ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศแผนขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากต่างประเทศ จุดชนวนความตึงเครียดว่าจะเกิดสงครามการค้าขึ้นทั่วโลก ล่าสุดสหภาพยุโรป (EU), แคนาดา และจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ต่างก็เตรียมงัดมาตรการตอบโต้กำแพงภาษีของสหรัฐฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติ
ทรัมป์ทวีตข้อความว่า สหรัฐอเมริกาถูกทำลายด้วยการค้าที่ไม่เป็นธรรมและนโยบายที่เลวร้าย พร้อมประกาศจะเรียกเก็บอากรนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% และ 10% ตามลำดับ ถึงแม้จะมีกระแสคัดค้านว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ช่วยปกป้องตำแหน่งงานของคนอเมริกัน แต่กลับทำให้ของแพงขึ้น และท้ายที่สุดภาระจะไปตกอยู่กับผู้บริโภคในประเทศ
ด้าน ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า EU จะตอบโต้ด้วยมาตรการที่แข็งกร้าวและสาสมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหภาพยุโรป เพราะอุตสาหกรรมของชาติสมาชิกในยูโรโซนจะได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งงานของชาวยุโรปหลายพันคนต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
ส่วน ฟรองซัวส์-ฟิลลิป แชมเปญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของแคนาดา ระบุว่า การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขณะที่ คริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของแคนาดา เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้สหรัฐฯ แล้ว แต่ยังไม่ได้แจกแจงรายละเอียด โดยแคนาดาถือเป็นประเทศผู้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐฯ
ส่วนจีน เม็กซิโก และบราซิล ก็ออกมาประกาศว่า หากสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีกับเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้า ประเทศเหล่านี้ก็จะตอบโต้ด้วยมาตรการทางการค้าเช่นกัน
ข่าวการผลักดันมาตรการภาษีของทรัมป์ฉุดตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลงอย่างหนักทั่วทั้งภูมิภาคเช้านี้ โดยดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ร่วงลงกว่า 2% นำโดยหุ้น Toyota และ Nippon Steel ที่ดิ่งลงกว่า 2% และ 4% ตามลำดับ
โดย Toyota ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นแสดงความกังวลว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ รวมถึงซัพพลายเออร์และผู้บริโภคด้วย
ส่วนที่เกาหลีใต้ หุ้น Posco ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ ดิ่งลงกว่า 3.5% ซึ่งฉุดดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลงเกือบ 1.5%
อ้างอิง:
