×

ครม. ไฟเขียวกรอบงบปี 68​ วงเงิน​ 3.6 ล้านล้านบาท ขยาย​สินค้าควบคุม​ 5 รายการ​ พร้อมต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจังหวัดชายแดนใต้อีก 3 เดือน

โดย THE STANDARD TEAM
16.01.2024
  • LOADING...

วันนี้ (16 มกราคม) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงินรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน​ 3.6 ล้านล้านบาท รวมถึงมีการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณปี 2568​ ซึ่งทางสำนักงบประมาณมีการนำเสนอโครงสร้างงบประมาณปี 2561 ไป คาดว่ารัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้รวมจำนวน 3,454,400 ล้านบาท​ ซึ่งหากการคืนภาษีของกรมสรรพากรและอื่นๆ จะคงเหลือรายได้สุทธิจำนวน​ 2,887,000 ล้านบาท​ 

 

โดยมีสาระสำคัญ 3 ส่วน คือ โครงสร้างงบประมาณ รายได้สุทธิ และงบประมาณขาดทุน​ รายได้สุทธิอยู่ที่ 2,887,000 ล้านบาท​ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2568 จำนวน 100,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.59% ขณะที่งบประมาณขาดดุลมีจำนวนอยู่ที่​ 713,000 ล้านบาท​ หรือเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ​ 2567 จำนวน​ 20,000 ล้านบาท​ หรือ​ 2.89% คิดเป็นสัดส่วนหากเปรียบเทียบตาม GDP 3.56% เปรียบเทียบจากปีงบประมาณ 2567 สัดส่วนอยู่ที่ 3.64% ถือเป็นสัดส่วนที่ลดลง

 

ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. ยังมีการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568​ หลักการเหตุผลอยู่ 2 ข้อ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อสำคัญของนายกรัฐมนตรี​ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ซึ่งคำสั่งการของนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการนำนโยบายของรัฐบาลมากำหนดเป็นจุดเน้น​ที่ต้องดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 และใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนงาน 

 

ขณะเดียวกันให้กำหนดแผนงานให้สะท้อนถึงการทำงานของนโยบายรัฐบาลให้ชัดเจน​ พร้อมกับกำหนด KPI ให้วัดผลอย่างเป็นรูปธรรม และในกรณีที่เพิ่มหรือลดงบประมาณในรายการใด ต้องมีเหตุผลและความจำเป็นที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้ เพื่อให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดสามารถจัดทำข้อเสนอโครงการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเสนอของการกระจายอำนาจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ

 

ทั้ง 2 เหตุผลนี้มีการนำเสนอการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายปี 2568 โดยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567​ จะเป็นห้วงเวลาในการส่งคำของบประมาณ โดยหลังจากนั้นระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ – 19 มีนาคม 2567 จะมีการพิจารณารายละเอียด เพื่อให้วันที่ 26 มีนาคม 2567 มีการนำเข้ามาสู่ ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ

 

หลังจากนั้นจะผ่านกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้มีการพิมพ์ร่าง พ.ร.บ. ออกมา และนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. อีกครั้งในวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เพื่อขอความเห็นชอบ จากนั้นจะมีการนำเข้าสู่สภาเพื่อให้ สส. พิจารณาในวาระแรกช่วงวันที่ 5-6 มิถุนายน 2567 ผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อให้พิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 

 

จากนั้นจะเข้าสู่เวลาให้ สว. พิจารณาในช่วงต้นเดือนกันยายน เพื่อให้การนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ ทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ให้ทันภายในช่วงวันที่ 17 กันยายน 2567

 

ครม. ต่อขยาย​สินค้าควบคุม​ 5 ชนิด​ 

 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการกำหนดสินค้าควบคุมและสวัสดิการ​ พ.ศ. 2542 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้ ครม. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุมปี 2567 จำนวน 5 รายการ ได้แก่ หน้ากากอนามัยใยสังเคราะห์​เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย​, ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ​ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ, เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก และไก่และเนื้อไก่ 

 

สินค้าทั้ง 5 นี้เป็นสินค้าที่​คณะกรรมการกลางว่าด้วยการราคาสินค้าและบริการ ซึ่งจะสิ้นสุดผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคมนี้​ โดยมีการเสนอขยายระยะเวลาการบังคับใช้​จนถึงวันที่ 29 มิถุนายน​ 2567​ โดยให้สิ้นสุดลงพร้อมกับประกาศควบคุมสินค้าอื่นอีก​ 51 รายการ​ เพื่อให้มีการประกาศขยายระยะเวลาออกไปพร้อมกับสินค้าชนิดอื่น

 

อย่างไรก็ตาม มติ ครม. ขอให้ก่อนการสิ้นสุดผลการบังคับใช้ 2 สัปดาห์​ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน​นำเสนอมาว่าจะควบคุมต่อไปหรือไม่​ หากควบคุมต่อไปจะมีการประกาศพร้อมกัน 50 กว่ารายการ และต่อขยายเป็นครั้งปี

 

ครม. ไฟเขียว ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 3 เดือน

 

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังมีมติอนุมัติผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 1/2567 ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้

 

  1. ปรับลดพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้แทน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะสถิติการก่อเหตุและการสูญเสียมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

  1. ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2567 (ซึ่งเดิมครบกำหนดวันที่ 19 มกราคม 2567) เนื่องจากปัจจุบันยังคงมีการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ได้มีมติอนุมัติประกาศให้อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising