×

สรุปเหตุ ‘4 มีนาคม วันกะเทยผ่านศึก’ สมรภูมิรบไทย-ฟิลิปปินส์ที่ไม่ใช่แค่สางแค้น

โดย THE STANDARD TEAM
05.03.2024
  • LOADING...

หากมองอย่างผิวเผิน การรวมตัวกันของกลุ่ม LGBTQIA+ (ซึ่งในที่นี้ THE STANDARD ขอใช้คำว่า กะเทย เพื่อสื่อสารตามบริบทแหล่งข่าวที่ใช้คำนี้ในเหตุการณ์) ของเมื่อคืนวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ซอยสุขุมวิท 11 กรุงเทพมหานคร อาจเป็นเพียงการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จนต้องนัดมาปรับความเข้าใจ ซึ่งลุกลามไปถึงเหตุรุนแรงทำร้ายร่างกาย

 

แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปถึงแก่นของเรื่องนี้ การรวมตัวกันของกะเทยไทยครั้งนี้ไม่ใช่แค่การกอบกู้ศักดิ์ศรีจากการถูกรุมทำร้าย หรือการถูกเหยียดหยามผ่านสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น

 

แต่เหตุวิวาทนี้คือผลพวงจาก ‘การลักลอบทำงานของคนต่างชาติในไทย’ ที่หนักข้อขึ้นทุกวัน

 

เราได้เห็นอะไรบ้างจากปรากฏการณ์ #สุขุมวิท11 #กะเทยไทยใครอย่าหยาม #วันนี้เทยไทยทำถึงมาก #ฟิลิปปินส์vsไทยแลนด์ #4มีนาวันกะเทยแห่งชาติ 

 

THE STANDARD ได้สรุปเรื่องราวมาดังนี้

 

ชนวนเหตุ

 

เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 4 มีนาคม 2567 กลุ่มกะเทยไทยไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งริมถนนสุขุมวิท ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS นานา บังเอิญเจอกับกลุ่มกะเทยชาวฟิลิปปินส์ที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน 

 

จากนั้นทั้งสองฝ่ายเกิดมีปากเสียง และเริ่มลงไม้ลงมือกันที่ด้านนอกของร้านอาหารจนถึงขั้นรุมทำร้าย โดยฝ่ายกะเทยฟิลิปปินส์รวมตัวกันประมาณ 20 คน ขณะที่ฝ่ายกะเทยไทยรวมถึงหญิงชาวไทยมี 6 คน ทำให้ฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บและถูกชิงทรัพย์ไป จนฝั่งผู้เสียหายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ลุมพินี

 

ต่อมาภาพเหตุการณ์การรุมทำร้ายครั้งนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปในสื่อสังคมออนไลน์ ​โดยฝ่ายฟิลิปปินส์โพสต์คลิปข้อความในเชิงดูถูกเหยียดหยามฝ่ายกะเทยไทย ทำให้กะเทยฝั่งไทยรู้สึกถึงการถูกเหยียดหยาม และนำไปสู่การรวมพลังกะเทย

 

วันนี้ (5 มีนาคม) มีการเปิดเผยถึงสาเหตุการบาดหมางเพิ่มเติมระหว่างกะเทยสองฝั่งว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มเพื่อนผู้บาดเจ็บจากเหตุ 20 ต่อ 6 เล่าว่า กลุ่มกะเทยไทยทำงานบริเวณซอยสุขุมวิท 11 มาหลายปี ต่อมากะเทยฟิลิปปินส์เข้ามาเช่าโรงแรมตรงที่เกิดเหตุและมักจะรวมตัวกันที่หน้าโรงแรม ‘ทุกคนคงจะรู้และเข้าใจว่าเขายืนทำอะไรหน้าโรงแรม’

 

ทุกครั้งที่กลุ่มกะเทยไทยเดินผ่านก็จะถูกกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์กระทืบเท้า ยกเท้าใส่ ตะโกนด่าล้อเลียนและตะโกนไล่ให้ออกจากพื้นที่ เสมือนพื้นที่ดังกล่าวเป็นของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายเคยไกล่เกลี่ยกันที่ สน.ปทุมวัน แล้ว 

 

4 มีนาคม วันกะเทยผ่านศึก

 

ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 4 มีนาคม (หลังเหตุรุมทำร้าย) มีการนัดหมายจากเครือข่ายกะเทยไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เซเลบ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ให้มารวมตัวกันที่ด้านหน้าโรงแรมที่พักของกะเทยฟิลิปปินส์ ที่ซอยสุขุมวิท 11/1 และ ที่หน้า สน.ลุมพินี

 

จึงเกิดภาพการรวมตัวกันของฝั่งกะเทยไทยจำนวนมากประมาณ 2,000 คน ซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไกลสุดมาจากอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี รวมตัวกันอย่าง ‘ตรงเวลา’ 21.00 น.

 

จุดประสงค์หลักในการรวมตัว

  • เพื่อสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันเดียวกัน (4 มีนาคม) ซึ่งมีการรุมทำร้ายกัน เสมือนการหยามศักดิ์ศรีกะเทยไทย 
  • เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีจากการดูถูกเหยียดหยามกัน ซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนเหตุรุมทำร้าย
  • เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องการทำงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะการแย่งพื้นที่อาชีพของคนไทย
  • ส่วนการรวมตัวกันที่ สน.ลุมพินี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีรุมทำร้าย เนื่องจากตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดได้เพียง 2 คน จากทั้งหมดที่มี 20 คน

 

การรวมตัวกันอย่างต่อเนื่องทำให้เจ้าหน้าที่จาก สน.ลุมพินี และพื้นที่ใกล้เคียงสนธิกำลังกว่า 20 นาย เพื่อมาดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการนำตัวชาวฟิลิปปินส์ไปสอบเหตุการณ์รุมทำร้าย แต่ด้วยฝั่งกะเทยไทยรวมตัวกันมาก ทำให้ฝั่งฟิลิปปินส์ไม่ยอมเดินทางลงมาจากห้องพักเนื่องจากกลัวถูกทำร้าย

 

สถานการณ์ยืดเยื้อจนในที่สุดล่ามและตำรวจต้องทยอยนำตัวชาวฟิลิปปินส์ลงมา และในจังหวะนั้นได้เกิดปรากฏการณ์ความอัศจรรย์ผ่านคำพูดศัพท์กะเทยเกิดขึ้น เช่น

 

  • รวบผม, ฝากกระเป๋า: เตรียมพร้อม
  • Samba: รองเท้ายี่ห้อ adidas รุ่น Samba อุปกรณ์ในการทำร้ายร่างกาย
  • การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่: เชิญตำรวจกลับ สน. ตรงนี้เป็นหน้าที่ของประชาชน
  • ถอย: เดินถอยออกมาสองก้าว แต่เดินหน้าสู้สี่ก้าว
  • อยากเห็นคนไทยบินได้: การกระโดดลอยตัวกลางอากาศเพื่อเข้าหาฝั่งตรงข้าม
  • หอแต๋วแตกภาค 11: พชร์ อานนท์ หรือ อภิรุจ มิ่งขวัญตา ผู้กำกับภาพยนตร์ มีแนวคิดเพิ่มฉากสุขุมวิท 11 ในภาพยนตร์ภาคต่อ ‘หอแต๋วแตก แหก…

 

ศึกนี้ยังไม่จบ ตำรวจกำลังสะสาง

 

ข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม 2567 หลังเกิดเหตุความรุนแรงขึ้น ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งสองฝ่ายไปที่ สน.ลุมพินี เพื่อพิจารณาดำเนินคดีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย ทั้งเหตุรุมทำร้ายและการรวมตัวกันที่ซอยสุขุมวิท 11 

 

โดยทางตำรวจเร่งตรวจสอบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ และ Body Camera ของเจ้าหน้าที่ว่ามีใครเข้าข่ายการกระทำความผิดบ้าง

 

พร้อมประสานทางตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบการกระทำความผิดของชาวฟิลิปปินส์ว่าได้เดินทางเข้าประเทศโดยถูกกฎหมายหรืออยู่เกินกว่าระยะเวลากำหนด รวมทั้งประเด็นที่เข้ามาประกอบอาชีพค้าบริการในประเทศไทย

 

ในเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มฟิลิปปินส์กลุ่มนี้เข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว เข้ามาพักที่โรงแรมที่เกิดเหตุเป็นหลัก แต่จะกระจายพักที่อื่นด้วย และแต่ละคนทยอยเข้ามาในประเทศไทยเวลาไล่เลี่ยกัน

 

ศึกนี้สะท้อนถึงระบบช่องโหว่

 

ปัญหากระทบกระทั่งหรือสงครามระหว่างกะเทยไทยกับกะเทยฟิลิปปินส์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในโลกออนไลน์ในช่วงการประกวดนางงามเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในโลกความจริงด้วย หลังจากที่มีกะเทย หรือ LGBTQIA+ ชาวฟิลิปปินส์จำนวนไม่น้อยใช้ช่องโหว่จากการฟรีวีซ่าเข้ามาประกอบธุรกิจสีเทาในไทย โดยเฉพาะการขายบริการ รวมถึงการแย่งงานแย่งลูกค้า และการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ จนเป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายปะทะคารมกันบ่อยครั้ง

 

วันที่ 4 มีนาคม 2567 นอกจากจะเป็นวันที่กะเทยไทยจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี LGBTQIA+ ของสยามประเทศแล้ว ในอีกมิติหนึ่งยังสะท้อนถึง ‘ช่องโหว่ของกฎหมายไทย’ ที่ไม่สามารถจัดการกับปัญหาแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย รวมถึงการผลักดันให้อาชีพพนักงานบริการ (Sex Worker) เป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายและได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ 

 

หากทางการไทยยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่อาจไม่ใช่สงครามกอบกู้ศักดิ์ศรีครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายระหว่างกะเทยทั้งสองประเทศ อาจมีการทำสงครามในระดับที่เป็น ‘ปรากฏการณ์’ เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

 

ไม่แน่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะเป็นเหมือนหมุดที่ตอกย้ำให้ปัญหาระหว่างทั้งสองฝ่ายยิ่งฝังรากลึกลงไปอีก และอาจบานปลายกลายเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ที่ยึดโยงอยู่กับการใช้กำลังและความรุนแรงที่มากขึ้นอีกก็เป็นได้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising