The Point Men เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีของเกาหลี โดยเข้าฉายในเกาหลีใต้ และสร้างกระแสขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่มีผู้ชมสูงสุดแห่งปีในขณะนี้ อย่างหนึ่งก็คือเป็นเรื่องราวที่สร้างจากเหตุการณ์จริง เมื่อคณะทัวร์เกาหลีใต้ถูกกลุ่มตาลีบันหัวรุนแรงจับไปเป็นตัวประกัน เพื่อสร้างเงื่อนไขการต่อรองกับรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงย่อมมีน้ำหนักให้คนดูเชื่อ และอินกับเหตุการณ์ได้มากขึ้น
และเพื่อให้การรับชมภาพยนตร์ The Point Men ล็อกเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก ลุ้นระทึกมากยิ่งขึ้น การมีข้อมูลแบ็กอัพเพื่อให้ตามทันสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของภาพยนตร์ ที่ค่อนข้างตัดสลับอย่างรวดเร็ว ก็น่าจะเป็นแต้มต่อให้แฟนภาพยนตร์เข้าใจบริบทแวดล้อมได้มากขึ้น
The Point Men จากเหตุการณ์จริงปี 2007
The Point Men เปิดฉากด้วยการอ้างอิงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริง ปี 2007 ที่ประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่สีแดงที่นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไป แต่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ลักลอบเดินทางเข้าเมืองผ่านทางประเทศที่สาม และถูกกลุ่มตาลีบันจับไปเป็นตัวประกันทั้งหมด 23 คน นี่เองจึงเป็นการจุดชนวนของเหตุการณ์คับขัน เมื่อกลุ่มตาลีบันให้เวลา 24 ชั่วโมงก่อนที่จะสังหารตัวประกันคนแรก
รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งตัวนักการทูตที่ดีที่สุดของประเทศไปรับมือสถานการณ์ ทั้งยังต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยชีวิตตัวประกันให้รอดกลับบ้าน โดยในภาพยนตร์เราจะได้พบกับนักการทูต เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง รวมถึงคณะทำงานจากรัฐบาลเกาหลีใต้
“มันเป็นเรื่องของกลุ่มคนที่ต้องทุ่มทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่าสถานการณ์จะมืดมนแค่ไหนก็ตาม ฉันเลือกให้ตัวละครนำเป็นทูตและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง เพื่อให้พวกเขาโฟกัสไปที่การทำงานเพื่อแก้ไขวิกฤตตัวประกัน” – ผู้กำกับอิมซุนรเย
กลุ่มตาลีบันคือใคร
ตาลีบัน เป็นกลุ่มติดอาวุธ มีอิทธิพลในอัฟกานิสถาน ก่อตั้งขึ้นในช่วงยุค 90 บริเวณพื้นที่รอยต่อปากีสถานและอัฟกานิสถาน หลังจากที่สหภาพโซเวียตได้ถอนกำลังออกไปในปี 1989 กลุ่มตาลีบันประกาศจัดตั้งรัฐบาลของตน อ้างตัวเป็นผู้นำ ค่อยๆ ยึดครองเมืองสำคัญต่างๆ ของอัฟกานิสถาน และยึดอำนาจจากประธานาธิบดีอัฟกานิสถานในปี 1998 ขึ้นปกครองประเทศ ทั้งประกาศใช้กฎหมายอิสลาม หรือกฎชารีอะห์ หนึ่งในกฎหมายที่เข้มงวดที่สุด โดยตีความการลงโทษแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ในปี 2001 ภายหลังเหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ สหรัฐอเมริกาและกองกำลังพันธมิตร ซึ่งรวมถึงกองกำลังจากเกาหลีใต้ ได้เข้าทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย เข้าทำการยึดอำนาจคืนสู่รัฐบาลอัฟกานิสถาน กลุ่มตาลีบันจึงกลายเป็นกองกำลังที่คอยก่อความไม่สงบ สร้างเหตุการณ์สะเทือนขวัญจำนวนมากมาย
สถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ปี 2007
ระยะเวลาราว 5 ปีที่สหรัฐอเมริกาและกองกำลังพันธมิตรได้เข้าไปช่วยเหลือรัฐบาลอัฟกานิสถาน ท่ามกลางความพยายามในการเจรจากับตาลีบัน เพื่อให้ประเทศอัฟกานิสถานกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง กลุ่มตาลีบันได้ใช้รูปแบบใหม่ในการต่อสู้ ด้วยการลักพาตัว ลอบสังหารประชาชน ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัคร นักกฎหมาย นักข่าว เพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงอุดมการณ์ของพวกเขา ที่เราอาจจะจำกันได้จากเหตุการณ์จับตัวประกันจำนวนหลายครั้ง โดยมีตัวประกันจากหลายประเทศ
ในหน้าข่าวที่เกิดขึ้นจริงช่วงเดือนสิงหาคม 2007 มีการระบุว่ากลุ่มตาลีบันและเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ได้เจรจาเพื่อคลี่คลายวิกฤตตัวประกันที่ถูกจับตัวเป็นเครื่องต่อรอง เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และตาลีบันได้ฟื้นการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ที่สำนักงานกาชาดในจังหวัดกาซนี โดยตาลีบันเรียกร้องให้มีการปล่อยนักโทษกลุ่มตาลีบันที่ถูกรัฐบาลอัฟกานิสถานและสหรัฐฯ คุมขังไว้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกันชาวเกาหลีใต้
ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ และอัฟกานิสถานปล่อยตัวนักโทษตาลีบัน เพื่อช่วยชีวิตตัวประกันชาวเกาหลีใต้ แต่รัฐบาลของทั้งสองประเทศยืนยันว่า จะไม่ทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าว เพราะไม่ต้องการกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ลักพาตัวมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ในอัฟกานิสถานปัจจุบัน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันที่จะถอนกองกำลังของสหรัฐอเมริกาออกจากอัฟกานิสถานให้หมดในวันที่ 11 กันยายน 2021 ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ 9/11 ทำให้กลุ่มตาลีบันเริ่มกลับมายึดพื้นที่และเมืองต่างๆ ในอัฟกานิสถานมากยิ่งขึ้น สุดท้ายเข้ายึดกรุงคาบูลในเดือนสิงหาคม 2021
นั่นทำให้ประเทศอัฟกานิสถานอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลตาลีบันอีกครั้ง โดยเริ่มบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ หนึ่งในกฎหมายที่เข้มงวดที่สุดที่เคยมีมาจนทำให้ทั่วโลกต่างเป็นกังวล
The Point Men ถ่ายทอดเรื่องจริงเป็นภาพยนตร์อย่างไร
เหตุการณ์ช็อกโลกที่นับเป็นข่าวสำคัญของคนเกาหลีใต้ช่วงปี 2007 เพราะเกี่ยวพันกับชีวิตคนบริสุทธิ์ที่ถูกกลุ่มตาลีบันจับตัวไป ซึ่งแน่นอนว่าการถ่ายทำในอัฟกานิสถานจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้มีการยกกองไปถ่ายทำในประเทศจอร์แดน ที่มีความคล้ายคลึงกันมากทั้งตัวเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ และเทือกเขายาวสุดสายตา
“อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปมากนัก เพราะตั้งอยู่ในเอเชียกลาง จริงๆ หลายคนยังเข้าใจว่าเป็นประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง
แต่เรื่องราวใน The Point Men เราตั้งใจให้มันเกิดเรื่องราวขึ้นในประเทศนี้เพื่อให้งานออกมามีความเข้มข้น แต่เนื่องจากพอเป็นเรื่องราวที่เกิดในอัฟกานิสถาน การถ่ายทำจึงยากขึ้นไปอีกระดับ การหานักแสดงมารับบทเป็นคนอัฟกันก็เป็นเรื่องท้าทาย” ผู้กำกับอิมซุนรเย เล่าถึงเบื้องหลังการถ่ายทำ
ตลอดการถ่ายทำที่ประเทศจอร์แดนเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะอยู่ในช่วงโควิด อากาศที่ร้อนระอุมากกว่า 40 องศาเซลเซียสตลอดเวลาการถ่ายทำ นอกจากนี้ยังต้องใช้ทีมงานกว่า 300 คนในการสร้างฉากแอ็กชันที่สมจริงและตื่นตาตื่นใจเอามากๆ
ฮยอนบิน และ ฮวังจองมิน รับบทคู่หูในการปฏิบัติภารกิจสำคัญ
ฮยอนบิน (Confidential Assignment) แสดงนำคู่กับ ฮวังจองมิน (Deliver Us from Evil) โดยฮยอนบินรับบทเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ‘พัคแดซิก’, ฮวังจองมิน รับบท ‘แจโฮ’ นักการทูตฝีมือดีที่สุดของประเทศเกาหลีใต้
ฮยอนบินได้เล่าถึงตัวละครพัคแดซิกไว้ว่า “แดซิกต้องรับมือกับบาดแผลในใจจากความผิดพลาดในอดีต มันทำให้เขาเป็นคนที่มุ่งมั่นจะช่วยตัวประกันมากกว่าคนอื่นในทีม ผมอยากเอาทุกประสบการณ์และความผิดพลาดทุกอย่างของเขาในอดีตมา
ผสมกัน ให้มันช่วยทำให้ตัวละครนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น”
และในภาพยนตร์ The Point Men ฮยอนบินได้ถ่ายทำฉากขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามหุบเขา ซึ่งเป็นซีนสำคัญในเรื่องด้วยตัวเอง โดยฮยอนบินต้องฝึกซ้อมกับทีมงานสตันท์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะถ่ายทอดฉากสุดอลังการนี้ให้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
The Point Men ล็อคเป้าตายค่าไถ่หยุดโลก พร้อมให้ชมในโรงภาพยนตร์วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้!
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Point Men ล็อคเป้าตายค่าไถ่หยุดโลก:
ภาพ: สหมงคลฟิล์ม