20 พฤศจิกายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส. ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในคดีถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งศาลให้คู่ความส่งคำแถลงปิดคดีไปแล้วก่อนหน้านี้
วันนี้ (15 พฤศจิกายน) ธนาธรนำคำแถลงปิดคดีดังกล่าวมาแถลงต่อสาธารณะผ่านสื่อมวลชน โดยแบ่งเป็น 4 ประเด็น
ประเด็นที่ 1 บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ยังเป็นสื่อมวลชนอยู่หรือไม่ โดยธนาธรชี้แจงว่าบริษัทผลิตนิตยสารอยู่ 3 ฉบับ ได้แก่ นิตยสาร WHO ซึ่งตีพิมพ์ฉบับสุดท้ายเมื่อเดือนตุลาคม 2559
นิตยสาร JIBjib ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตให้สายการบินนกแอร์ และตีพิมพ์ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2561
และนิตยสาร Wealth ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตให้ธนาคารไทยพาณิชย์ และตีพิมพ์ครั้งสุดท้ายเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2559
ดังนั้นนิตยสารทั้ง 3 หัวไม่ถูกพิมพ์แล้วก่อนการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทได้เลิกจ้างพนักงานทั้งหมดหลังปิดต้นฉบับครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 และปิดตัวในวันถัดมาคือ 26 พฤศจิกายน 2561 ดังนั้นรายได้ของบริษัทที่เกิดจากการผลิตสินค้าไม่มีอีกแล้วนับตั้งแต่นั้น รายได้เดียวที่บริษัทมีในปี 2562 คือรายได้จากการขายทรัพย์สินเพื่อปิดกิจการ
ประเด็นที่ 2 ธนาธรยังถือหุ้นในวันสมัครรับเลือกตั้ง (6 กุมภาพันธ์ 2562) หรือไม่
ธนาธรชี้แจงว่าในคำร้องของ กกต. ระบุว่าวันที่ 21 มีนาคม 2562 อ้างอิงจากทะเบียน บอจ.5 แต่ในทางปฏิบัติและในทางกฎหมายนั้น บอจ.5 ไม่ใช่หลักฐานการเป็นผู้ถือหุ้น ทั้งนี้การจะดูว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นให้อ้างอิงจากอะไร เขาดูจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และ 1141
ยืนยันว่าตนได้โอนหุ้นคืนให้กับคุณแม่เรียบร้อยแล้ว โดยมีตราสารโอน มีสัญญา มีการจ่ายเงินต่อหน้าพยานและทนายความครบถ้วนตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และ1141
ประเด็นที่ 3 การถือหุ้นสื่อฯ ของธนาธรผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
ธนาธรชี้แจงว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญบอกว่าการที่มีบทบัญญัตินี้เพื่อไม่ให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อฯ เพื่อให้คุณกับตนเองและให้โทษกับคู่แข่ง แต่นิตยสารทั้ง 3 ฉบับตั้งแต่วันที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่ตายลงไม่เคยให้คุณทางการเมืองกับตน และไม่เคยให้โทษทางการเมืองกับใคร อีกทั้งวันที่บริษัทปิดตัวในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ประเด็นที่ 4 กระบวนการพิจารณาคดีมีความเป็นธรรมหรือไม่
ธนาธรชี้แจงว่า กกต. ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยคณะกรรมการนี้มีการเรียกพยาน 2 คนไปให้ถ้อยคำในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 แต่ กกต. ชุดใหญ่ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นการส่งเรื่องไปในขณะที่กระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงมีคำถามว่ากรณีนี้เกิดขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ และ กกต. เอาข้อมูลครบถ้วนจากที่ไหนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่คณะทำงานยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น
“ถ้าทุกท่านถามผมว่าผมผิดอะไร คำตอบของผมก็คือมันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อฯ มันไม่ใช่เรื่องให้เงินพรรคกู้ ความผิดของผมคือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.” ธนาธรกล่าว
ธนาธรเชื่อด้วยว่าแม้ศาลจะตัดสินคดีนี้ในทางไม่เป็นคุณต่อตน แต่ก็ไม่มีผลไปถึงการยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงสถานะการเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ของตน
