×
SCB Omnibus Fund 2024

‘TU’ โชว์ผลงานปี 65 กำไรทรุด 11% เหลือ 7.1 พันล้านบาท เหตุโดนผลกระทบขาดทุน Red Lobster ที่เพิ่มขึ้น

21.02.2023
  • LOADING...
บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แจ้งผลประกอบการปี 2565 มีกำไร 7.1 พันล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อน เหตุขาดทุนจาก Red Lobster เพิ่มขึ้น แถมมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างโรงงาน แต่ยังประกาศจ่ายปันผลจากงวดผลงานครึ่งหลังปี 2565 อีกหุ้นละ 0.84 บาท 

 

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,138 ล้านบาท ลดลง 10.9% จากปีก่อนหน้า โดยอัตรากำไรสุทธิในปี 2565 คิดเป็น 4.6% เทียบกับ 5.7% ในปี 2564 ซึ่งกำไรสุทธิที่ลดลง เนื่องจากมีสาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งผลขาดทุนธุรกิจ Red Lobster ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้อื่นที่ลดลงจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของ Red Lobster และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างโรงงาน Rügen Fisch จำนวน 195 ล้านบาท

 

สำหรับในไตรมาส 4/65 มียอดขายที่ 39,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนเผยยอดขายตลอดปี 2565 เพิ่มขึ้น 10.3% อยู่ที่ 155,586 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีกำไรจากการดำเนินงาน 2,384 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

 

“ในปี 2566 แม้ว่าเราจะยังคงเห็นภาวะเงินเฟ้อในทุกภูมิภาคทั่วโลกที่ไทยยูเนี่ยนดำเนินธุรกิจอยู่ แต่ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าการที่ไทยยูเนี่ยนมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาว ตลอดจนวินัยทางการเงิน และการให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางธุรกิจ จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยไทยยูเนี่ยนตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 5-6 และเพิ่มงบลงทุนอยู่ที่ 6,000-6,500 ล้านบาท” ธีรพงศ์กล่าว

 

ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 โต 5-6% 

 

TU แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานและตัวชี้วัดผลการดำเนินงานปี 2566 ตั้งยอดขายปีนี้เติบโต 5-6% จากปี 2565 พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 18-18.5% และตั้งเป้าสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายไว้ที่ประมาณ 11-12% ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 0.5-1% และตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 6,000-6,500 ล้านบาท และมีนโยบายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

 

สำหรับปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญในการทำธุรกิจในปี 2566 คือ ค่าขนส่งและระยะเวลาในการขนส่งที่กลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2566 แม้ว่าในปัจจุบันจะเริ่มเห็นการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการขนส่งสินค้า ต้นทุนในการขนส่งและระยะเวลาการขนส่งทยอยกลับสู่ภาวะปกติ ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังของผลการดำเนินงานงวดปี 2565 อยู่ที่ 0.44 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดปี 2565 อยู่ที่ 0.84 บาทต่อหุ้น และบริษัทยังคงจ่ายอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับดีต่อเนื่องอยู่ที่อัตรา 5.3%

 


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising