×

บ้านก็มี โรงแรมก็ทำ แต่ทำไม ‘ตระกูลจิราธิวัฒน์’ ถึงตั้งกองทุน Private Equity มูลค่าหมื่นล้านเพื่อลงทุนในธุรกิจ Hospitality

17.01.2024
  • LOADING...

หากเจาะเข้าไปในธุรกิจของเครือเซ็นทรัล เราจะพบว่าธุรกิจโรงแรมนั้นถูกบริหารงานโดยเครือโรงแรมเซ็นทารา ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นก็มีเซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ทำอยู่ ซึ่งได้ประกาศเป้าหมายเอาไว้ว่าภายในปี 2569 ธุรกิจ Residential จะขยายเพิ่มกว่า 50 โครงการ และเติบโตอย่างยั่งยืนไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ทำให้ในอนาคตจะมีโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุม 27 จังหวัด มากกว่า 70 โครงการ

 

เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมภายใต้ CPN ที่วางแผนว่าภายใน 5 ปี จะขยายโรงแรมรวม 37 โครงการ ใน 27 จังหวัด ทั้งหัวเมืองใหญ่ หัวเมืองรอง และเมืองท่องเที่ยว รวมกว่า 4,000 ห้อง มูลค่าการลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Centara 4 แห่ง, Centara One 8 แห่ง และสุดท้าย Go! Hotel 25 แห่งด้วยกัน

 

แต่ล่าสุดทาง ‘ตระกูลจิราธิวัฒน์’ ได้ออกมาประกาศตั้งบริษัทที่ชื่อว่า ‘บริษัท CG Capital จำกัด’ ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้บริหารกองทุน Private Equity กองแรกมีมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท โดยมีผู้ลงทุนหลักประกอบด้วย 

  1. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 
  2. ธนาคารชั้นนำ 
  3. นักลงทุนสถาบันระดับโลก โดยไม่ขอเปิดเผยสัดส่วนและชื่อองค์กรที่เข้าร่วมด้วย

 

กองทุนนี้ถูกระบุว่ามีวัตถุประสงค์ลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งการลงทุนในโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุก สวนน้ำ และมิกซ์ยูสที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย และพัทยา โดยคาดว่าจะลงทุนปีละ 3-5 โครงการ 

 

ภูมิ จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และกรรมการบริหาร บริษัท CG Capital จำกัด เปิดเผยว่า ที่ตั้งกองทุนขึ้นมาเพราะภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤตโควิดสามารถพลิกฟื้นกลับมาขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดจากสิ้นปี 2566 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยจำนวนสูงถึง 28 ล้านคน และมีแนวโน้มที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเท่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด และขยายตัวต่อไปได้อย่างแน่นอน

 

ที่น่าสนใจคือภูมิไม่ได้เป็นเพียงผู้ก่อตั้ง CG Capital แต่ยังอยู่ในตำแหน่ง Head of Hotels and Alternative Investments ของ CPN และยังมีบทบาทสำคัญในด้านการลงทุนธุรกิจโรงแรม การลงทุนใน Data Center และ Venture Capital ของ CPN อีกด้วย

 

ก่อนเข้ารับตำแหน่งที่ CPN ภูมิดำรงตำแหน่ง VP ที่ L Catterton บริษัทในกลุ่มของ LVMH ดูแลบริหารกองทุน Consumer Private Equity มูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

นอกจากนี้ ภูมิยังเป็นคณะกรรมการบริหารของโรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ และโรงแรมฮิลตัน พัทยา ทั้งยังเป็นกรรมการผู้บริหารของศูนย์การค้าเมกาบางนา โดยภูมิสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยทัฟส์ และปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ จาก Anderson School of Management แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส

 

ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตระกูลจิราธิวัฒน์ไว้ใจให้ภูมิเข้ามารับตำแหน่งนี้

 

ภูมิย้ำว่า Private Equity ดังกล่าวจะไม่ทับซ้อนกับธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล รวมถึง CPN เพราะตัว CPN เน้นลงทุนมิกซ์ยูสที่มีศูนย์การค้าเป็นตัวนำ ขณะที่ CG Capital จะลงทุนในธุรกิจ Hospitality ซึ่งกองทุนนี้มีความคล่องตัวกว่าและโฟกัสกับ Ecosystem ที่เกี่ยวกับโรงแรมเป็นหลัก

 

จริงๆ ใช่ว่าตระกูลมหาเศรษฐีอื่นๆ ของเมืองไทยจะไม่เคยตั้ง Private Equity ขึ้นมา ก่อนหน้านี้ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ธุรกิจอสังหาในเครือของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้จัดตั้งองค์กรการร่วมทุน (Investment Vehicle) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย มีมูลค่าเงินลงทุนรวมสูงสุดประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.65 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะเข้าร่วมลงทุนประมาณ 15-60% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด และส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะเป็นการร่วมลงทุนจากผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

 

แต่นั่นเป็นการร่วมลงทุนในนามบริษัทเจ้าสัวเจริญเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ได้ลงทุนในนามตระกูลสิริวัฒนภักดีเหมือนกับของตระกูลจิราธิวัฒน์

 

เบื้องต้นมีการเปิดเผยว่า ในปี 2567 CG Capital จะเปิดตัวโครงการแรกที่ลงทุน ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัย Branded Residences ภายใต้เครือโรงแรมบูติกไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่าง Standard International (สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล) โดยใช้ชื่อว่า The Standard Residences, Phuket Bang Tao (เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา) และ The Peri Hotel Phuket Bang Tao (เดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา) ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือแบรนด์ Standard International เช่นเดียวกัน

 

ทำเลที่ตั้งถือเป็นไข่แดงของย่านเชิงทะเล-บางเทา ซึ่งเป็นทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในภูเก็ต ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อีกทั้งใกล้แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารดังในภูเก็ต เช่น โบ้ทอเวนิว, ลากูน่า กอล์ฟ คลับ, ปอร์โต เดอ ภูเก็ต และสวนน้ำบลูทรี โดยมีมูลค่าโครงการมากกว่า 5 พันล้านบาท จะเปิดตัวภายในเดือนเมษายน 2567 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปี 2569

 

“หาดบางเทามีอีกชื่อเล่นว่าทองหล่อแห่งภูเก็ต ทำให้เราสนใจที่จะลงทุนในทำเลนี้” ภูมิกล่าว

 

ภูมิยังไม่ขอเปิดเผยราคาของ The Standard Residences, Phuket Bang Tao แต่เมื่อปีที่แล้ว THE STANDARD WEALTH เคยได้คุยกับ อมาร์ ลัลวานี ประธานกรรมการบริหาร Standard International ที่ได้เปิดเผยเบื้องต้นว่า โครงการมี 222 ยูนิต เริ่มต้น 1 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร ถึงดูเพล็กซ์ขนาด 270 ตารางเมตร ขณะที่ราคานั้นอาจเริ่มต้นเกือบ 10 ล้านบาทด้วยกัน

 

แน่นอนว่าทุกการลงทุนย่อมต้องหวังผลตอบแทน ภูมิระบุว่า ตั้งเป้า Return ไว้ประมาณ 18% ต่อปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขมาตรฐานของ Private Equity ที่ทำเรื่องอสังหา และมีการประเมินความเสี่ยงต่างๆ เข้ามาร่วมด้วยแล้ว ขณะที่เงินกองทุนอีก 5 พันล้านบาท จะทยอยใช้ลงทุนในอีก 5 ปีต่อจากนี้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising