×

เงินบาท เปิดตลาดแข็งค่าที่ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดเปิดรับความเสี่ยง พร้อมอ่านสัญญาณว่า Fed จะลดดอกเบี้ยปลายปีนี้

02.02.2023
  • LOADING...
บาท

ค่า เงินบาท เปิดเช้านี้ (2 กุมภาพันธ์) ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลงราว -1% สู่ระดับ 101 จุด สืบเนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังการลดดอกเบี้ยลงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ช่วงปลายปี ตามแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัวลง แม้ว่าล่าสุด Fed เพิ่งเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดยังหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะลดการถือครองเงินดอลลาร์ลงเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ประเมินว่าเงินดอลลาร์ยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันนี้ รวมถึงรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ 

 

“ในช่วง Press Conference ประธาน Fed ได้ระบุว่า เริ่มเห็นการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อ อีกทั้งประธาน Fed ก็ไม่แสดงความกังวลต่อภาวะการเงิน (Financial Conditions) ที่ผ่อนคลายลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนผ่านการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ ซึ่งท่าทีดังกล่าวได้หนุนให้บรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.00% ก่อนที่จะลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.50% ได้ในช่วงปลายปีนี้”

 

พูนระบุว่า การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเมษายน) รีบาวด์ขึ้นกว่า +30 ดอลลาร์ จากช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุม Fed สู่ระดับ 1,969 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งมองว่าการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำอาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไร ซึ่งโฟลวธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

 

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ผลการประชุมของอีกสองธนาคารกลางหลัก ทั้ง ECB และ BOE โดยประเมินว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่ดีขึ้นกว่าคาด หลังวิกฤตพลังงานไม่ได้รุนแรงอย่างที่เคยกังวล (สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนที่ออกมาดีกว่าคาด) ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนและอังกฤษยังอยู่ในระดับที่สูงมาก 

 

ทำให้ทั้ง ECB และ BOE อาจตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.50% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ของ ECB ปรับขึ้นสู่ระดับ 2.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Bank Rate) ของ BOE จะปรับขึ้นสู่ระดับที่สูงถึง 4.00% ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะจับตามุมมองของทั้ง ECB และ BOE ต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินในอนาคต โดยเฉพาะในประเด็นอัตราการขึ้นดอกเบี้ย ว่าจะมีการชะลอลงหรือไม่ และ Terminal Rate จะอยู่ที่ระดับใด

 

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและผลการประชุม Fed ดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะรายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Amazon, Apple, Alphabet เป็นต้น ซึ่งหากรายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจช่วยหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินสามารถอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่องได้

 

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่าการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลวขายทำกำไรทองคำยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม Fed อย่างไรก็ดี บรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ก็อาจช่วยหนุนให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนต่อเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB และ BOE

 

โดยมองว่าหากผลการประชุมของ ECB และ BOE เป็นไปตามที่ตลาดคาด (ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง) อีกทั้ง ECB และ BOE ยังคงส่งสัญญาณที่ชัดเจนพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ทั้งค่าเงินยูโร (EUR) และค่าเงินปอนด์ (GBP) แข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง แต่อาจไม่มากนัก เนื่องจากในเชิงเทคนิคัลทั้งเงินยูโรและเงินปอนด์ได้ปรับตัวใกล้กรอบแนวต้านมากขึ้น ซึ่งการแข็งค่าขึ้นของทั้งเงินยูโรและเงินปอนด์อาจกดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงต่อได้บ้าง และช่วยให้เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์

 

แต่หาก ECB และ/หรือ BOE ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องตามคาด ขณะที่ส่งสัญญาณกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น หรืออาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้เล่นในตลาดอาจ ‘Sell on Fact’ การแข็งค่าขึ้นของทั้งเงินยูโรและเงินปอนด์ในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้ทั้งสองสกุลเงินอ่อนค่าลง และช่วยให้เงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นได้บ้าง ทำให้เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว Sideways หรืออ่อนค่าเล็กน้อยกลับสู่โซน 32.85 บาทต่อดอลลาร์

 

“เราเริ่มเห็นผู้เล่นต่างชาติปรับมุมมองต่อค่าเงินบาทในระยะสั้นหลังเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นต่างชาติบางส่วนรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าทดสอบแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ในการทยอยขายทำกำไร Short USDTHB และอาจเริ่มปรับมุมมองเป็นเงินบาทอาจอ่อนค่าลง (เพิ่มสถานะ Long USDTHB) ทำให้เราคงมองว่าเงินบาทอาจยังไม่หลุดแนวรับสำคัญได้ง่ายนักในระยะสั้นนี้ โดยคาดว่าเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.85 บาทต่อดอลลาร์” พูนกล่าว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising