วันนี้ (21 กันยายน) ที่สำนักงานพรรคชาติพัฒนา จังหวัดนครราชสีมา สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา และแกนนำของพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศว่า วันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการหลายๆ อย่างที่กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้
ไม่ว่าจะเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มคนพิการ 1.4 แสนล้านบาท หรือในส่วนที่เกี่ยวกับตลาดทุนในตลาดหลักทรัพย์กับการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง 1.5 แสนล้านบาท จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่มากขึ้นและทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น หรืองบประมาณปี 2568 ตอนนี้ผ่านรัฐสภาไปแล้ว 3 ล้านล้านบาท เหมือนกับแม่น้ำ 3 สายที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลเข้าไปสู่พี่น้องประชาชน เข้าไปสู่การจ้างงาน และเข้าไปสู่ภาคธุรกิจ ฉะนั้น 3 ส่วนนี้จะเป็นช่วงที่ทำให้เกิดการกระเตื้องขึ้นของภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ยังมีข่าวดีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ประกาศลดดอกเบี้ย 0.5% ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกและเป็นสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด เกิดปัญหาหนี้สินมากมายและเกิดปัญหาเงินเฟ้อ และเพื่อเป็นการควบคุมการเงินของโลก จึงขึ้นอัตราดอกเบี้ยมา 4 ปีไม่เคยลด
เพราะฉะนั้นการลดดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของคนทำธุรกิจถูกลง และเป็นการกระตุ้นการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจของโลก ให้กลับมาฟื้นตัว ให้กลับมาเข้มแข็ง ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และเศรษฐกิจไทยก็ไปผูกกับเศรษฐกิจโลก จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นตามไปด้วย
สุวัจน์กล่าวต่อว่า จากนี้ไปคาดว่าจะเห็นความเคลื่อนไหวของตลาดทุนและตลาดเงินต่างๆ การลงทุนต่างๆ ประเทศไทยก็จะได้อานิสงส์ และจะเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ประกอบการต่างๆ รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวก็จะดีขึ้น เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้ผลรวดเร็ว เนื่องจากการท่องเที่ยวไปทุกหมู่บ้าน ไปทุกอาชีพ สร้างความเสมอภาคด้วยเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้ผลที่เร็วมาก หรือการที่จะเร่งมีนโยบายไทยเที่ยวไทย ส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวเมืองไทย เป็นการรักษาการไหลออกของเงินไปต่างประเทศและแสดงออกถึงความรักชาติ ความชาตินิยม ไทยนิยม วันนี้ต้องเอาความไทยนิยม ชาตินิยม มาช่วยเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนเสียงสะท้านที่เกรงว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลระยะยาวจะถังแตกหรือไม่นั้น สุวัจน์กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น มีการลงทุนมากขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม และขยายฐานภาษีต่างๆ ที่เหมาะสม มันก็จะเป็นรายได้ของประเทศ
“เราต้องพยายามคิดที่จะหานโยบายใหม่ๆ สมมติว่านโยบายเร่งด่วนของประเทศ 10 เรื่อง มีอยู่ข้อหนึ่งที่ดีมากคือ นโยบายในการที่จะนำภาษีจากระบบธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษีคือพวกที่อยู่ใต้ดินต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งส่วนนี้มีอีกมากมายที่เราไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ อันนี้จะเป็นรายได้ใหม่ให้กับประเทศ” สุวัจน์กล่าว
ส่วนประเด็นทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีหรือบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น สุวัจน์เชื่อว่าประสบการณ์ต่างๆ ที่แต่ละคนมี คงจะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอในเชิงนโยบายต่างๆ ให้กับรัฐบาลและให้กับนายกรัฐมนตรี
สุวัจน์กล่าวต่อว่า สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องน้ำท่วม เรื่องน้ำแล้ง อุทกภัย แผ่นดินถล่ม และความถี่ของการเกิดก็บ่อยขึ้น พื้นที่หลากหลาย เช่น จังหวัดภูเก็ต, เชียงราย และหนองคาย สถานการณ์จากภาคใต้ สู่ภาคเหนือ ไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตนคิดว่าสัญญาณต่างๆ เหล่านี้มีความถี่มากขึ้น มีความเสียหายทั้งชีวิตผู้คน ทรัพย์สิน และความเสียหายทางเศรษฐกิจนับหมื่นนับแสนล้าน
ฉะนั้นตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะมีมาตรการหรือมีโครงการใหญ่ๆ เป็นแผนแม่บทในการวางโครงสร้างพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง อุทกภัย หรือวาตภัยต่างๆ ที่จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศและลดความสูญเสีย จุดแข็งของประเทศไทยคือเกษตร และเกษตรต้องการน้ำ เกษตรต้องน้ำไม่ท่วมและน้ำไม่แล้ง ดังนั้นถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้และมีแผนแม่บทจัดทำเป็นวาระแห่งชาติในการป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง อุทกภัย และวาตภัยต่างๆ ว่าจะบริหารจัดการน้ำอย่างไร จะมีการสร้างระบบระบายน้ำไปถึงมือเกษตรกรอย่างไร ระบบขนส่งน้ำหรือเขื่อน อ่างเก็บน้ำที่จะสามารถรับน้ำไว้ป้องกันปัญหาน้ำแล้ง หรือการระบายน้ำต่างๆ ไปตามแม่น้ำลำคลองและเขื่อนต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วม
“เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการทำอย่างจริงจัง ถ้ารัฐบาลได้หยิบยกเรื่องนี้มาทำมันจะเป็นการสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาและยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ ตอนนี้เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า พอเกิดขึ้นก็ไปช่วยกันแจกสิ่งของ ไปช่วยกันให้กำลังใจ แต่ถ้าจะถาวรตนคิดว่ารัฐบาลจะต้องทำเรื่องนี้” สุวัจน์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติพัฒนาพร้อมให้กำลังใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการบริหารประเทศให้สำเร็จอย่างไร สุวัจน์กล่าวว่า ตนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีเพราะว่า
- ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีสุภาพสตรี
- ท่านอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เราพูดกันมานานว่าอยากเห็นคนรุ่นใหม่เล่นการเมือง อยากเห็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อยากเห็นผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้นนายกฯ แพทองธาร ถือว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ไม่เคยอยู่ในวงการการเมืองมาก่อน และเข้าสู่การเมืองโดยเป็นคนรุ่นใหม่ที่มาจากภาคธุรกิจที่อายุน้อยมากเพียง 38 ปี
เพราะฉะนั้นตนถือว่านายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทน เป็นภาพลักษณ์ของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะมาทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ
“อยากให้ท่านประสบความสำเร็จ เพราะถ้านายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหรือในการทำงาน มันก็จะเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นภาพการเมืองใหม่ๆ เห็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เห็นคนใหม่ๆ เข้าสู่ระบบการเมือง นี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนฉากทัศน์ของการเมืองไทยว่าเราต้องการคนรุ่นใหม่ นักการเมืองเลือดใหม่” สุวัจน์กล่าว
ตนเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี อยากให้นายกรัฐมนตรีได้ทุ่มเทการทำงานและประสบความสำเร็จในการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศ แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ต่างๆ หนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ก็คงจะต้องมีความร่วมมือช่วยกันทำงานกันอย่างเต็มที่
และในการที่แพทองธารขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ก็มีการปรับโครงสร้างรัฐบาล มีการจัดทัพพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลใหม่ นำไปสู่เสถียรภาพของการเมืองที่เพิ่มขึ้นจาก 310 เสียงเป็น 320 กว่าเสียง เพราะฉะนั้นด้วยหลักสนับสนุนของพรรคการเมืองรวมกันแล้วกว่า 10 พรรคกับเสียงของรัฐบาลที่มีมากขึ้น อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลได้ว่าเสถียรภาพในรัฐบาลไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงเสียงในสภา ไม่ต้องห่วงองค์ประชุม ขอให้รัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้เต็มที่ โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ เป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ฉะนั้นทั้ง 10 ข้อต้องผลักดันให้ได้โดยใช้เสถียรภาพทางการเมือง ตนว่าพี่น้องประชาชนก็จะพึงพอใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหานักร้องต่างๆ จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ สุวัจน์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เป็นไปตามกติกา ทุกคนมีสิทธิที่จะใช้กติกา เพียงแต่ว่ารัฐบาลจะต้องระมัดระวังให้มาก เหมือนกับมีคนตรวจสอบมากขึ้น นักร้องก็เป็นหนึ่งในกระบวนการของการตรวจสอบ ฉะนั้นในการทำทุกอย่างต้องมีความระมัดระวังกัน แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลเรามีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง มีนโยบายที่ดีและเหมาะสม มีความร่วมมือกันเพื่อให้การปฏิบัตินำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายร่วมกัน
ส่วนรัฐบาลนี้จะอยู่ครบเทอมหรือไม่นั้น สุวัจน์กล่าวว่า รถออกจากบ้านไม่มีใครรู้หรอกว่าจะมีอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่ตามฟอร์มรถดีและสภาพดี