ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มเหล็กวันนี้ (23 กรกฎาคม) ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างโดดเด่นสำหรับหลายบริษัท อาทิ บมจ.ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ (CSP) +13% และ บมจ.ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (TYCN) +10% ขณะที่ บมจ.ทาทา สตีล (TSTH) ซึ่งรายงานกำไรไตรมาส 1/65 (ไตรมาส 2 ตามปีปฏิทิน) ออกมาเพิ่มขึ้น 1,455% ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 6.98% ผลจากน้ำท่วมใหญ่ในจีนทำอุปทานขาดแคลน
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กที่พุ่งขึ้นมาในวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะอุปทานขาดแคลน (Supply Shortage) ของเหล็กในตลาดโลก ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากน้ำท่วมใหญ่ในจีนที่เมืองเจิ้งโจวในมณฑลเหอหนาน ซึ่งผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้อาจจะลุกลามไปยังเมืองใกล้เคียงที่เป็นศูนย์กลางทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงเหล็ก ขณะเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียงก็ยังเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วน iPhone ใหญ่ 1 ใน 7 ของโลก
“หลังจากเกิดน้ำท่วมทำให้เกิดแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มเหล็ก รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับราคาเหล็กยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้กำไรไตรมาส 2 ของกลุ่มเหล็กน่าจะออกมาดี อย่างไรก็ตามแรงเก็งกำไรดังกล่าวน่าจะเป็นเพียงช่วงสั้น นักลงทุนต้องบริหารความเสี่ยงและเผื่อจุดตัดขาดทุนไว้ด้วย”
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ปัจจัยหนุนอีกส่วนหนึ่งคือผลประกอบการของ TSTH ในไตรมาส 1/65 ที่ออกมาค่อนข้างดี โดยมีกำไรถึง 847 ล้านบาท จึงเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มเหล็กตัวอื่น
ทั้งนี้การจะเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเหล็กต้องระมัดระวังพอสมควร เพราะตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ราคาเหล็กเริ่มชะลอลงมาบ้าง หลังจากรัฐบาลจีนพยายามเข้ามาควบคุมความร้อนแรงของราคาเหล็ก ซึ่งเป็นนโยบายในระยะยาวที่จีนส่งสัญญาณออกมา
“ช่วงที่ผ่านมาราคาเหล็กปรับขึ้นมาต่อเนื่องทำให้บริษัทต่างๆ มีกำไรจากสต๊อกสินค้า แต่หากราคาเหล็กกลับทิศก็อาจจะเห็นขาดทุนจากสต๊อกเข้ามาแทน และด้วยลักษณะธุรกิจเหล็กของไทยที่เป็นกลางน้ำ เมื่อราคาเหล็กปรับขึ้นมาระดับหนึ่งมาร์จิ้นจะค่อยๆ ลดลง เพราะในไทยเหล็กยังเป็นสินค้าควบคุมทำให้บริษัทไม่สามารถผลักต้นทุนไปยังลูกค้าได้เต็มที่”
