×

หุ้นไทยสูงสุดในรอบ 14 วัน จับตานโยบายดอกเบี้ยกำหนดทิศทาง SET ช่วงสั้น

09.04.2024
  • LOADING...
หุ้นไทย

ดัชนี หุ้นไทย (SET) กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 14 วัน หลังจากปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ 1,393 จุด เพิ่มขึ้นราว 17 จุด จากวันก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนสำคัญจากสองหุ้นใหญ่คือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT

 

แรงเก็งกำไรที่เข้ามายังหุ้นไทยวันนี้ (9 เมษายน) สุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่า การปรับตัวขึ้นของหุ้นไทยวันนี้เป็นผลจากการที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งตั้งแต่สัปดาห์ก่อน 

 

“หุ้นไทยค่อนข้าง Laggard หลังจากอ่อนแอกว่าหุ้นโลกถึง 35% เมื่อปีก่อน และอ่อนแอกว่าอีก 10% ในปีนี้ ทำให้เริ่มเห็นแรงซื้อกลับ” 

 

ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า อีกหนึ่งแรงหนุนหุ้นไทยวันนี้มาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังจากรัฐบาลเตรียมนำมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 

 

ส่วนอีกปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นคือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบวันที่ 10 เมษายน 2567 

 

ในมุมมองของภาดลเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่า เพราะจะช่วยเพิ่มโมเมนตัมเชิงบวกหลายด้าน เช่น การลดภาระหนี้ครัวเรือน หรือการที่บริษัทต่างๆ จะออกระดมทุนได้ง่ายขึ้น 

 

ในมุมกลับกัน ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า จากการศึกษาของเราในอดีตพบว่า การลดดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ตลาดของไทยนับตั้งแต่ปี 2557 มักจะนำไปสู่ความอ่อนแอของตลาดหุ้น เงินทุนที่ไหลออก และเงินบาทอ่อนค่า 

 

ดัชนี SET มักจะปรับลดลงเฉลี่ย 1.3% ในช่วง 1 สัปดาห์หลังการลดดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมักจะขายสุทธิเฉลี่ย 5.6 พันล้านบาท และเงินบาทอ่อนค่าเฉลี่ย 0.7% 

 

“ด้วยความต่างของดอกเบี้ยไทยและประเทศอื่นๆ จึงเป็นความเสี่ยงอย่างมากต่อตลาด หากเราตัดสินใจลดดอกเบี้ยก่อน เมื่อย้อนไปดูช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นรอบล่าสุด จะเห็นว่าสาเหตุที่ฟันด์โฟลวไหลออกเป็นเพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น เพราะไทยขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าประเทศส่วนใหญ่”

 

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากสัญญาณต่างๆ ในเวลานี้ ทั้งการปรับตัวขึ้นของ SET ราว 15 จุด สัญญาณจากตลาด Swap ที่สะท้อนว่านักลงทุนประเมินว่าโอกาสของการลดดอกเบี้ยน้อยลงมาเหลือ 42% และเงินบาทที่แข็งค่ากลับมาเล็กน้อยสู่ระดับ 36.4 บาทต่อดอลลาร์ เหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าตลาดเชื่อว่า กนง. จะไม่ลดดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ 

 

ทั้งนี้ โมเมนตัมเชิงบวกต่อหุ้นไทยจะดำเนินไปต่อเนื่องจากวันนี้ได้ โดยณัฐชาตมองว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นจากการที่ กนง. มีมติคะแนนเสียงที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยแตกต่างไปจากเดิม โดยเสียงที่ให้คงดอกเบี้ยน้อยลง 5:2 เป็น 4:3 เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปสู่การลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบหน้าวันที่ 12 มิถุนายน 

 

ผลกระทบต่อหุ้นรายกลุ่ม 

 

สำหรับนักลงทุนที่อยากลดความเสี่ยงจากกรณีที่ กนง. อาจเซอร์ไพรส์ขึ้นดอกเบี้ย อาจเพิ่มสัดส่วนหุ้นที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ กลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์และอาหาร กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรมและขนส่ง

 

ขณะเดียวกัน กลุ่มที่เราแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังก็คือ กลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากตลาดอาจตีความไปว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มนี้ แต่เรามองว่าแม้ดอกเบี้ยจะลด แต่เป็นการลดจากฐานสูงเท่านั้น ยังไม่ได้ลงมาในบริเวณต่ำเหมือนกับตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจใหม่ๆ 

 

และด้วยปัจจัยคุณภาพหนี้ที่เรายังคงเป็นกังวล ทำให้หากหุ้นกลุ่มนี้มีการตอบรับเชิงบวกต่อการลดดอกเบี้ย มองเป็นโอกาสในการขายที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีหุ้นกลุ่มนี้อยู่ ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของเราในอดีตพบว่า หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์มักปรับตัวแย่กว่าตลาด 1.6% และ 2.5% ในช่วง 1 เดือนแรก และ 3 เดือนแรกหลังการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของวัฏจักร ส่วนการลดดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ในอดีต ไม่ได้ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวดีแต่อย่างใด โดยมักปรับตัวลงเฉลี่ย 3.2% ทั้งในช่วง 1 และ 3 เดือนหลังจากนั้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising