม่ใช่ องค์กรแบบไหนถูกจริตของเรา องค์กรแบบไหนไม่ใช่ทาง

 

ไปสัมภาษณ์แล้วเราปฏิเสธทีหลังจะดูไม่ดีไหม ไม่หรอกครับ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่แค่บริษัทเลือกเรา เราต้องเลือกบริษัทด้วย เขาอยากได้เรา แต่เราไม่อยากได้เขา ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ใช่ก็ต้องปฏิเสธ

 

จะเห็นได้ว่าจะเป็นวิธีคิดแบบไหนก็มีทางออกที่ดีหมด ถ้าคิดว่า ไปคุยแล้วจะเสียเวลาทั้งเขาและเราก็ไม่ต้องไป ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ดีกว่า แต่ถ้าจะไปคุยก็ขอให้คิดว่าเราไปใช้เวลาตรงนั้นให้เกิดประโยชน์ให้ได้ ถือเป็นการไปสำรวจโลกไปในตัว 

 

คิดแบบนี้แล้วไม่มีคำว่าเสียเวลาเลย ว่าไหมครับ

 

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising