ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งวันแรก (12 เมษายน) ดัชนี SET ดิ่งลง 17.31 จุด มาอยู่ที่ 1,549.03 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยระหว่างวันดัชนีลดลงไปต่ำสุดที่ 1,543.35 จุด หรือลดลง 22.99 จุด
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า การปรับลงของดัชนี SET ล่าสุดถือว่าลงมาเร็วกว่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่นักลงทุนลดความเสี่ยงก่อนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว และรอติดตามตัวเลขของผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน
“การปรับตัวลงมาถึงจุดนี้มองว่าไม่ใช่จังหวะลดพอร์ตเหลือ 0% แล้ว โดยควรรอจังหวะในการเข้าซื้อ ซึ่งหากดัชนีลดลงไปถึง 1,515-1,520 จุดจะเป็นจุดที่เหมาะสม”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้ (12 เมษายน) อาจเห็นแรงซื้อกลับได้บ้างจากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยเฉพาะการเข้าซื้อในหุ้นกลุ่มที่ปรับลงมาแรงในช่วงนี้ ได้แก่ กลุ่มศูนย์การค้า โรงแรม ท่องเที่ยว สนามบิน
ในวันศุกร์ (16 เมษายน) หลังจากตลาดกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง มีโอกาสที่จะเห็นการกระโดดขึ้นหรือลงค่อนข้างกว้าง ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อใหม่ช่วงวันหยุดนี้เป็นอย่างไร สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจเลือกเข้าซื้อหุ้นในกลุ่ม Global Play อย่างพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งแนวโน้มกำไรไตรมาสแรกดี ทำให้ราคาหุ้นอาจปรับลงไม่แรงนัก แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น
“ส่วนตัวมองว่าสถานการณ์โควิด-19 น่าจะควบคุมได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากที่ผู้คนเริ่มระมัดระวังมากขึ้น และหากภาครัฐมีการออกมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม จุดนั้นจะเป็นโอกาสเข้าซื้อ เพราะที่ผ่านมาหากมีการออกมาตรการใดๆ มักจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบ”
ด้าน สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หากมองภาพรวมวันนี้จะเห็นว่าแรงขายไม่ได้สูงนัก และหุ้นแต่ละตัวไม่ได้ปรับลงแรงมากเช่นกัน แต่แรงซื้อที่เคยมีหายไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจิตวิทยาที่นักลงทุนมักจะไม่ถือหุ้นข้ามวันหยุดยาว ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงว่ารัฐบาลอาจกลับมาประกาศล็อกดาวน์หลังช่วงสงกรานต์คล้ายกับช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจอาจไม่รุนแรงเท่ากับการระบาดระลอก 2 ที่ผ่านมา เพราะภาคการผลิตไม่ได้กระทบ แต่ในส่วนของภาคบริการมีโอกาสจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน เพราะการระบาดหลักในรอบนี้อยู่ใน 3 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และเชียงใหม่
“ก่อนหน้านี้ดัชนี SET วิ่งไปแตะระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 แต่กำไรของตลาดและ GDP ยังไม่กลับมา สำหรับกำไรตลาดคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 12 เดือน เพื่อกลับมาระดับเดิม ส่วนตัวเลข GDP ต้องใช้เวลาอีก 15-18 เดือน เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้น เมื่อมีปัจจัยลบเข้ามาจะทำให้หุ้นปรับฐานแรงกว่าที่ผ่านมา”
ทั้งนี้การพักฐานในรอบนี้อาจไม่รุนแรงนัก ประเมินว่าช่วงหลังสงกรานต์แม้จะมีการประกาศล็อกดาวน์ ดัชนี SET ไม่น่าจะลดลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด โดยคาดว่าดัชนีน่าจะวิ่งในกรอบ 1,500-1,535 จุด เว้นแต่ว่าจะเห็นการปิดภาคการผลิตด้วย ซึ่งอาจทำให้ดัชนีลดลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ควรลดแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Sentiment Play เช่น กลุ่มกัญชงออกไปทั้งหมด เช่นเดียวกับที่อิงกับการบริโภค โรงแรม และรับเหมาก่อสร้างที่ควรชะลอการลงทุนออกไปถึงไตรมาส 3
ขณะเดียวกันหันมาเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรไตรมาสแรกดี เช่น กลุ่มปิโตรเคมี อาทิ SCC และ IRPC ซึ่งปัจจุบันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ดีกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างมาก และในกรณีที่ดัชนีปรับฐานรุนแรงอาจเลือกช้อนซื้อหุ้นอย่าง CPN และ AWC
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า