×

พนักงาน UPS เตรียมหยุดงานเพื่อประท้วง คาดเป็นการหยุดงานที่แพงที่สุดในรอบอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ ด้วยมูลค่าความเสียหายสูงถึง 2.4 แสนล้านบาท

21.07.2023
  • LOADING...
UPS

การนัดหยุดงานของ United Parcel Service (UPS) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดส่งพัสดุที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาจสร้างความปั่นป่วนอย่างร้ายแรงภายในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา หากการเจรจาสัญญาสหภาพแรงงานในปัจจุบันไม่สามารถหาข้อยุติได้ภายในสิ้นเดือนนี้

 

สถานการณ์นี้ทำให้นึกถึงสถานการณ์ที่คล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นในปี 1997 เมื่อพนักงานของ UPS หยุดงานประท้วง สร้างความยุ่งยากและความไม่สะดวกให้กับทั้งบริษัทและผู้บริโภคทั่วประเทศเป็นอย่างมาก

 

เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา การนัดหยุดงานในลักษณะเดียวกันกับในปัจจุบันอาจมีนัยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สาเหตุหลักมาจากความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของบริการจัดส่งพัสดุในระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอีคอมเมิร์ซ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ย้อนกลับไปในปี 1997 โลกเป็นสถานที่ที่แตกต่างออกไปมาก ดังที่ Gregg Zegras ประธานหน่วยธุรกิจอีคอมเมิร์ซระดับโลกของ Pitney Bowes บริษัทเทคโนโลยีการขนส่งที่ติดตามแนวโน้มและข้อมูลในอุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุ ได้เน้นย้ำ Zegras โดยชี้ให้เห็นว่า ในช่วงเวลานั้นผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงจับจ่ายซื้อของในร้านค้าจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับภูมิทัศน์ในปัจจุบันที่การซื้อของออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนจำนวนมาก

 

ปัจจุบัน UPS จัดการประมาณ 25% ของปริมาณการจัดส่งพัสดุทั้งหมดในสหรัฐฯ ตามรายงานของ Pitney Bowes ซึ่งในกรณีที่มีการหยุดงานประท้วงของ UPS หลายคนอาจคิดว่าคู่แข่งอย่าง FedEx และ U.S. Postal Service สามารถเข้ามาเติมเต็มช่องว่างได้

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าเครือข่ายโลจิสติกส์ในปัจจุบันถึงขีดจำกัดแล้ว และไม่สามารถรองรับปริมาณที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่และความล่าช้าสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจที่ต้องพึ่งพา UPS ในการจัดส่ง

 

ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการนัดหยุดงานดังกล่าวมีนัยสำคัญ การศึกษาล่าสุดที่จัดทำโดย Anderson Economic Group ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการวิจัยการหยุดชะงักของแรงงาน ประเมินว่า การนัดหยุดงาน 10 วันอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เสียหายมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.4 แสนล้านบาท 

 

นี่จะทำให้เป็นการหยุดงานที่แพงที่สุดในรอบอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ โดยความสูญเสียจะรวมถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์ที่เกิดจากผู้บริโภคและธุรกิจที่ต้องพึ่งพา UPS บวกกับการสูญเสียค่าจ้างพนักงานอีกกว่าพันล้านดอลลาร์ และการสูญเสียของบริษัทอีก 800 ล้านดอลลาร์

 

อีคอมเมิร์ซหรือการช้อปปิ้งออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโควิด โดยระหว่างการล็อกดาวน์และการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างมาก แม้ว่าสังคมจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่แนวโน้มการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไป โดยเมื่อยกเว้นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น น้ำมันเบนซินและยานยนต์ อีคอมเมิร์ซคิดเป็นประมาณ 20% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดในสหรัฐฯ

 

ผลกระทบของการนัดหยุดงานที่อาจเกิดขึ้นมีมากกว่าผู้บริโภคแต่ละรายที่รอคำสั่งซื้อจาก Amazon เพราะธุรกิจต่างๆ ยังพึ่งพาผู้ให้บริการขนส่งอย่าง UPS ในการจัดส่งทุกอย่างตั้งแต่รองเท้าผ้าใบ เวชภัณฑ์ ไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ ประมาณ 40% ของการจัดส่งของ UPS ถูกส่งไปยังธุรกิจ ทำให้นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่แพร่หลายในธุรกิจอีกด้วย

 

สำหรับพนักงานของ UPS จำนวน 340,000 คน การนัดหยุดงานอาจเป็นเพียงวิธีเดียวในการต่อรองผลประโยชน์ที่ดีขึ้น แม้จะมีข้อตกลงในบางประเด็น เช่น การยกเลิกระบบค่าจ้างแบบ 2 ชั้น และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในรถส่งสินค้า แต่ยังไม่ลงตัวเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพและค่าจ้างที่สูงขึ้นสำหรับพนักงานชั่วคราว

 

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การนัดหยุดงานที่อาจเกิดขึ้นไม่น่าจะอยู่ได้นาน เนื่องจากผลกระทบทางการเงินที่รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับ UPS ทว่าการคุกคามของการนัดหยุดงานดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของบริษัทจัดส่งพัสดุในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ การเจรจาและผลลัพธ์ของพวกเขายังเน้นให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพลของสหภาพแรงงานในการต่อสู้เพื่อสภาพการทำงานที่ดีขึ้นและค่าจ้างที่เป็นธรรม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising