ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันว่าเขาจะพบประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน และพูดคุยแบบตัวต่อตัวในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ หลังจีนประกาศตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีกับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวานนี้ (13 พ.ค.)
แม้การเจรจาระหว่างผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ กับจีนจะไม่มีความคืบหน้า เป็นเหตุให้สหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นภาษีกับสินค้าจีนครอบคลุมมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากอัตรา 10% เป็น 25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีกับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยเริ่มเก็บที่อัตรา 10-25% ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป แต่กระนั้นทรัมป์มองในแง่ดีว่า การพบกับสีจิ้นผิงในเดือนหน้าจะเกิดผลดี เพราะเขาเชื่อว่าจีนต้องการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ
ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ พอใจกับความได้เปรียบและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พร้อมตำหนิจีนที่ทำให้ดีลล่ม เขาระบุว่ารัฐบาลได้ทำข้อตกลงกับจีนแล้ว 95% แต่จีนเป็นฝ่ายที่ต้องการแก้ไขเนื้อหา ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ รับไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องประกาศขยายกำแพงภาษี
ผู้นำสหรัฐฯ มองว่า มาตรการภาษีจะส่งผลดีต่อสหรัฐฯ ถึงแม้ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทรัมป์จะแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่าภาระที่แท้จริงจะไปตกอยู่กับภาคเอกชนและผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง ขณะที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นปัจจัยลบที่ฉุดดัชนีตลาดหุ้นร่วงลงถ้วนหน้า
โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนในรายงานว่า กำแพงภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลเสียต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนโดยรวม นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ด้วย หากสงครามการค้าดำเนินยืดเยื้อ
นอกจากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ทรัมป์ยังเผยด้วยว่ากำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าจีนอีก 3.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
