วันนี้ (21 กุมภาพันธ์) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียก ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.), จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ พล.ท. ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร เพื่อมาหารือ หลังมีปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนและเกิดข้อพิพาทระหว่างกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กับ ส.ป.ก. ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ร.อ. ธรรมนัส พร้อมด้วยวิณะโรจน์, จตุพร, อรรถพล และ พล.ท. ชาคร ร่วมกันแถลงภายหลังหารือ
โดย ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแถลงให้สาธารณชนรับทราบ จากข้อมูลที่ได้คุยกันในเบื้องต้น เรื่องแรกตนยังยืนยันว่าพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทตอนนี้เราจะไม่เถียงกันแล้วว่าเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานใด ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้กรมแผนที่ทหารเดินหน้าในการทำเขตแนวพื้นที่ของรัฐ (วันแมป) เดินหน้าต่อไป ทางเจ้ากรมแผนที่ทหารได้รับปากนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการพิสูจน์พื้นที่ตรงนี้
ในส่วนของ ทส. และ กษ. ต่อไปนี้จะมีข้อตกลงระหว่าง ส.ป.ก. กับกรมอุทยานฯ หากพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน (ตามหลักฐานเดิมตั้งแต่ปี 2527 มาถึงปี 2530 จนถึงปี 2534 เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน) เมื่อเกิดปัญหาข้อพิพาทขึ้นเนื่องจากเป็นพื้นที่ติดกัน เรียกว่าแนวกันชน ตนในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจะออกนโยบายว่า ต่อไปนี้พื้นที่ที่เป็นแนวกันชนหรือพื้นที่ที่ติดประชิดกันจะไม่จัดให้พี่น้องเกษตรกรทำกินอย่างเด็ดขาด นี่คือข้อตกลงที่ได้คุยกันไว้ทั้งสองหน่วยงาน
ยกเลิกทุกแปลง เอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่มีปัญหาตนได้มอบนโยบายให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ไปยกเลิกให้หมดทุกแปลงที่ทำการ แล้วรังวัดออกเอกสารสิทธิประเภท ส.ป.ก.4-01 ให้กับเกษตรกร ส่วนจะเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ เราได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีมูลก็จะตั้งคณะกรรมการดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญา
ส่วนแนวทางการทำงานในอนาคตจะมีการบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่าง ส.ป.ก. กับกรมอุทยานฯ ในการที่จะกระทำการใดๆ ก็ตามในพื้นที่ที่เราจะจัดสรรให้กับพี่น้องเกษตรกรจะต้องมีคณะกรรมการเป็นรูปธรรม ต่อไปจะมอบให้ ส.ป.ก. จังหวัดที่ประกอบด้วยทุกหน่วยงาน ทั้ง ส.ป.ก. กรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ กรมธนารักษ์ และหน่วยงานของรัฐที่ดูแลพื้นที่ดินของรัฐทั้งหมด จะได้มีความโปร่งใส นี่คือสิ่งที่คุยกันไว้
แค่ไม่สื่อสาร ขออย่ามองการเมือง
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า สิ่งที่เกิดปัญหาตนไม่อยากจะโทษรัฐบาลที่แล้ว แต่การเริ่มรังวัดเริ่มตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ดังนั้นสิ่งที่ตนจะแก้ปัญหาคือ ตนจะต้องทำความสะอาดบ้านของตนให้เรียบร้อย ในขณะที่เรากำลังจะทำประโยชน์ให้กับเกษตรกรก็เกิดปัญหาอย่างนี้ มันเป็นปัญหาที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องแก้ไข ขณะเดียวกันการทำงานเราเป็นรัฐบาลเดียวกัน และรัฐมนตรีทั้งสองกระทรวงมาจากพรรคเดียวกัน
“ผมไม่อยากให้เข้าใจว่าเป็นประเด็นการเมือง มันไม่ใช่ แต่เป็นความผิดพลาดในการทำงานที่ไม่คุยกัน เพราะถ้าคุยกันจะไม่เป็นปัญหา ฉะนั้นต่อไปนี้จะให้ปลัดทั้งสองกระทรวงคุยกัน อธิบดีกรมอุทยานฯ และเลขาธิการ ส.ป.ก. ต้องคุยกัน ขับเคลื่อนไปด้วยกัน ปัญหาที่มีขึ้นมาต้องแก้ร่วมกัน แต่ขณะเดียวกันเราก็มีกรรมการกลางก็คือกรมแผนที่ทหารที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้” ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
เตรียมตั้งกรรมการสอบสวนจัดที่ป่าเป็นเอกสารสิทธิ
เมื่อถามว่า พื้นที่ที่มีปัญหามีมากน้อยแค่ไหน และจะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า พื้นที่ที่ตอนนี้เราต้องเร่งแก้ปัญหาคือ พื้นที่ที่เกิดเป็นประเด็นที่ได้เอาเอกสารสิทธิให้เกษตรกรเข้าทำกินทั้ง 5 แปลง ตนสั่งการแล้วว่าให้ตรวจสอบความถูกต้อง สำคัญที่สุดต้องมีจิตใต้สำนึกว่ามันเป็นสภาพป่า แล้วไปจัดสรรได้อย่างไร ตนไม่เห็นด้วย และเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่ชี้แจงตนที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีเหตุมีผล และตนลงพื้นที่ก็เห็นสภาพเป็นป่าที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเพราะเกษตรกรไม่ได้เข้าไปทำกินมานาน จิตสำนึกมนุษย์ไม่ควรจะจัดให้เกษตรกร อันนี้ตนจะตั้งกรรมการสอบสวนแน่นอน และเมื่อมีมูลว่าผิดก็ต้องดำเนินคดีอาญา
เมื่อถามว่า ถ้ายกเลิกไปแล้วเกษตรกรที่ทำกินจะต้องทำอย่างไร ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า มันเป็นพื้นที่ที่ทำภาคการเกษตรอยู่แล้ว มันต้องเป็นรายๆ ไป ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมอุทยานฯ และ ส.ป.ก. ต้องพูดคุยกัน และตนมีนโยบายอยู่แล้วว่าไม่ควรจัดพื้นที่แนวกันชน อย่างน้อยเราก็ได้ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไว้ สำหรับพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทตนปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วว่าหากเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. เราจะทำเป็นพื้นที่ประเภทป่าชุมชนเพื่อรักษาป่า
สำรวจทุกพื้นที่ก่อนให้สิทธิ
ด้าน จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเน้นย้ำการดำเนินการตามหลักกฎหมายก่อน หลังจากนี้การดำเนินการจึงต้องมีคณะกรรมการเข้าไปเดินสำรวจในพื้นที่ โดยกรมอุทยานฯ จะทำการสำรวจทั้งหมดในแนวเขตที่ออก ส.ป.ก. ซึ่งจะดูทั้งหมดว่าส่วนไหนที่มีปัญหา ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันทุกอย่างตามหลักกฎหมาย ข้อเท็จจริง และหลักวิทยาศาสตร์
วิณะโรจน์กล่าวถึงกรณีการย้ายเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา 6 คนออกนอกพื้นที่ว่า กรณีเกิดปัญหาความโปร่งใสการทำงาน จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีนี้เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา จึงต้องย้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส และให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความยุติธรรม