×

3 ผู้ชุมนุมถูกน้ำสีตำรวจฉีดเป็นแผลพุพอง แจ้งความ สน.บางโพ เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ม.157

โดย THE STANDARD TEAM
23.11.2020
  • LOADING...
3-ผู้ชุมนุมถูกน้ำสีตำรวจฉีดเป็นแผลพุพอง-แจ้งความ-สน.บางโพ-เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ-ม.1572

วันนี้ (23 พฤศจิกายน) คริส โปตระนันทน์ นักกฎหมาย อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคอนาคตใหม่ พา 3 ผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากการฉีดน้ำขับไล่ผู้ชุมนุมที่รัฐสภาและแยกเกียกกายเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แจ้งความกับ พ.ต.อ. สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล (ผกก.สน.) บางโพ เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐในฐานความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดฐานทำร้ายร่างกายจากการกระทำดังกล่าว พร้อมนำตัวอย่างน้ำที่ใช้ฉีด และใบรับรองแพทย์มาประกอบเป็นหลักฐาน

 

คริสกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้นำน้ำเคมีที่ถูกฉีดจากการชุมนุมไปให้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตรวจสอบ พบสารเคมี 5 ตัว เป็นสารละลาย ที่เหลือเป็นแก๊สน้ำตาทั้งหมด 4 ตัว จนร่างกายผู้ชุมนุมเกิดแผลพุพอง เนื้อหลุดลอก จึงมาแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ฐานทำร้ายร่างกาย หากรู้ว่าสารเคมีนี้อันตรายแต่ยังยืนยันจะใช้ อาจเข้าข่ายประพฤติมิชอบตามมาตรา 157 

 

ทั้งนี้ จะให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะ พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ หรือแม้แต่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปจนถึง พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้ไม่ทราบหรอกว่าจะมีใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบ หากจะปฏิเสธไม่ทราบก็เอาหลักฐานออกมาแสดง เพราะบุคคลเหล่านี้ต้องมีรายชื่อในการประชุมอยู่แล้ว ยอมรับว่ากังวล เพราะแจ้งความตำรวจเพื่อเอาผิดตำรวจ แต่ประเทศนี้ยังมีขื่อแป ตำรวจดีๆ ยังมีอีกมากที่จะรับใช้ประชาชนตามกฎหมายโดยไม่ลุแก่อำนาจ

 

สุรเชษฐ์ จิตต์เจริญ อายุ 48 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนอยู่แนวการ์ดช่วงหน้ารถเมล์ที่แยกเกียกกาย ก่อนจะถูกฉีดน้ำจากรถน้ำแรงดันสูงของตำรวจจนปวดแสบปวดร้อน ผ่านไปสองวันผิวก็พุพองหลุดลอก ซึ่งครั้งแรกตำรวจฉีดน้ำเปล่า อีกรอบเป็นน้ำสีม่วงและสีน้ำเงิน ซึ่งเบื้องต้นแพทย์ระบุเป็นการถูกสารเคมีบางชนิด

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising