×

‘ทิพย์รส’ ไอศกรีมไทยคู่ย่านเตาปูน กับการต่อยอดของเจเนอเรชันใหม่ ให้ความอร่อยไม่กลืนหายไปกับเวลา

07.03.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • ทิพย์รสถือกำเนิดขึ้นในย่านเตาปูนตั้งแต่ พ.ศ. 2513 เคยตั้งอยู่ในห้องแถวเล็กๆ ที่คนต่อคิวรอกินยาวไปอีกหลายคูหา ปัจจุบันเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้ง ยังคงมีเมนูดั้งเดิมให้สั่งร่วมกับเมนูยุคใหม่ อันเป็นไอเดียของเจเนอเรชันใหม่ที่ตั้งใจจะรักษาตำนานไอศกรีมแห่งนี้ไม่ให้สูญหาย
  • ไอศกรีมกะทิสูตรของทิพย์รสใช้กะทิสด ผลิตกันวันต่อวัน กะทิไทยมีความหอมหวานมันในตัวเอง โดยทางร้านเลือกใช้แต่หัวกะทิเป็นหลัก ทำกันแบบโฮมเมด จนได้ไอศกรีมที่เข้มข้นกลิ่นหอมเข้าจมูก

‘ทิพย์รส’ ถือกำเนิดขึ้นในย่านเตาปูนตั้งแต่ พ.ศ. 2513 ยกนิ้วนับปีนี้ก็อายุครบครึ่งทศวรรษพอดี ทิพย์รสเคยตั้งอยู่ในห้องแถวเล็กๆ ที่คนต่อคิวรอกินยาวไปอีกหลายคูหา เคยผ่านช่วงเวลาเงียบเหงา เมื่อเมืองไทยมีไอศกรีมสัญชาติใหม่ๆ เข้ามาให้เลือก ความคึกคักจึงสร่างซาไปตามกาลเวลา กระทั่ง 3 ปีที่แล้ว เจเนอเรชันใหม่ได้เข้ามาสานต่อกิจการ โดย ลูกปลา-ภคมน โสภณธนวัฒน์ ผู้เป็นทายาทโดยตรง ได้รวมตัวมิตรสหายอีก 6 คน ได้แก่ ปุ่น-พรชนก ปัญญาพรวิทยา, โบ้ท-ภูธิณัฐศ์ รัตนวิริยะชัย, ปอย-วนันภรณ์ วิภาดากุล, ทัช-ธนภัทร พิชิตนภากุล, ปั๊น-ชัยวุฒิ ผลพนิชรัศมี และ ก้อง-ตรีทศพล วิจิตรกุล ที่รับหน้าที่สนทนากับเราในวันนี้ ทั้งหมดช่วยกันแบ่งสรรปันหน้าที่ ปรับโฉมทิพย์รสให้กลับมาสู่ความนิยมอีกครั้ง

 

The Vibe

ก้องเล่าถึงตำนานไอศกรีมประจำย่านเตาปูนแห่งนี้ให้ฟังว่า “ร้านนี้ก่อตั้งโดยรุ่นอากง เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่ง วันหนึ่งตัดสินใจลองทำไอศกรีมขาย มีรสชาติเดียวคือกะทิรวมมิตร ปรากฏว่าฮิตติดลมบน ขายดีจนคนต่อคิวยาวไปถึงตึกแถวห้องอื่น ตอนหลังต้องเปิดโรงงานทำไอศกรีมขนาดย่อมอยู่ในตลาด จนหลายคนเข้าใจว่าร้านเราอยู่ในตลาดด้วยซ้ำ ขายดีจนอากงขยับขยายร้านมาอยู่ในตึกขนาดสามคูหา”

 

 

ในวันที่เราไปเยือน ทิพย์รสเปลี่ยนตำแหน่งจากที่ตั้งเดิมริมจากริมถนนใหญ่ เข้ามาอยู่ในซอยที่พิกัดห่างจากของเดิม 20 เมตร ปรับโฉมร้านให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังคงอิงกับร้านในอดีต อันเป็นไอเดียของผู้สืบทอดรุ่นปัจจุบันที่ตั้งใจจะรักษาตำนานไอศกรีมแห่งนี้ไม่ให้สูญหาย

 

“เราตั้งใจจำลองบรรยากาศห้องแถวริมถนนของทิพย์รสในอดีต จึงตกแต่งร้านใหม่ โดยอิงกับภาพจำเดิม เลือกใช้วัสดุไม้ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ติดภาพถ่ายร้านสมัยก่อน รวมถึงนาฬิกาลูกตุ้มโบราณที่เป็นของสะสมของอากง แม้จะไม่ได้ใช้เก้าอี้เบาะหนังสีแดงเหมือนสมัยเดิม แต่ก็ยังเลือกใช้เก้าอี้สีแดง เราปรับตัวแต่ก็อนุรักษ์ พยายามรักษาบรรยากาศที่ใกล้เคียงอดีตเอาไว้”

 

 

The Dishes 

จากไอศกรีมกะทิรสชาติเดียว ทิพย์รสเพิ่มรายการตามสมัยนิยมให้เป็นทางเลือก วานิลลา ช็อกโกแลต นมสด ฯลฯ แต่ที่โดดเด่นไม่แพ้ไอศกรีมก็คือ เครื่องเคียงที่มีให้เลือกตักราดแบบไม่ซ้ำชนิด 

 

“ตอนนั้นท็อปปิ้งกลายเป็นเอกลักษณ์ของร้านเราเลย เพราะมีให้เลือกเยอะ ข้าวเหนียวมูน ลูกชิด ถั่วลิสง ที่ล้ำหน้าไปกว่าเจ้าอื่นก็พวกมะยมเชื่อม มะม่วงเชื่อม เม็ดบัวเชื่อม และเยลลีแดง ซึ่งขาประจำจะชอบกันมาก 

 

 

“ถึงวันนี้จะเป็นทิพย์รสยุคใหม่ แต่แก่นแท้ของเรายังเหมือนเดิม คือวัตถุดิบ กรรมวิธี และรสชาติตามสูตรต้นตำรับ พวกเราแค่เข้ามาต่อยอดในเรื่องของแบรนด์ดิ้ง ผลักดันให้แข่งขันกับตลาดยุคใหม่ได้มากขึ้น”

 

ทิพย์รสไข่แข็ง (49 บาท) เป็นเมนูในตำนานดั้งเดิมของทางร้าน ไอศกรีมไข่แข็งที่ไม่ได้กวนไข่แดงลงในเนื้อไอศกรีมแบบที่เราคุ้นเคย แต่เป็นไอศกรีมรสกะทิรวมมิตร วางบนซุปข้าวโพดรสละมุน ท็อปด้วยไข่แข็งทั้งใบ 

 

“ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่า ก็แค่ไอศกรีมจะยากอะไร แต่แท้ที่จริงแล้ว กระบวนการของแบรนด์เราละเอียดอ่อนมาก ไอศกรีมกะทิสูตรของทิพย์รส เราใช้ของสดมากๆ ผลิตกันวันต่อวัน สั่งกะทิมาตอนตีสามตีสี่ ตีห้าหกโมงก็ต้องเริ่มทำแล้ว เพราะถ้าอากาศร้อน กะทิจะเสียได้ง่าย ความโชคดีของเราคือ กะทิไทยมีความหอมหวานมันในตัวเอง ซึ่งเราก็เลือกใช้แต่หัวกะทิเป็นหลัก ถึงแม้ต้นทุนจะสูงกว่า ทำกันแบบโฮมเมด จนได้ไอศกรีมที่เข้มข้นกลิ่นหอมเข้าจมูกมากๆ”

 

ทิพย์รสไข่แข็ง (49 บาท) 

 

ไอศกรีมรสทุเรียนก็เช่นกัน ใช้เนื้อทุเรียนหมอนทองทั้งชิ้น ไม่ได้ปรุงกลิ่น ปรุงรส เพราะต้องการให้เกิดเท็กซ์เจอร์และไดนามิกของรสชาติทุเรียนจริงๆ ไอศกรีมข้าวเหนียวทุเรียน (69 บาท) อีกรสต้นตำรับ ให้รสชาติของทุเรียนทันทีที่เข้าปาก และเนื้อไอศกรีมก็เข้ากันได้ดีเหลือเกินกับข้าวเหนียวมูนนุ่มๆ และมะพร้าวขูดที่เสิร์ฟมาด้วย

 

ไอศกรีมข้าวเหนียวทุเรียน (69 บาท)

 

แม้ยังมี ‘เมนูระดับตำนาน พ.ศ. 2513’ ให้สั่ง แต่ทายาทเจเนอเรชันใหม่ก็เพิ่ม ‘ทิพย์รสอะเมซิงเมนู’ ขึ้นมาอีกชุด บนแนวคิดที่ต้องการชุบชีวิตความเป็นไทยที่ผู้คนหลงลืมไปแล้วให้กลับมา เกิดเป็นเมนูที่ละเมียดละไมทั้งรสชาติและการจัดเสิร์ฟ ยกตัวอย่างเช่น จตุมงคลจารึก (119 บาท) รวมขนมไทย 4 ชนิด ที่มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และนิยมเสิร์ฟในงานเลี้ยงประเพณีสมัยโบราณเพื่อความเป็นสิริมงคล

 

“จตุมงคลจารึก ถ้าดูจากหน้าตา เราจะเห็นส่วนผสมธรรมดาอย่างลอดช่อง ข้าวเหนียวดำ แต่จริงๆ เป็นขนมมงคลสมัยก่อน ชื่อจตุมงคลจารึกคือ ชื่อของ 4 อย่าง ได้แก่ ไข่กบคือเม็ดแมงลัก ซึ่งเราใช้เป็นไอศกรีมเม็ดแมงลัก นกปล่อยคือลอดช่อง ซึ่งโบราณเขาอิงถึงขี้นกนั่นแหละ บัวลอยคือข้าวตอก เพราะเวลาใส่น้ำกะทิลงไปมันจะลอยขึ้นมา และอ้ายตื้อคือข้าวเหนียวดำ เพราะกินแล้วตื้อท้อง” เราเชื่อว่า เมนูนี้คงถูกใจคนรักขนมไทยไม่น้อย เพราะผสมผสานความอร่อยของทั้งข้าวพองกรอบ ข้าวเหนียวหนึบ และกะทิที่อบเทียนได้หอมเหลือใจ

 

จตุมงคลจารึก (119 บาท)

 

ต่อมาคือเมนู ถังทอง (99 บาท) “ถังทองก็คือขนมถังแตก แต่ปกติจะอยู่ในรูปแบบพับ แต่ถ้ากินถังแตกชิ้นเบ้อเร่อจริงๆ ต้องอิ่มแน่น จึงลงตัวกันที่ขนมถังแตกแบบบางที่เหมาะกับการกินคู่ไอศกรีม” ถังทองที่ว่ามาในรูปแบบของขนมถังแตกที่จัดวางไอศกรีมกะทิรวมมิตรไว้ด้านบน โรยหน้าด้วยมะพร้าวอ่อน น้ำตาล งาขาว และงาดำคั่ว ให้รสกลมกล่อมลงตัว

 

ถังทอง (99 บาท) 

 

อะเมซิงเมนูสุดท้ายที่เจ้าของร้านเลือกให้เราได้ชิมคือ เหินห่าวชือ (109 บาท) คำจีนที่แปลได้ว่า อร่อยมาก

 

“เมนูนี้นำมาจากขนมโบราณที่ชื่อ ‘ยิ้มเสน่ห์’ เป็นการผสมผสานความเป็นไทยและจีน วิธีทำคือ เอาแป้งไปปรุงรสแล้วทอด แต่การกินแป้งอย่างเดียวอาจไม่อร่อยเท่ากับกินคู่เครื่องเคียงอื่นๆ เลยดีไซน์ให้มีไข่แดงเค็ม มูสไข่แดงเค็ม แป้งทอด ที่กินคู่กับไอศกรีมรสชาไทย ได้ความรู้สึกโบราณที่อร่อยแม้อยู่ในยุคปัจจุบัน” 

 

เหินห่าวชือ (109 บาท)

 

ทิพย์รสให้ความสำคัญกับรสชาติและความสดใหม่ ถึงกับมีครัวร้อนเป็นของตัวเอง ส่วนผสมหลายอย่างทำขึ้นสดๆ ขนมปั้นใหม่ ขนมทอดใหม่ ซอสราดที่ปรุงขึ้นเองแทบทุกชนิด

 

เราคุยจบหลังผ่านช่วงเวลากลางวันพอดี จึงทันเห็นผู้คนที่ทยอยกันมาเติมความหวานตบท้ายมื้ออาหารจนร้านแน่นขนัด แต่ใช่ว่าทิพย์รสจะขายดีเฉพาะหน้าร้าน เพราะในยุคที่บริการส่งอาหารออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เรายังได้เห็นพนักงานฟู้ดเดลิเวอรีหลากหลายเจ้าที่หมุนเวียนกันเข้ามาสั่งอย่างไม่ขาดสาย

 

“ลูกค้ากลุ่ม Loyalty ของทิพย์รสเยอะมาก คือกินกันตั้งแต่สมัยปู่ย่า พ่อแม่ แต่ทุกวันนี้ที่ผมประหลาดใจจริงๆ คือปกติคนจะไม่นิยมซื้อไอศกรีมกลับบ้านกัน แต่ร้านเรายอดสั่งซื้อจากฟู้ดเดลิเวอรีเยอะมาก จนกลายเป็นภาพซ้อนทับกับสมัยก่อนที่เราจะตักไอศกรีมใส่ถุงแกงแล้วมัดหนังยางให้ลูกค้าหิ้วกลับไปกินที่บ้าน”

 

ทิพย์รส

Address: 50/2-3 ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 2 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี สามแยกเตาปูน บางซื่อ กรุงเทพฯ
Open: ทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น.

Budget: 30-119 บาท

Contact: 0 2585 0415, 0 2585 0209

Facebook: www.facebook.com/thipparoticecream/ 

Map:

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising