นอกจากการเล่มเกมเพื่อหารายได้ และการออกกำลังเพื่อหารายได้แล้ว ต่อไปในอนาคตเราอาจได้เห็นการสวมใส่เสื้อผ้าเพื่อหารายได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีแบรนด์แฟชั่นมากมายที่เริ่มเข้าสู่วงการ NFT แล้ว
กระแส Metaverse และ Web 3.0 ที่กำลังมาแรง ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกม กีฬา ดนตรี ต้องปรับตัวอย่างมาก ในวงการเกมมีสิ่งที่เรียกว่า Play-to-Earn (P2E) ที่ผู้เล่นเพลิดเพลินกับการเล่นเกมและได้รับรางวัลเป็นเหรียญคริปโต สำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นก็มีสิ่งที่เรียกว่า Wear-to-Earn (W2E) เช่นกัน
แฟชั่น W2E ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความนิยมของ Non-Fungible Token (NFT) ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของโควิด ทำให้ผู้คนเข้าสู่โลกออนไลน์และโต้ตอบกันบนหน้าจอมากขึ้น อุตสาหกรรมแฟชั่นได้ออกแบบเสื้อผ้าและอุปกรณ์สวมใส่ให้ผู้คนสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตจริงและในโลกเสมือน โดยคาดว่าโทเคนแฟชั่น NFT อาจครองสัดส่วน NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคต
Wear-to-Earn NFT คืออะไร
NFT แฟชั่นดิจิทัลคือ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ ที่สวมใส่ในโลกเสมือนหรือในระบบนิเวศของเกม ปัจจุบัน NFT แฟชั่นดิจิทัลถูกซื้อเพื่อการเก็งกำไรและลงทุนเป็นอวาตาร์ที่อยู่ในเกมบล็อกเชน
โทเคน NFT เหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนใบรับรองว่าผลิตภัณฑ์เป็นของแท้ บางแบรนด์อาจมอบ NFT ให้แก่ลูกค้าเป็นของสมนาคุณ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า บางแบรนด์อาจมอบสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงศิลปินที่เข้าร่วมโปรเจกต์ด้วย ตอนนี้มีแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ระดับโลกมากมายที่เข้าสู่วงการแฟชั่นดิจิทัลแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Dolce & Gabbana (D&G), Gap, Burberry, Balenciaga และ Louis Vuitton ซึ่งแฟชั่นดิจิทัลถือเป็นแฟชั่นที่ยั่งยืน (Sustainable Fashion) อีกด้วย
Wear-to-Earn มีผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร?
เสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ หรือที่เราเรียกว่า ‘Fast Fashion’ ทำให้โรงงานต้องปล่อยมลพิษและใช้น้ำในการผลิตเสื้อผ้าแต่ละตัวเยอะมาก แต่ในอนาคต เมื่อธุรกิจเข้าสู่แฟชั่นดิจิทัลหรือโลก Metaverse แล้ว ผู้คนสามารถลองสวมใส่เสื้อผ้าจำลองบนหน้าจอได้ สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ราวกับเสื้อผ้าจริงๆ ซึ่งจะลดการผลิตเสื้อผ้าได้ การผลิตเสื้อผ้าดิจิทัลสามารถลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้มากถึง 97% เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าแบบปกติที่เราสวมใส่กัน
การแสดงแฟชั่นโชว์ในอนาคตก็อาจจะอยู่ในโลก Metaverse โดยที่แบรนด์เสื้อผ้าไม่ต้องมาจัดสถานที่หรือใช้เสื้อผ้าจริงให้สิ้นเปลือง ปัจจุบัน NFT Runway เป็นอีกโปรเจกต์แฟชั่นแรกที่ใช้เทคโนโลยี 3DREAL โดยร่วมมือกับ Ohzone Inc เพื่อนำแฟชั่นมาสู่ Metaverse ใน Decentraland
NFT ได้รับความนิยมอย่างสูงตั้งแต่ปี 2021 โดยปีที่แล้วคอลเล็กชันแฟชั่น NFT สุดหรูของ Dolce & Gabbana ถูกประมูลไปกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐบนแพลตฟอร์ม UNXD และกลายเป็นซีรีส์ NFT แฟชั่นที่แพงที่สุดที่ถูกขายไป ผู้ที่สนใจสามารถซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์นี้ได้ ซึ่งรองเท้าคู่หนึ่งจะอยู่ที่ 500 ดอลลาร์สหรัฐ และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ราคาอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายแบรนด์ที่ราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ เช่น DressX ทุกคนสามารถสวมใส่เสื้อผ้าดิจิทัลได้ หมวก 1 ใบราคาเร่ิมต้นเพียง 25 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ต่อไปเราทุกคนมีรูปที่ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องรอรับสินค้าและไม่ต้องสวมใส่จริงๆ
Daria Shapovalova ผู้ก่อตั้ง DressX ใส่เสื้อผ้าดิจิทัลที่ออกแบบโดย Paskal
ปัจจุบันการใช้งาน NFT แฟชั่นยังคงจำกัดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ NFT ซึ่งเป็นอวาตาร์แต่งตัวใน Metaverse และเกมบล็อกเชน การหารายได้จะเน้นไปที่ตลาดรองหรือการขายต่อเป็นหลัก ซึ่งการที่ NFT แฟชั่นจะประสบความสำเร็จได้ อาจจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่มาสนับสนุนมากขึ้นในอนาคต
อ้างอิง: