วันนี้ (5 มกราคม) ที่รัฐสภา จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ตอบโต้ถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3,480,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณเป็ดง่อย ว่า ตนเองปฏิบัติตามข้อบังคับและกติกาของรัฐสภาอย่างเคร่งครัดทุกประการ
จุรินทร์กล่าวต่อว่า ตนเองในฐานะฝ่ายค้านมีหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล และการพูดถึง ‘งบเป็ดง่อย’ นั้นเพื่อต้องการสะท้อนให้เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ. 2567 นั้นล่าช้าเป็นอย่างมาก เหลือเวลาในการใช้งบประมาณเพียง 5 เดือนเท่านั้น คิดเป็น 40% ของระยะเวลาทั้งหมด ซึ่งการใช้เงินของรัฐบาลสำหรับงบลงทุนนั้นมีผลสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายประมาณ 70%
ใน 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพ 70% และระยะเวลาอีก 40% นั้นจะทำให้งบประมาณของปี 2567 เป็นงบเป็ดง่อย ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมายของรัฐบาลได้ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ตำหนิอะไร แต่เป็นการสะท้อนตามเนื้อผ้าให้ประชาชนได้รับทราบว่าสถานการณ์ของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ. 2567 นั้นจะเป็นอย่างไร และไม่ได้มีการพาดพิงกระทรวงพาณิชย์แม้แต่คำเดียว
จุรินทร์กล่าวต่อว่า แต่การพูดของนายกรัฐมนตรีนั้นดูไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่ที่จะทำให้ตนเองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบันไปทะเลาะกัน ส่วนเรื่องผลงาน ที่มีการเปรียบเทียบระหว่างของตนเองนั้น ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ตนเองทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้นยืนยันว่าไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใคร โดยเฉพาะเรื่องเขตการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปรากฏเด่นชัดตั้งแต่การเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่พยายามมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ประสบความสำเร็จตอนที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และในวันนี้ RCEP กลายเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนั้นตนเองยังไปเจรจากับรัฐมนตรีพาณิชย์และรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปด้วยตนเอง และได้เริ่มนับหนึ่งในการเปิดการเจรจา การทำรายละเอียดเรื่อง FTA ซึ่งขณะนี้ก็มีความคืบหน้าอย่างมาก เป็นต้น
โดยผลงานที่ตนเองหยิบยกมานั้น ไม่ได้ต้องการที่จะเปรียบเทียบผลงานกับรัฐมนตรีพาณิชย์คนปัจจุบัน เพราะเพิ่งเข้ามาบริหารได้เพียง 3-4 เดือนเท่านั้น ก็ต้องให้เวลา แต่การที่นายกรัฐมนตรีนำมาชนกันแบบนั้นจะทำให้เสียผู้ใหญ่เปล่าๆ
ขณะที่ฉายา ‘นักกู้ถุงเท้าสีชมพู’ ถูกนำมาล้อเลียน จุรินทร์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีตอบนั้นถูก ไม่ว่าจะใส่ถุงเท้าสีอะไรก็สามารถทำงานได้ แต่ประเด็นที่สำคัญคือการทำงานมีหน้าที่ทำอะไร หากทำงานส่วนตัวตนก็มองว่าไม่เป็นไร แต่หากอยู่ระหว่างการปฏิบัติราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะการเจรจากับผู้นำต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีก็ต้องตระหนักให้ดีว่าขณะนี้กำลังแบกหน้าคนไทยทั้งประเทศติดตัวไปด้วย
ดังนั้นคนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะมีความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งตนเองไม่เคยวิจารณ์นายกรัฐมนตรีโดยตรง แต่เป็นเพียงการเปรียบเทียบ แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีได้แสดงความคิดเห็นออกมา ตนเองก็ขอที่จะแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้ตระหนัก และขออภัยหากนายกรัฐมนตรีไม่ถูกใจ แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกกับเรื่องนี้
“คำพูดของผมเกี่ยวกับฉายาเงินกู้ถุงเท้าสีชมพู ผมให้เกียรติท่านนายกรัฐมนตรี และท่านนายกรัฐมนตรีก็ต้องให้เกียรติผมด้วยเช่นกัน ผมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล เราต้องต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต้องทำหน้าที่ และยืนยันว่าไม่มีอะไรส่วนตัวกับท่านนายกรัฐมนตรี เราเป็นรัฐบาลเราก็สนับสนุนรัฐบาล หากเราเป็นฝ่ายค้านเราก็ต้องตรวจสอบ หากไม่ตรวจสอบแล้วประชาชนจะพึ่งใคร” จุรินทร์กล่าวในที่สุด
