วันนี้ (27 ตุลาคม) ทอม แอนดรูว์ เจ้าหน้าที่พิเศษของสหประชาชาติที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา เรียกร้องให้ประชาคมโลกคว่ำบาตรและแบนการซื้อขายอาวุธกับกองทัพเมียนมา หลังใช้อาวุธที่ได้รับมาจากประเทศพันธมิตรโดยเฉพาะรัสเซีย คร่าชีวิตประชาชนชาวเมียนมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 ที่ผ่านมา
แอนดรูว์เผยว่า “ชนิดของอาวุธที่ใช้สังหารประชาชนชาวยูเครนก็ถูกใช้สังหารประชาชนในเมียนมาเช่นเดียวกัน และทั้งหมดก็มาจากแหล่งเดียวกัน นั่นคือรัสเซีย ประชาคมโลกจึงควรร่วมมือกันดำเนินมาตรการที่เพิ่มแรงกดดันต่อทั้งเมียนมาและรัสเซีย”
โดยรัสเซียถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในประชาคมโลกที่ยังคงแสดงท่าทีที่เป็นมิตรต่อรัฐบาลทหารเมียนมาภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาวุธที่สำคัญของกองทัพเมียนมาในปัจจุบันอีกด้วย
ล่าสุดสมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองของเมียนมา (AAPP) รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตภายหลังรัฐประหารสูงเกือบ 2,400 รายแล้ว ขณะที่ยอดผู้ถูกจับกุมตัวทั้งหมดสูงเกือบ 16,000 คน ในจำนวนนี้มี 12,767 คน ที่ยังคงถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีหรือตัดสินโทษตามกฎหมายภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร โดยสถิติเหล่านี้ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางส่วนได้รับการปล่อยตัวบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจนนาดี กูซแมน ผู้ช่วยเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ออกมาตอบโต้ว่า “สิ่งที่แอนดรูว์พูดบางอย่างไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง อีกทั้งยังไม่ใช่ธุระอะไรที่คุณจะมาบอกว่าเจ้าของอาวุธนั้นอาวุธนี้กำลังสังหารประชาชนพลเรือน ผู้สูงอายุ ผู้หญิง และเด็กๆ ทั่วโลก คุณได้รับแต่งตั้งให้รายงานสถานการณ์ในเมียนมา ก็จัดการเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเมียนมา ไม่ใช่ยูเครน”
ภาพ: Sefa Karacan / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: