×

สรุปเหตุการณ์ บุญชู แรงงานไทยเสียชีวิตในฟาร์มหมูเกาหลีใต้ นายจ้างกลัวความผิด ขนศพทิ้งเนินเขา

08.03.2023
  • LOADING...

อีกเหตุสลดสำหรับแรงงานไทยที่ลักลอบทำงานในเกาหลีใต้ หลังจากที่ ‘บุญชู’ วัย 67 ปี แรงงานฟาร์มหมูที่เมืองโพชอน จังหวัดคยองกี ขาดการติดต่อกับครอบครัวและหายไป 4 วัน ก่อนพบเป็นศพอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากที่พัก โดยตำรวจได้จับกุมเจ้าของฟาร์มในข้อหา ‘ทิ้งศพ’ ซึ่งคาดว่าเป็นความพยายามเพื่อปิดบังความผิดในการจ้างงานผิดกฎหมาย

 

และนี่คือรายละเอียดและไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ทั้งหมด 

 

  • บุญชู ประวะเสนัง หรือ บุญชู เป็นชาวขอนแก่นที่เดินทางไปเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2556 เพื่อลักลอบทำงานโดยไม่มีวีซ่าทำงานถูกกฎหมาย โดยทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งในเมืองโพชอน จังหวัดคยองกี ทำหน้าที่ดูแลหมูประมาณ 1,000 ตัว และทำความสะอาดเล้าหมู โดยได้เงินเดือน 2 ล้านวอน หรือประมาณ 53,000 บาท

 

  • รายงานจากเว็บไซต์ thailand.postsen.com สรุปเรื่องราวของบุญชู โดยเปิดเผยว่า เขาทำงานเพียงลำพัง และเป็นคนขยัน ทำงานหนัก ไม่ดื่มสุรา และไม่ออกไปเที่ยวไหนตลอดระยะเวลาที่ทำงานกว่า 10 ปี 

 

  • ที่ผ่านมาบุญชูจะติดต่อภรรยาที่อยู่ในไทยเป็นประจำและส่งเงินให้ทุกเดือน เงินเดือนงวดล่าสุดที่ออกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บุญชูได้ส่งให้ภรรยา และมีการติดต่อกันครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่ในวันที่ 1 มีนาคม บุญชูกลับเงียบหายและขาดการติดต่อไป 

 

  • กระทั่งวันที่ 4 มีนาคม ผู้ใช้ Facebook ชื่อ สิงหราช มอญขาม ได้โพสต์ข้อความว่า “ตอนนี้ติดต่อบุญชูไม่ได้” และเมื่อสอบถามไปยังนายจ้างเจ้าของฟาร์มหมูชื่อ คิม กลับบอกว่า “บุญชูหนีไปแล้ว”

 

  • คำบอกเล่าจากนายจ้างกลับยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น เพราะหากบุญชูหนีไปจริงก็น่าจะยังติดต่อได้ แต่ผ่านมา 4 วันยังคงเงียบหาย ทำให้กลุ่มคนไทยในเกาหลีใต้เริ่มช่วยกันพยายามตามหาบุญชู 

 

  • ผู้ใช้ Facebook ชื่อ Farida Ma ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยและร้านของชำที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ และทำกิจกรรมเพื่อสังคม คอยช่วยเหลือคนไทยในเกาหลีใต้ ได้พยายามช่วยตามหา และได้เดินทางไปถึงที่ฟาร์มพร้อมกับกลุ่มคนไทยในวันที่ 4 มีนาคม แต่พบว่าฟาร์มปิด และติดป้ายไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า ซึ่งเธอพยายามโทรหาคิม เจ้าของฟาร์ม แต่เขาไม่รับสายทั้งที่ปกติจะรับตลอด จึงตัดสินใจไปยังโรงพักเพื่อแจ้งความคนหายต่อตำรวจ และได้นำรูปบุญชูให้ตำรวจดู

 

  • หลังจากนั้น Farida Ma และกลุ่มคนไทย ได้กลับไปที่ฟาร์มอีกครั้งพร้อมตำรวจ 2 นาย และพบคิมซึ่งมีอาการคล้ายมึนเมา บอกว่าบุญชูหนีไปแล้ว และโวยวายใส่ตำรวจ ไม่ยอมให้เข้าไปในฟาร์ม

 

  • ในตอนแรกทางตำรวจสงสัยว่าบุญชูอาจถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับ และตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้แค่ไหนที่บุญชูจะหนี แต่คนที่รู้จักบุญชูยืนยันว่าเขาไม่น่าจะหนีไปไหน ซึ่งเจ้าของฟาร์มข้างเคียงก็มาช่วยยืนยันว่าบุญชูไม่น่าจะหนี เพราะพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ อีกทั้งยังตั้งใจที่จะกลับบ้านในไทยเร็วๆ นี้ด้วย โดยเตรียมเงินไว้แล้ว 2 ล้านวอน สำหรับค่าตั๋วเครื่องบิน

 

  • เมื่อไม่พบเหตุผลที่บุญชูจะหนีไปที่อื่น ทางตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในฟาร์มและภูเขาที่อยู่ด้านหลังฟาร์ม จึงพบร่างของบุญชูในชุดเสื้อกันหนาว สวมรองเท้าข้างเดียว และอีกข้างวางไว้ที่หน้าอก และพบรถแทร็กเตอร์ของคิมจอดห่างออกไปราว 100 เมตร

 

  • หลังพบศพ ในเช้าวันที่ 5 มีนาคม ตำรวจได้จับกุมตัวคิมและตั้งข้อหาทิ้งศพ โดยพบหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นว่าเขาได้ขับรถแทร็กเตอร์ไปยังทิศทางของเนินเขาที่พบศพบุญชู ซึ่งคิมยอมรับในข้อหา

 

  • นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้สอบปากคำลูกชายเจ้าของฟาร์มว่ามีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของบิดาหรือไม่

 

  • กลุ่มคนไทยเผยว่า สภาพศพบุญชูนั้นเหมือนกับนอนหลับไป และไม่พบร่องรอยฆาตกรรม แม้จะมีแผลที่ศีรษะ แต่ตำรวจบอกว่าไม่ได้เป็นรอยที่เกิดจากการต่อสู้

 

  • ด้านผู้ใช้ Facebook สิงหราช มอญขาม โพสต์ข้อความล่าสุดวานนี้ (7 มีนาคม) ตั้งข้อสังเกตว่า กระเป๋าเงินของบุญชูและหนังสือเดินทางได้หายไป หรืออาจมีอีกคนที่เอาไป โดยตำรวจยังอยู่ระหว่างสืบสวนและสอบปากคำผู้ต้องสงสัยและผู้เกี่ยวข้อง

 

  • รายงานจากสำนักข่าว The Korea Herald ระบุผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พบว่าเขาน่าจะเสียชีวิตด้วยปัญหาสุขภาพ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นผลจากสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ถูกสุขอนามัย และไม่น่าจะเสียชีวิตเพราะการฆาตกรรม

 

  • ส่วนสาเหตุการนำศพไปทิ้ง เจ้าหน้าที่ระบุว่าอาจเป็นเพราะคิมจ้างงานบุญชูอย่างผิดกฎหมาย ทำให้เมื่อพบว่าบุญชูเสียชีวิตจึงไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวความผิด และตัดสินใจใช้รถแทร็กเตอร์ขนร่างของบุญชูไปทิ้ง

 

  • ขณะที่รายงานของสถานีตำรวจโพชอนระบุว่า คิมได้นำศพของบุญชูไปทิ้งบนเนินเขาตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม หรือ 1 วันหลังจากที่บุญชูขาดการติดต่อและหายตัวไป

 

  • ทางด้าน คิมดัลซอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างชาติโพชอน ได้โพสต์ภาพลงบน Facebook บรรยายว่า ได้เดินทางไปยังจุดที่ทิ้งศพและได้เข้าไปตรวจสอบที่พักของบุญชู ซึ่งพบความเป็นไปได้ว่าบุญชูอาจเสียชีวิตเนื่องจากหายใจลำบาก หรือสูดดมเอาอากาศที่เป็นพิษ ที่มีทั้งไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เกิดจากปุ๋ยคอก หรือสารอินทรีย์หลายชนิดที่เน่าเปื่อย ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อสุขภาพ หากสูดดมเข้าไปเป็นเวลานาน

 

  • สภาพห้องที่นายจ้างจัดให้นั้นเรียกได้ว่าเลวร้ายจนน่าตกตะลึง โดยมีขนาด 3 x 3 เมตร ห้องครัวกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของห้อง มีการติดไวนิลเพื่อบังแสงอาทิตย์ และไม่มีเครื่องทำความร้อน ในห้องเต็มไปด้วยขยะ และมีเชื้อราสีดำทั้งบนเพดานและฝาผนัง และได้กลิ่นอุจจาระหมูคละคลุ้งจนแทบจะหายใจไม่ออก ทั้งเหม็นเน่าและยังเต็มไปด้วยควันพิษ แถมยังได้ยินเสียงหมูหลายตัวร้องดังตลอดเวลา

 

  • ทั้งนี้ ทางตำรวจ กระทรวงแรงงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ กำลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมในการทำงานของฟาร์มหมูแห่งนี้ พร้อมทั้งตรวจสอบว่าบุญชูถูกปฏิบัติหรือใช้แรงงานอย่างทารุณหรือไม่

 

  • นอกจากนี้ยังคงต้องรอผลชันสูตรโดยละเอียดราว 2-3 สัปดาห์ โดยคดียังอยู่ระหว่างสอบสวนและตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด

 

  • ขณะที่ทางการเกาหลีใต้ได้ประสานทางภรรยาและลูกของบุญชูให้มารับศพกลับไทยแล้ว และล่าสุดกำลังเตรียมบินไปเกาหลีใต้เพื่อรับศพกลับบ้าน 

 

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ

 

  • กาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ประสานกับตำรวจเมืองโพชอน และรับทราบว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ภรรยาของผู้เสียชีวิตที่ไทยไม่สามารถติดต่อผู้เสียชีวิตได้ จึงแจ้งตำรวจเมืองโพชอนให้ช่วยค้นหาผู้เสียชีวิต ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 ตำรวจเมืองโพชอนพบร่างของผู้เสียชีวิตที่เมืองโพชอน จังหวัดคยองกี ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต

 

  • วันนี้ (8 มีนาคม) สถานเอกอัครราชทูตฯ สามารถติดต่อภรรยาของผู้เสียชีวิตได้แล้ว โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างประสานกับภรรยาของผู้เสียชีวิต เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือตามความเหมาะสม และจะติดตามคดีของผู้ที่เสียชีวิตอย่างใกล้ชิดกับทางการเกาหลีใต้ต่อไป ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มเติม กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

  • กระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความเสียใจกับญาติของผู้ที่เสียชีวิต และขอให้แรงงานไทยที่สนใจจะมาทำงานในเกาหลีใต้ ปฏิบัติตามกฎและระเบียบการจ้างงานที่ถูกต้อง เพื่อจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในกรณีที่เจ็บป่วยหรือเสียชีวิต

 

ภาพ: Pocheon Migrant Workers Center, Farida Ma / Facebook

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising