×

Come Back of the Year ปีแห่งการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของวงการกีฬาในปี 2018

20.12.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

15 Mins. Read
  • ปี 2018 เป็นช่วงเวลาที่นักกีฬากลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งไทเกอร์ วูดส์ และ 3 นักเทนนิสอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และโนวัค ยอโควิช รวมถึงอาร์เซนอลที่ผ่านความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเปลี่ยนกุนซือและสามารถพาสโมสรกลับมาสู่ทิศทางที่ดีขึ้นได้
  • ไทเกอร์ วูดส์​ ไม่ได้ทำลายแค่ความเชื่อว่าเขาไม่มีวันกลับมาได้จากมรสุมชีวิต แต่ทำลายความเชื่อว่านักกอล์ฟในวัย 42 ปีที่ผ่านการผ่าตัดหลังมาถึง 4 ครั้ง สามารถกลับมาลงแข่งขันและยังสามารถคว้าแชมป์ได้อีกด้วย
  • ความสำเร็จของนักกีฬาปีนี้ต้องยกให้กับ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ที่สามารถคว้าทุกรางวัลของกอล์ฟ LPGA ในฤดูกาลเดียวได้เป็นคนแรกของการแข่งขัน

ปี 2018 สำหรับวงการกีฬามีมหกรรมใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงเอเชียนเกมส์ที่อินโดนีเซีย แต่หากจะหาข้อสรุปสำหรับปี 2018 เรามองว่าเป็นปีแห่งการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของนักกีฬาระดับตำนานทั้งหลายในวงการ

 

การยืนระยะในตำแหน่งสูงสุดหลังคว้ารางวัลแห่งความสำเร็จถือเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับนักกีฬาทุกคน แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการที่คุณพลาดตกจากตำแหน่งผู้นำไปสู่จุดต่ำสุดของอาชีพ และสามารถกลับมาได้อีกครั้งเพื่อทวงคืนพื้นที่สูงสุดบนโพเดียม นั่นคือการก้าวข้ามความยากลำบากที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้

 

ในปี 2018 ที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ซึ่งทำให้วงการกีฬาสั่นสะเทือนและต้องหันกลับมามองสิ่งที่เป็นไปได้ใหม่อีกครั้ง

 

 

ไทเกอร์ วูดส์ กับการหวนคืนสู่บัลลังก์แชมป์ของพญาเสือ

วันที่ 24 กันยายน ข่าวหน้าหนึ่งหรือโฮมเพจของสื่อกีฬาทุกฉบับต่างร่วมกันเฉลิมฉลองการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ ไทเกอร์ วูดส์ ที่สามารถก้าวกลับขึ้นมาคว้าแชมป์ทัวร์แชมเปียนส์ชิปรายการสุดท้ายของฤดูกาล 2018 ซึ่งนับเป็นการปลดล็อกแชมป์พีจีเอทัวร์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่รายการบริดจ์สโตน อินวิเตชันแนล เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2013

 

ย้อนไปเมื่อปี 2017 วูดส์ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่หลังอย่างหนัก ซึ่งหลังจากการผ่าตัดหลังครั้งที่ 3 เขาต้องพบเจอกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันจากความเจ็บปวดที่หลัง และต้องใช้ยาหลายชนิดในการรักษา  

 

สุดท้ายวูดส์ก้าวสู่จุดต่ำสุดของอาชีพนักกอล์ฟ เมื่อภาพที่ปรากฏต่อหน้าสื่อมวลชนทั่วโลกคือภาพของเขาขณะสวมกุญแจมือในสภาพมึนเมา พร้อมกับถูกตั้งข้อหา DUI หรือขับขี่รถยนต์ภายใต้ฤทธิ์ของสุราหรือสารเสพติด  

 

ซึ่งหลังจากนั้นแม้จะมีการเปิดเผยว่าอาการมึนเมาของวูดส์นั้นเกิดจากฤทธิ์ยา แต่หลายคนก็ตัดใจ หมดความศรัทธาและความเชื่อว่าพญาเสือจะกลับมาคำรามในเวทีกอล์ฟระดับโลกได้อีกครั้ง จนในวันนั้นเขาได้รับฉายาว่า ‘ไมค์ ไทสัน แห่งวงการกอล์ฟ’ ไปแล้ว

 

 

แต่สุดท้ายด้วยความพยายามฟื้นตัวอย่างหนักของวูดส์ บวกกับการผ่าตัดหลังครั้งที่ 4 เขาก็สามารถกลับมาเล่นกอล์ฟได้อีกครั้ง และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 1,876 วัน

 

วันที่วูดส์ลงสนามและคว้าแชมป์พร้อมกับการให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา น่าจะเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งของวงการกีฬาในฐานะการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของวงการกอล์ฟ

 

 

 

3 ใน 4 บิ๊กโฟร์คัมแบ็กมือหนึ่งของโลกแห่งวงการเทนนิส

สำหรับวงการเทนนิส ในช่วงหลายปีผ่านมาเรามักจะเห็นนักกีฬาหน้าเดิมๆ ที่สามารถคว้าแชมป์ระดับแกรนด์สแลม ตั้งแต่โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และโนวัค ยอโควิช จนกลายเป็นภาพคุ้นชินของแฟนๆ เทนนิส

 

แต่ในปีนี้เป็นปีที่นักเทนนิสทั้ง 3 คนสามารถก้าวกลับขึ้นสู่ตำแหน่งมือหนึ่งของโลกได้ครบ โดยผลัดกันคว้าแชมป์แกรนด์สแลมคนละรายการ (เฟเดเรอร์ – ออสเตรเลียน โอเพ่น, นาดาล – เฟรนช์ โอเพ่น, ยอโควิช วิมเบิลดันและยูเอส โอเพ่น)

 

ซึ่งปี 2018 ต้องยกให้เป็นการคัมแบ็กของยอโควิชที่สามารถพิชิตแกรนด์สแลม 2 รายการติดต่อกันในช่วงท้ายปี และสามารถกลับมาทวงตำแหน่งมือหนึ่งของโลกได้สำเร็จ

 

แชมป์แกรนด์สแลม 14 รายการเหมือนไทเกอร์ วูดส์ เจ้าของแชมป์ 14 เมเจอร์​ ต้องพบกับปัญหาที่นักกีฬาหลายคนพบเจอในช่วงเวลาที่พวกเขาโลดแล่นอยู่ในการแข่งขันระดับสูง นั่นคือปัญหาอาการบาดเจ็บจากความทุ่มเทเพื่อแลกมาซึ่งความสำเร็จในเส้นทางที่พวกเขาเลือก

 

 

“หมดยุคของโนวัคแล้วใช่ไหมครับ” โพสต์หนึ่งของ Pantip แหล่งศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนคำถามและกระแสสังคมได้ดังกระหึ่มขึ้นในวันที่ยอโควิชเริ่มต้นดำดิ่งสู่ขาลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“เทนนิสคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม จนกระทั่ง สเตฟาน (ลูกชาย) เกิด ตอนนี้ทุกอย่างตรงกันข้ามแล้ว ผมมีลูกชาย ภรรยา และครอบครัว และผมรู้สึกดีใจมากที่ได้เป็นพ่อ” ยอโควิชให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2017 ในช่วงที่เขายังไม่สามารถหาทางกลับมาได้

 

“ผมอยู่ในจุดที่พยายามที่จะเป็นสามี พ่อ และนักเทนนิสที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือความท้าทาย แต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุกคนพยายามจะเป็นในสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ในกรณีของผมก็เช่นกัน

 

“ผมให้เกียรติมุมมองของทุกคนนะ ผมจะรับเฉพาะมุมมองที่เป็นบวก และผมจะไม่มองย้อนกลับไปหาเรื่องราวที่ไม่มีเหตุผล ผมรู้ว่าผมคือใคร มาจากที่ไหน เป้าหมายที่ผมจะไป และที่สำคัญคือจุดที่ผมยืนอยู่ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินและวิธีการใช้ชีวิตของตัวเอง

 

“ผมยังคงจะเล่นเทนนิสต่อไปอีกนานด้วยแพสชันและความรักเหมือนที่ผมเคยมีในวันแรกที่ผมหยิบไม้เทนนิสขึ้นมา”

 

เวลาผ่านไปพร้อมกับอันดับที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนช่วงต้นปี 2018 ยอโควิชตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก ซึ่งเป็นอันดับต่ำที่สุดในรอบ 12 ปีของการเล่นเทนนิสของเขา

 

 

หลังจากการเรียกเอา อังเดร อากัสซี และราเด็ค สเตปาเน็ค ตำนานกับอดีตนักหวดรุ่นพี่มารับหน้าที่โค้ชเพื่อกอบกู้สถานการณ์ก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ บวกกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ข้อศอก สุดท้ายยอโควิชก็ตัดสินใจติดต่อไปหา มาเรียน วัจดา อดีตเทรนเนอร์ที่เคยร่วมงานกันมาเนิ่นนานกลับมาช่วยดูแลการฝึกซ้อมอีกรอบ และนั่นคือการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ช่วยให้เขายูเทิร์นจากขาลงกลับมาในเส้นทางที่เขาต้องการได้อีกครั้ง

 

หลังจากร่วมงานกันพร้อมกับการหายจากอาการบาดเจ็บที่ข้อศอก ยอโควิชก็สามารถผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายของเฟรนช์ โอเพ่น 2018 ได้สำเร็จ ก่อนที่จะคว้าแชมป์วิมเบิลดันด้วยการเอาชนะ ราฟาเอล นาดาล และตอกย้ำการกลับมาด้วยการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสุดท้ายของปีอย่างยูเอส โอเพ่น แสดงให้ทั้งโลกเห็นว่านี่คือการกลับมาอย่างเป็นทางการของยอโควิชในปี 2018

 

“6 เดือนที่ผ่านมาคือการผจญภัยทั้งหมดของผม โดยเฉพาะทางด้านจิตวิทยา สิ่งที่ผมผ่านมา การเริ่มต้นใหม่ของผม และการค้นหาสมการที่จะทำให้ผมหวนคืนสู่ความสำเร็จ

 

“ผมเจอมันแล้ว และผมจะพยายามรักษามันให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

 

 

อาร์เซนอล อูไน เอเมอรี กับการหวนคืนสู่ผู้ท้าชิงบัลลังก์แห่งฟุตบอลอังกฤษ

ข้ามจากกีฬาประเภทเดี่ยวสู่ประเภททีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018 ที่เริ่มต้นด้วยการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดระหว่างทีมหัวตารางเช่นเคย แต่ในปีนี้มีอีกทีมที่ดูจะสามารถก้าวกลับขึ้นมาท้าทายตำแหน่งหัวตารางได้อย่างเมามัน นั่นคืออาร์เซนอล

 

 

สโมสรเก่าแก่แห่งนี้ได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือการเปลี่ยนผู้จัดการทีมครั้งแรกในรอบ 22 ปี ยุติบทบาทของ อาร์เซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสที่ปิดฉากการร่วมงานกับสโมสรแห่งนี้ พร้อมกับเปิดทางให้กับ อูไน เอเมอรี ผู้จัดการทีมชาติสเปนมารับไม้ต่อ

 

 

ความเปลี่ยนแปลงถือเป็นความเสี่ยงสำหรับสโมสรที่สามารถรักษามาตรฐานในอันดับท็อป 4 มาได้ตลอดหลายฤดูกาล พร้อมการันตีสิทธิ์ไปร่วมแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาตลอด แต่เมื่อฟอร์มช่วงฤดูกาลหลังๆ เริ่มไม่เข้าเป้า และสไตล์การเล่นของกุนซือที่เคยพาทีมสู่ความยิ่งใหญ่ไม่ตอบโจทย์ ความเปลี่ยนแปลงก็ดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวที่เหมาะสมในเวลานี้

 

และเอเมอรีก็ทำได้เหนือความคาดหมาย แม้สื่อหลายสำนักจะมองว่าเอเมอรีต้องมาสานต่อสโมสรที่อยู่ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนเดียวมาเป็นเวลากว่า 20 ปีจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหลายสิ่ง และต้องผ่านตลาดซื้อขายนักเตะหลายครั้งจึงจะสามารถจูนเครื่องปืนใหญ่ให้เป็นไปในรูปแบบที่เขาต้องการและเริ่มต้นการไล่ล่าแชมป์ได้

 

 

แต่เอเมอรีก็ออกสตาร์ทกับสโมสรได้อย่างดีเยี่ยม โดยหากนับเพียงแค่ 8 เกมแรก อาร์เซนอลออกสตาร์ทด้วยคะแนนเยอะที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 ที่ 20 แต้ม แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 1 เหมือนฤดูกาล 2013-14 ที่มี 19 แต้ม แต่เห็นได้ชัดว่าในการแข่งขันที่สูงและเข้มข้นขึ้น เอเมอรีกับการเข้ามาจูนเครื่องอาร์เซนอลใหม่สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม

 

ลูคัส ตอร์เรย์รา นักเตะใหม่ของอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของความเปลี่ยนแปลง โดย ฟิล เนวิลล์ ได้กล่าวชื่นชมการวางตัวผู้เล่นในแดนกลางของเอเมอรีผ่านรายการ Premier League Today โดยยอมรับว่านอกจากการจับคู่ระหว่าง กรานิต ชากา และลูคัส ตอร์เรย์รา ในแดนกลางแล้ว นักเตะทั้งสองยังสามารถรักษาระเบียบวินัยในการยึดตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายและป้องกันแดนหลังได้อย่างดีเยี่ยม สามารถดักเกมรุกจากคู่แข่ง และปรุงเกมรุกให้กับทีมได้อย่างดีเยี่ยม

 

แต่จุดเริ่มต้นที่ดีนี้ยังคงต้องรอความท้าทายที่อาร์เซนอลมักประสบปัญหาคือช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ซึ่งจะตามาด้วยปัญหานักเตะหลักบาดเจ็บ พร้อมกับตารางแข่งขันที่อัดแน่นในช่วงปีใหม่ ซึ่งหากเอเมอรีสามารถผ่านช่วงเวลานั้นไปได้และสามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา อนาคตของอาร์เซนอลหลังความเปลี่ยนแปลงก็ดูสดใสไม่น้อยเลยทีเดียว

 

 

บอสตัน เรดซ็อกซ์ คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 4 กับการบริหารของ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ที่นำพาความยิ่งใหญ่กลับสู่ทีมในสังกัด

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2018 เป็นการกลับมาครั้งใหญ่ของทีมจากบอสตัน เมื่อทีมบอสตัน เรดซ็อกซ์ เอาชนะลอสแอนเจลิส ด็อดเจอร์ส ไป 5-1 เกม ปิดซีรีส์โดยคว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์ไปครองเป็นสมัยที่ 9 และเป็นการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2002

 

ตัดภาพกลับมาที่ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 2017/18 ลิเวอร์พูลคว้ารองแชมป์จากการพ่ายให้กับเรอัล มาดริด เมื่อช่วงกลางปี 2018 ที่ผ่านมา

 

โดยสิ่งหนึ่งที่สองทีมนี้มีเหมือนกันคือการบริหารจัดการที่มาจากบริษัท เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป บริษัทสัญชาติอเมริกันที่เข้ามาบริหารสโมสรลิเวอร์พูลตั้งแต่ปี 2010 และบอสตัน เรดซ็อกซ์ ตั้งแต่ปี 2002

 

สิ่งหนึ่งที่เฟนเวย์ใช้เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงสู่สโมสรกีฬาชั้นนำที่มีประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ทั้งสองทีมคือการเลือกใช้คนแบบ Right Man for the Right Job สำหรับบอสตัน เรดซ็อกซ์ คือการเลือกใช้ผู้จัดการทั่วไป (GM) ที่มีชื่อว่า อเล็กซ์ โครา เข้ามาบริหารทีม

 

 

อเล็กซ์ โครา อดีตนักเบสบอลของบอสตัน เรดซ็อกซ์ ปี 2005-2008 เป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่ง โดย แดนนี่ บักซ์บอม หนึ่งในนักกีฬาเบสบอลที่เติบโตมาพร้อมกับโครา ยอมรับว่าโคราคือคนที่ไม่เคยมีปัญหากับใครและเข้าได้กับทุกคน

 

แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกีฬาเบสบอลเป็นพิเศษ บวกกับการใส่ใจในทุกรายละเอียดของสถิติสำหรับการแข่งขันที่เขาออกแบบและปรับเปลี่ยนทุกเกมที่ลงสนาม ​และการบริหารงานที่โคราใช้คำว่าต้องการให้ทุกคนในทีมสามารถพูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ส่งให้การบริหารทีมครั้งแรกของเขาก้าวสู่แชมป์สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ

 

 

ขณะที่กับสโมสรลิเวอร์พูล สโมสรที่มีประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จในเกาะอังกฤษ ทั้งแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัย และแชมป์ยุโรปอีก 5 สมัย ก็ได้ก้าวขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งแชมป์ยุโรปอีกครั้งเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

 

แม้ว่าสุดท้ายลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ จะไม่สามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ให้กับสโมสรได้ แต่ด้วยสไตล์การเล่น ผลงานในเวทียุโรป และการบริหารจัดการของเฟนเวย์ที่ยอมทุ่มเงินถึง 170 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 7,650 ล้านบาท เสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะที่ผ่านมา ทำให้ลิเวอร์พูลเริ่มต้นพบกับสิ่งที่เรียกว่า Liverpool Way อีกครั้ง

 

โดยในปีนี้ THE STANDARD ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษแบบตัวต่อตัวกับ ปีเตอร์ มัวร์ ซีอีโอคนใหม่ของสโมสร ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งพร้อมกับประสบการณ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ไม่ห่างไกลจากกีฬา เช่น อุปกรณ์กีฬากับ Reebok และอีสปอร์ตกับ EA Games ก่อนจะมาร่วมงานกับสโมสรบ้านเกิดที่ลิเวอร์พูล

 

 

ซึ่งมัวร์ก็ได้ยืนยันกับ THE STANDARD ว่านอกจากจะช่วยบริหารสโมสรให้ทีมสามารถเดินหน้าสู่ความสำเร็จในสนามได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สโมสรอยากสัญญาคือการกลับมาเล่นต่อหน้าแฟนบอลไทยอีกครั้งในอนาคต

 

นอกจากเรื่องราวการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของนักกีฬาแต่ละคนแล้ว ในปีนี้ยังมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายเหมือนกับการแข่งขันทุกปีที่มีผู้สร้างสถิติใหม่ในวงการ โดยเฉพาะ เอเลียด คิปโชเก ยอดนักวิ่งมาราธอน วัย 33 ปี ที่สร้างสถิติมาราธอนใหม่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ด้วยเวลา 2.01.39 ชั่วโมง พามนุษย์เข้าใกล้การทำลายกำแพงกั้นของการวิ่งระยะมาราธอนได้ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง

 

ไม่ใช่เพียงแค่ระยะทางและเวลาที่คิปโชเกได้ทำลาย แต่เป็นความคิดและมุมมองต่อความสำเร็จที่คิปโชเกได้มอบให้จากประโยคที่เขาพูดต่อหน้านักเรียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดว่า

 

“คนที่มีวินัยในตัวเองเท่านั้นจะมีอิสระในชีวิต ถ้าคุณไม่มีวินัย คุณจะเป็นทาสของอารมณ์ ทาสของแพสชัน”

 

 

ฝั่งนักกีฬาไทยอย่าง อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ ก็สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักขับเอฟวันของทีมสคูเดเรีย โตโร รอสโซ่ ในฤดูกาล 2019 ที่จะมาถึง ซึ่งหนุ่มลูกครึ่งไทย วัย 22 ปี จะได้กลายเป็นนักขับเอฟวันชาวไทยคนที่ 2 ต่อจากพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช

 

เช่นเดียวกับ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ที่ทำผลงาน LPGA Sweep ด้วยการเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าทุกรางวัลของกอล์ฟ LPGA ภายในฤดูกาลเดียว และสร้างความภาคภูมิใจไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย แต่สำหรับวงการกอล์ฟหญิงในระดับเอเชียอีกด้วย

 

 

ฟุตบอลทีมชาติไทยกับการรอคอยการคัมแบ็ก

สำหรับฟุตบอลทีมชาติไทยกับการไล่ล่าแชมป์ซูซูกิคัพ ครั้งที่ 3 นั้น สุดท้ายช้างศึกไทยต้องฝันค้าง เมื่อรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หลังจากที่เสมอกับมาเลเซียที่บูกิต จาลิล 0-0 ปรากฏว่ามาเลเซียสามารถบุกมาเสมอด้วยผลสกอร์ 2-2 ส่งไทยตกรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะเป็นเวียดนามที่เดินหน้าสู่แชมป์อาเซียนเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 10 ปีด้วยการเอาชนะมาเลเซียในรอบชิงทั้ง 2 นัดด้วยสกอร์รวม 3-2

 

 

ผลงานของทีมชาติไทยพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่เน้นเกมรับ ทดสอบแท็กติก พร้อมกับการใช้นักเตะหน้าใหม่ลงสนามสู้ศึกซูซูกิคัพ ส่งผลให้แฟนบอลชาวไทยแตกออกเป็นหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายที่โหยหาการคัมแบ็กของ ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยที่เคยพาไทยกลับมาผงาดคว้าแชมป์ด้วยสไตล์การเล่นแบบต่อบอลสั้น เน้นเกมรุกแบบติ๊กต๊อกจนเป็นที่กล่าวขานในระดับอาเซียน

 

 

ขณะที่อีกฝั่งยังคงเฝ้าคอยว่าจากการทดลองแท็กติกกับนักเตะที่ดันตัวเองขึ้นมาติดทีมชาติไทยได้จะสามารถประสานงานกับ 3 นักเตะไทยอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา และธีราทร บุญมาทัน ที่จะกลับมาช่วยสู้ศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ดีขนาดไหนกับรายการที่ไทยห่างเหินมาเป็นเวลากว่า 12 ปี

 

 

ซึ่งการแข่งขันเอเชียนคัพครั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเซอร์เบีย จะได้โชว์ศักยภาพผ่านขุมกำลังชุดใหญ่ของช้างศึก ซึ่งหากผลงานไม่เข้าตาแฟนบอล รายการนี้ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเขาในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย

 

นอกจากนี้ปี 2018 ยังเป็นปีที่ THE STANDARD ได้เดินทางไปร่วมทำข่าวมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างศึกฟุตบอลโลก 2018 ถึงประเทศรัสเซียเป็นระยะเวลา 34 วัน ซึ่งตลอดเส้นทางการทำงานของพวกเราได้พบทั้งความประทับใจ บรรยากาศสนุกสนาน และที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้เดินทางไปร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกถึงประเทศเจ้าภาพ

 

 

ขณะที่มหกรรมกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทย โมโตจีพี 2018 ที่ THE STANDARD ได้มีโอกาสลงพื้นที่ และพบว่าจังหวัดบุรีรัมย์สามารถทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านและตัวแทนประเทศไทยในการต้อนรับนักแข่ง ทีมงาน และแฟนกีฬาจากทั่วโลกได้อย่างดีเยี่ยม จนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางสมาคมทีมแข่งจักรยานยนต์นานาชาติ (IRTA) โหวตให้ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 เป็นสนามแข่งขันที่ดีที่สุดประจำปีด้วยรางวัลโมโตจีพี กรังด์ปรีซ์ ออฟ เดอะ เยียร์ ทั้งที่เพิ่งเป็นการจัดการแข่งขันในปีแรก พร้อมสถิติสนามที่มียอดผู้เข้าชมสูงที่สุดตลอดทั้งฤดูกาลที่ 220,000 คน จากการแข่งขันทั้งหมด 19 สนามในปีนี้

 

และในอีก 2 ปีที่เหลือก็น่าสนใจว่าทางจังหวัดบุรีรัมย์ที่นำเอาความคิดสร้างสรรค์บวกความเป็นท้องถิ่นอย่างรถอีแต๋นมาใช้รับส่งแฟนกีฬาภายในงานจะมีเทคนิคในการยกระดับประสบการณ์รับชมมอเตอร์สปอร์ตไปในทิศทางใด

 

 

ปี 2018 ได้สอนอะไรให้กับเราหลายอย่างจากความสำเร็จต่างๆ แน่นอนว่าในปีนี้วิทยาศาสตร์การกีฬามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้นักกีฬาหลายคนทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในช่วงอายุเดียวกับนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในอดีต

 

แต่เครื่องมือ อุปกรณ์ และงานวิจัยต่างๆ จะไม่มีความหมาย ถ้าพวกเขาเหล่านี้ไม่ตัดสินใจที่จะใช้มันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่

 

สิ่งหนึ่งที่ทุกเรื่องราวแห่งการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในวงการกีฬามีเหมือนกันคือจิตใจที่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่

 

พวกเขาเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมาและยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขอความช่วยเหลือเมื่อถึงคราวจำเป็น รับฟังแต่เสียงที่จะช่วยส่งเสริม ตั้งหน้าตั้งตาเริ่มต้นใหม่เพื่อเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ และผลักดันขีดจำกัดของคำว่าเป็นไปไม่ได้  

 

สำหรับทุกคนที่ติดตามเรื่องราวทั้งหมดมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายของปีนี้ ก็ขอให้ปี 2019 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่งดงาม

 

ขอให้คุณมีหัวใจของพญาเสือไทเกอร์ วูดส์ ที่พร้อมจะกลับมาจากจุดต่ำสุดของชีวิต มีแพสชันแรงกล้าที่เอาชนะอาการบาดเจ็บและกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักเหมือนโนวัค ยอโควิช และมีวินัยในการเดินหน้าสร้างสถิติโลกเหมือนเอเลียด คิปโชเก

 

ขอให้คุณมีหัวใจที่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ

 

เหมือนกับที่คิปโชเกได้มอบคำแนะนำในการเริ่มต้นหนทางสู่ความสำเร็จให้แก่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในสัมมนาอ็อกซ์ฟอร์ดยูเนียนไว้ว่า  

 

“ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นปลูกต้นไม้คือ 25 ปีก่อน และช่วงเวลาที่ดีที่สุดรองลงมาคือการเริ่มต้นวันนี้”

 

สุขสันต์วันปีใหม่ครับ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising