วานนี้ (18 ตุลาคม) ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และ บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร นักเขียนข่าวกีฬาและคอลัมนิสต์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เกี่ยวกับอนาคตฟุตบอลทีมชาติไทย หลังแพ้จอร์เจีย 0-8 และเสมอเอสโตเนีย 1-1 ในการแข่งขันนัดกระชับมิตร
ธีรเทพกล่าวว่า ฟุตบอลทีมชาติไทยในอนาคตทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันคือ การผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ แต่ควรมองทีละขั้น หรือค่อยๆ ไต่ระดับจากอาเซียนสู่เอเชีย แล้วจึงไปในระดับโลก อย่าเพิ่งคิดว่าฟุตบอลไทยจะได้ไปฟุตบอลโลกทันที
นอกจากนี้ ทีมชาติไทยต้องไม่กลัวความพ่ายแพ้ เนื่องจากคนไทยเสพติดกับชัยชนะมากเกินไป ฉะนั้น รายการใดที่ให้โอกาสนักฟุตบอลดาวรุ่งได้ลงเล่นเพื่อพัฒนาต่อยอดทีมชุดต่อไปก็ควรทำ หรือถอยมา 1 ก้าวเพื่อไปสู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น
“ตอนนี้ทุกคนมองทีมชาติญี่ปุ่นว่าเก่งมาก แต่เขาวางเป้าหมายกี่สิบปี ทำไมญี่ปุ่นถึงก้าวไประดับโลกได้ ฉะนั้น ทีมชาติไทยต้องวางแผนทีละขั้นที่พอจะเห็นผลได้ ไม่ใช่วางไว้ว่า 4 ปีจะไปบอลโลก ซึ่งผมบอกตามตรงว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะโครงสร้างของฟุตบอลไทยผิดพลาดตั้งแต่แรก ดังนั้น ต้องแก้ไขทั้งระบบกันใหม่ ถ้าคุณอยากจะไปบอลโลกจริง” ธีรเทพกล่าว
ธีรเทพมองว่า ปัญหาของสโมสรและทีมชาติควรมาพูดคุยกัน หาจุดกึ่งกลางในการเรียกนักฟุตบอลติดทีมชาติ ยอมอ่อนท่าทีกันบ้าง ยอมรับกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อให้ทีมชาติไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะฟุตบอลทีมชาติไทยไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของทุกคน
ด้านปัญหาในการจัดการของการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร 2 นัดที่ทวีปยุโรป ธีรเทพระบุว่า อยากทราบคำตอบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทราบโปรแกรมตลอดทั้งปีอยู่แล้ว
“ตั้งแต่ยุคสมัยผม ยุคดรีมทีม ไม่มีบินตรงอยู่แล้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องงบประมาณหรือเงื่อนไขหลายๆ อย่างหรือเปล่า ทำให้เรื่องตรงนี้ไม่ได้รับการแก้ไขสักทีเป็นสิบๆ ปีแล้ว การเอาชนะในสนาม เรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อาหาร การเดินทางเหล่านี้ คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรจัดการละเอียดกว่านี้” ธีรเทพกล่าวปิดท้าย
ขณะที่ บูรณิจฉ์กล่าวว่า ทุกคนมีความหวังกับอนาคตฟุตบอลไทยที่อยากไปฟุตบอลโลก การมีความหวังหรือความฝันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าผู้เกี่ยวข้องยังทำงานกันแบบนี้ แล้วจะไปคาดหวังได้อย่างไรกับอนาคตฟุตบอลไทยที่ดี ฉะนั้น ควรออกมาขอโทษ และชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้แฟนฟุตบอลไทยทราบ
บูรณิจฉ์ระบุว่า ฟุตบอลไทยอยากจะก้าวข้าม แต่ไม่ได้มองทีละขั้นตอน หากเปรียบเทียบง่ายๆ คือ ฟุตบอลเยาวชนโลก ทีมชาติไทยเข้ารอบได้แค่ 2 ครั้ง เมื่อมองชาติมหาอำนาจเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอิหร่าน ได้ไปแข่งขันรายการระดับสูงสม่ำเสมอ เนื่องจากการพัฒนาทีละขั้นตอนอย่างถูกต้อง แล้วอนาคตที่ดีของฟุตบอลทีมชาติไทยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
สำหรับปัญหาการเรียกนักเตะสโมสรติดทีมชาติในครั้งนี้ ตนเองมองว่าอาจมีการฮั้วกันไว้ก่อน เนื่องจากต้องแข่งขันฟุตบอลไทยลีก และเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก หรือฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์แห่งเอเชีย หากเรียกติดทีมชาติแล้วถอนตัวก็จะผิดกฎของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ได้ ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมานานแล้ว และเกิดขึ้นกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แทบทุกชุด
“จากประสบการณ์คือ คุณสามารถเรียกตัวหลักไปก่อนได้ แล้วไปคุยกับโค้ชว่าช่วยระมัดระวังให้หน่อย ถ้าสถานการณ์ไม่ดีก็เปลี่ยนออกได้เลย สลับกันลงได้ ที่อังกฤษก็ทำแบบนั้น แต่ไทยอาจหวงนักเตะก็เลยไม่ปล่อยติดทีมชาติ” บูรณิจฉ์กล่าว
ส่วนการเลือกนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 นั้น ตนเองมองว่า นวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย คือบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ณ ตอนนี้
อย่างไรก็ตาม อาจมีคนที่เหมาะสมมากกว่า เช่น ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย หรือบุคคลที่เข้าใจปัญหาฟุตบอลไทยอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่นวลพรรณไม่เหมาะสม แต่นวลพรรณอาจมีประสบการณ์ในฟุตบอลไทยไม่มาก
ทั้งนี้ ตนเองชื่นชม กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย โดยอยากให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เช่นกัน