×

สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มประเทศในกลุ่ม ‘Do Not Travel’ เป็น 80% ของประเทศในประชาคมโลก หลังโควิด-19 ระบาดต่อเนื่อง

20.04.2021
  • LOADING...
สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มประเทศในกลุ่ม ‘Do Not Travel’ เป็น 80% ของประเทศในประชาคมโลก หลังโควิด-19 ระบาดต่อเนื่อง

วันนี้ (20 เมษายน) ทางการสหรัฐอเมริกาเตรียมเพิ่มรายชื่อประเทศเข้าไปในลิสต์ ‘Do Not Travel’ ในคู่มือการเดินทาง เป็น 80% ของประเทศในประชาคมโลก หลังโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด เป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนะยังไม่ควรเดินทางในช่วงเวลานี้

 

กระทรวงการต่างประเทศระบุ การเพิ่มรายชื่อประเทศในครั้งนี้จะทำให้กลุ่มประเทศในกลุ่มระดับที่ 4 อย่าง ‘Do Not Travel’ คิดเป็น 4 ใน 5 ของประชาคมโลก จากเดิมที่มี 34 ประเทศได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้แล้ว เช่น บราซิล เคนยา รัสเซีย อาร์เจนตินา แทนซาเนีย เมียนมา เป็นต้น คาดว่าครั้งนี้จะเพิ่มรายชื่อประเทศใหม่อีกเกือบ 130 จากราว 200 ประเทศทั่วโลก 

 

ขณะนี้มีเพียงนิวซีแลนด์ ไต้หวัน และมาเก๊า เท่านั้นที่ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศระดับที่ 1 ‘Exercise Normal Precautions’ ซึ่งถือเป็นระดับการเตือนที่ต่ำที่สุด เนื่องจากทางการในกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่สามารถบริหารจัดการวิกฤตและรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ 

 

ส่วนประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศระดับที่ 3 ‘Reconsider Travel’ ให้พิจารณาให้ดีหากต้องการที่จะเดินทางไปในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา อยู่กลุ่มนี้ร่วมกับจีน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย เป็นต้น โดยรายชื่อประเทศที่อยู่ในลิสต์ที่จัดทำใหม่นี้อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศนั้นๆ หากแต่อ้างอิงจากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ อย่าง CDC

 

สหรัฐฯ ยังคงนำเป็นอันดับ 1 ประเทศที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 มากที่สุดในเชิงปริมาณขณะนี้ ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 212 ล้านโดส พลเมืองราว 132 ล้านรายรับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่กว่า 85 ล้านรายรับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ถึงกระนั้น ทางการก็ยังแนะให้ไม่ควรเดินทางในระยะนี้ เนื่องจากโควิด-19 ยังคงระบาดหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายพันธ์ุที่กลายพันธุ์ 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 

ภาพ: Photo Illustration by Igor Golovniov / SOPA Images / LightRocket via Getty Images

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising