วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 ปี
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ บอกว่า “ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้อำนาจขัดขวางการตรวจสอบทุกเรื่องทุกประเด็น แถมยังมีสภา สนช. เป็นฝักถั่ว อีกทั้งหลังจากผ่านการเลือกตั้งเกือบครบ 1 ปี จะสังเกตว่านายกฯ แทบจะไม่มาสภาเลย อาจจะต้องประกาศตามหาคนหายกันหน่อย
“ซึ่งเรื่องดังกล่าวมันผิดระบบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เราต้องไม่ลืมว่า หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีเพื่ออะไร เพราะจริงๆ การมี ส.ส. จากการเลือกตั้งก็เพื่อต้องการให้แต่ละคนเป็นตัวแทนของประชาชน ในการออกมาสะท้อนปัญหา สะท้อนความเดือดร้อนของประชาชน และนำมาเสนอแนะในสภา ส่วนนายกฯ มีหน้าที่มารับฟัง เพื่อนำปัญหาที่เกิดขึ้นไปแก้ไข ซึ่งจะเห็นได้ว่านายกฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเลย ดังนั้น ถ้าเกิดทำงานดี ประชาชนอยู่ดีมีสุข ก็คงจะไม่เกิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ”
ส่วนความพร้อมในการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า “จากที่สังเกตการเตรียมงาน ต้องบอกว่า ฝ่ายค้านค่อนข้างพร้อมในการขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้”
ทางด้าน อนุดิษฐ์ นาครทรรพ กล่าวว่า “สำหรับข้อเท็จจริงของญัตติข้อกล่าวหากว่า 35 ข้อกล่าวหา ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกินเลย เพราะเราต้องเข้าใจว่า นายกฯ คนเดียวทำทุกเรื่อง อีกทั้งรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ ยังเป็นรัฐบาลที่ขอใช้งบประมาณสูงที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทยมา ถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุผลแรกๆ หรือไม่ ที่ทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ ขอลงมาทำหน้าที่คุมทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเอง ซึ่งต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้มีข้อครหาเยอะแยะ โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ จำนวนหลายแสนล้านบาท ใช้กระดาษเพียงแผ่นเดียว ซึ่งอยากให้ประชาชนรอฟังรายละเอียดเพิ่มเติม ผ่านการอภิปรายในครั้งนี้”
ฟากฝั่งของรัฐบาล ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยความพร้อมฝ่ายรัฐบาล ในการเตรียมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ระบุว่า “เรื่องที่เป็นห่วงจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ ส.ส. จากอนาคตใหม่จะยกมือโหวตให้ฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ แต่ห่วงเรื่องของการออกเสียง เพราะที่ผ่านมาเคยมีปัญหาเครื่องรวน สรุปคือกลัวเรื่องเดียวคือเสียงไม่เท่ากัน ซึ่งไม่ได้เกิดจากผู้ที่ออกเสียง แต่เกิดจากเครื่องรวน ดังนั้น เราจะต้องมีการคิดถึงเรื่องนี้ค่อนข้างมาก”
ส่วนประเด็นที่เสียงจากฟากฝั่งรัฐบาลอาจไม่เท่ากัน ในทางการเมืองมีผลอย่างไร ไพบูลย์ เผยว่า เรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลค่อนข้างมั่นใจว่า จะได้เสียงครบทุกเสียง ซึ่ง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้พูดไว้ในที่ประชุมช่วงการเตรียมการ เพราะถ้าหากเสียงที่ควรได้ไม่เท่ากันจะพานให้เกิดปัญหาโดยใช่เหตุ
“แต่ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ปัญหาเสียงไม่เท่ากันจะไม่เกิด ดังนั้น สำหรับฝ่ายค้านที่จะเข้าร่วมอภิปรายโดยให้เกิดสิ่งเหล่านั้น ก็คงจะต้องผิดหวังไป ในฐานะที่ผมทำหน้าที่นี้ ผมบอกได้เลยว่าฝ่ายค้านจะผิดหวัง แต่ประชาชนจะสมหวังที่ได้เห็นการทำงานของฝ่ายรัฐบาล ที่ไม่ใช่การทำงานในภาพลักษณ์เก่าๆ แต่เราจะทำงานในรูปแบบมิติใหม่ ซึ่งความเป็นมิติใหม่คือการพูดถึงเรื่องของประชาชนก่อนเป็นลำดับแรก ว่าประชาชนอยากเห็นการอภิปรายครั้งนี้เป็นอย่างไร แล้วเราจึงเอาสิ่งนั้นมาเป็นตัวตั้งในการดำเนินการ ให้เป็นไปตามที่ประชาชนตั้งใจอยากจะเห็น”
ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์ ซึ่งคุณผู้ชมสามารถติดตามรับชมได้ทางเฟซบุ๊ก และยูทูบของ THE STANDARD ในเวลา 13.30 น. ของแต่ละวัน เป็นต้นไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
