หนึ่งในความท้าทายของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์คือ ‘สงครามราคา’ โดยเฉพาะวันที่บริษัทต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทยแบบครบวงจรด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
‘เดอเบล’ บริษัทที่ประกอบธุรกิจกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 21 ปี ยังคงเดินหน้าขยายความสำเร็จตามกลยุทธ์ปลุกพลังธุรกิจเติบโต (Growing) เตรียมงัดกลยุทธ์ ‘เข้าใจ-เข้าถึง’ สร้างแต้มต่อการแข่งขัน พร้อมเปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพคลังสินค้า และเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตของคู่ค้าทางธุรกิจ
รุกทำเลยุทธศาสตร์ เปิดตัว ‘ศูนย์กระจายสินค้าวังน้อย’
ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองของเดอเบลในต้นปีนี้คือการเปิดตัว ‘ศูนย์กระจายสินค้าวังน้อย’ ชูจุดเด่นทำเลยุทธศาสตร์ที่มีการคมนาคมสะดวก เชื่อมต่อทั้งกรุงเทพฯ และภาคอื่นๆ สามารถขนส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมงสู่สาขาของเดอเบลทั่วประเทศ สามารถเชื่อมต่อเส้นทางการขนส่งทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว
ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ถูกนำมาพัฒนาพื้นที่ 11 ไร่ให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้า 4 อาคาร จัดเก็บสินค้าได้ถึง 5 ชั้น และพื้นคลังสินค้ารองรับน้ำหนัก 3 ตันต่อตารางเมตรตามมาตรฐานคลังสินค้า สามารถรองรับได้มากกว่า 10,000 พาเลต ส่งผลให้ในภาพรวมของเดอเบลทั่วประเทศที่มีศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่ง (บางบอนและวังน้อย) สำนักงานสาขา 22 แห่งทั่วประเทศ มีความสามารถรองรับได้มากกว่า 54,000 พาเลต
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีต่างๆ ของระบบคลังสินค้าให้มีความอัจฉริยะ การจัดการที่แม่นยำ และติดตามได้แบบเรียลไทม์ เช่น WMS, DMS และ ePOD ที่สำคัญศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทั้งมลพิษด้านอากาศและเสียง ตลอดจนลดความแออัดในชุมชนเมือง มีการนำรถ Forklift ไฟฟ้า, หลอดไฟ LED และมีแผนจะใช้รถขนส่ง EV ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบ มีการจัดระบบการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนในทุกกระบวนการผลิต
คลี่กลยุทธ์ ‘เข้าใจ-เข้าถึง’
เดอเบลเป็นที่รู้จักในฐานะโลจิสติกส์ครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญและให้บริการลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การรับสินค้า การกระจายสินค้า มีช่องทางการจัดจำหน่าย มีหน่วยรถและทีมรถที่หลากหลาย ช่วยกระจายสินค้าได้กว้างและรวดเร็ว สร้างประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้า โดยเฉพาะการกระจายสินค้าใหม่ หรือ NPD ที่เดอเบลสามารถกระจายได้ทั่วถึงทั้งประเทศภายในระยะเวลาเพียง 12 วัน เข้าถึงกว่า 140,000 ร้านค้า รวมถึงให้คำปรึกษา วางแผนการตลาด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และวางแผนที่แม่นยำอย่างมืออาชีพ ช่วยให้คู่ค้าทำตลาดและขยายฐานไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้เดอเบลมีจุดแข็งด้านความพร้อมที่จะรองรับความต้องการของลูกค้ารายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาใช้บริการใหม่ๆ ซึ่งครอบคลุมทั้งบริการคลังสินค้า, บริการ Fulfillment และบริการ Co-Packing ตอบโจทย์เทรนด์การเติบโตของช่องทาง Omni-Channel เชื่อมต่อประสบการณ์ไร้รอยต่อระหว่างออฟไลน์และออนไลน์
สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ดังกล่าวรวมถึงจุดแข็งของเดอเบลจะขับเคลื่อนตลาดขนส่งให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง “เราตั้งเป้าขยายการเติบโต 2 เท่า โดยจะเน้นเพิ่มพอร์ตโฟลิโอลูกค้านอกกลุ่มธุรกิจ TCP หรือ Non-TCP ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 25% และกลุ่มธุรกิจ TCP 75% โดยในปีที่ผ่านมาเดอเบลให้บริการคู่ค้า 13 ราย รายได้เติบโตกว่า 20% ตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% ภายใน 5 ปี (ระหว่างปี 2566-2571)”
อย่างไรก็ดี การปรับกลยุทธ์และเปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ไม่เพียงสร้างแต้มต่อในการแข่งขัน แต่ยังช่วยยกระดับคู่ค้าทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
