‘SpinLaunch’ วิถีใหม่แห่งการส่งดาวเทียมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วยการหมุนที่ ‘ไวกว่าเสียง’

‘SpinLaunch’ บริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนียต้องการยิงดาวเทียมออกสู่อวกาศผ่านการหมุนที่ ‘ไวกว่าเสียง’ โดยมันเป็นวิธีการที่แปลกใหม่สำหรับการปล่อยดาวเทียมสู่ชั้นบรรยากาศ

บริษัทวางแผนจะใส่ดาวเทียมไว้ในจรวดรูปร่างคล้ายปากกาที่กว้างประมาณ 300 ฟุต หมุนมันด้วยเครื่องยนต์ความเร็วสูงและส่งออกขึ้นชั้นบรรยากาศ

ณ ตอนนี้บริษัทสำเร็จการทดสอบการบินระดับสูงไปแล้วทั้งสิ้น 9 รอบ ด้วยการใช้เครื่องหมุนขนาดเล็กที่ทำขึ้นเพื่อส่งวัตถุออกสู่ชั้นบรรยากาศที่ต้องใช้ความเร็วกว่า 28,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมันยังอยู่ในช่วงทดสอบ และยังไม่มีสัญญาณว่า SpinLaunch จะประสบความสำเร็จหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้อุปสรรคทั้งหลายไม่สามารถหยุดความตั้งใจของนักลุงทุนได้ รวมทั้ง GV หรือชื่อเดิมคือ Google Ventures ที่ได้ทุ่มเงินหลายสิบล้านให้กับบริษัท

“แนวคิดของ SpinLaunch เกิดจากเจตจำนงของผมในการประเมินวิธีการสำรวจในอดีตและการคำนึงถึงอนาคต” โจนาธาน ยานีย์ ซีอีโอของ SpinLaunch กล่าว

“SpinLaunch เป็นเพียงการทดสอบชั่วคราวในการพิจารณาว่าเราใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานจากพื้นดินเพื่อดำเนินการในวิธีที่ต่างออกไปได้อย่างไร” ยานีย์กล่าว “ผมทดสอบ 20 หรือ 30 วิธีที่ต่างกันสุดขั้ว ตั้งแต่เครื่องเร่งปฏิกิริยาแม่เหล็กไฟฟ้า ปืนใหญ่อวกาศ ไปจนถึงปืนแก๊สเบา”

เขาคิดว่าเครื่องหมุนขนาดใหญ่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่มันเป็นไปได้เหรอ?

“มันเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่มีปัญหาด้านวิศวกรรมที่ SpinLaunch จะต้องแก้ไข” โอลิเวียร์ เดอ เวค ศาสตราจารย์ด้านระบบอวกาศและวิศวกรรมของ MIT บอกกับ CNN Business “ตัวอย่างเช่น เครื่องหมุนของ SpinLaunch สามารถออกแรงได้ถึง 10,000 แรง G หรือ 10,000 เท่าของแรงโน้มถ่วงของโลก กับดาวเทียมที่หมุนอยู่ข้างใน ซึ่งจะถูกฉีกเป็นชิ้น”

SpinLaunch ยอมรับว่าแรง G ที่รุนแรงเป็นอุปสรรค แต่ยานีย์บอกกับ CNN ว่าเขามั่นใจว่ามันจะไม่เป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงนัก “โดยทั่วไปแล้วดาวเทียมที่ออกแบบมาสำหรับจรวดสามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมของ SpinLaunch”

ในการขึ้นสู่วงโคจร SpinLaunch ยังต้องพัฒนาจรวดที่สามารถรอดจากการถูกเฆี่ยนด้วยความเร็ว 8,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย เพื่อที่ว่าหลังจากที่ออกจากเครื่องหมุนแล้วมันก็จะปล่อยเครื่องยนต์และเดินทางเข้าสู่วงโคจรได้

ที่โรงงานในแคลิฟอร์เนีย บริษัทสร้างตัวต้นแบบเสร็จแล้ว ซึ่ง เดวิด เวนน์ รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีของ SpinLaunch จำกัดความว่ามันคือ ‘ลูกดอกแอโรไดนามิก’

อวกาศกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว SpaceX ของ อีลอน มัสก์ ได้รับการยกย่องในการเป็นผู้นำในยุคของการใช้ห้วงอวกาศในเชิงพาณิชย์และลดต้นทุนในการวางดาวเทียมลงอย่างมากบนอวกาศ

ก่อน SpaceX จะเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้ ราคาของการพายานอวกาศหนัก 1 กิโลกรัม เข้าสู่วงโคจรนั้นมีราคามากกว่า 8,000 ดอลลาร์ ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยนักวิจัยสำหรับศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ในทุกวัน ราคาอาจต่ำถึง 1,500 ดอลลาร์

ไม่ชัดว่า SpinLaunch จะอยู่ตรงไหนในตารางราคา แต่ยานีย์กล่าวว่า SpinLaunch จะโดดเด่นได้เนื่องจากฮาร์ดแวร์สามารถเปิดได้ถึง 20-30 ครั้งต่อวัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ

หาก SpinLaunch ประสบความสำเร็จ บริษัทต้องสู้กับปัญหาความแออัดบนอวกาศที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำนวนดาวเทียมที่มนุษย์ส่งขึ้นอวกาศนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้เชี่ยวชาญต่างพยายามส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของวัตถุที่ชนกันในอวกาศมากขึ้น

มีบริษัทสตาร์ทอัพหลายสิบแห่งทั่วโลกมุ่งสร้างยานยิงจรวดที่สามารถพาดาวเทียมขนาดเล็กขึ้นสู่วงโคจรได้ และมีเพียงไม่กี่ที่ เช่น Virgin Orbit, Rocket Lab และ Astra ที่เริ่มดำเนินการแล้ว

ผู้ผลิตจรวดรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง SpaceX ต่างก็ให้บริการด้านการตลาดแก่ผู้สร้างดาวเทียมขนาดเล็กและผู้ปฏิบัติงานในภารกิจการแชร์รถโดยเฉพาะ

“ในฐานะอุตสาหกรรมส่วนรวม เราต้องมีความรับผิดชอบและความระมัดระวังสูงสุดในการปกป้องสิ่งแวดล้อม” ยานีย์บอกกับ CNN

แม้จะมีทั้งความเสี่ยง ทั้งอุปสรรค ยานีย์ย้ำว่าเขาต้องการสร้าง SpinLaunch ด้วยเหตุผลเดียวกับคนที่มองการณ์ไกลหลายคนที่เรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า ‘พื้นที่ใหม่’

“เราหวังให้ ‘การเดินทางในอวกาศ’ เป็นไปตามกลไกการขยายตัวอย่างธรรมชาติเหมือนอุตสาหกรรมส่วนใหญ่”

“ผมคิดว่าเราทุกคนคาดหวังว่าเราจะมีเมืองต่างๆ บนดวงจันทร์ และเราจะมีสถานีอวกาศและโรงแรมอวกาศ” เขากล่าว “ในฐานะสปีชีส์ในอวกาศอันกว้างไกล ผมคิดว่าเราทุกคนเคยเงยหน้ามองฟ้าและพูดว่า นั่นคือพรมแดนถัดไป นั่นคือที่ที่เราควรจะอยู่”

อ้างอิง: