×

ผลวิจัยเผย วัคซีน Sinopharm มีประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันโควิดในกลุ่มผู้สูงอายุ

โดย THE STANDARD TEAM
24.07.2021
  • LOADING...
Sinopharm

ผลการศึกษาใหม่เผยให้เห็นว่าวัคซีน Sinopharm มีประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันโควิดในกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้มีการตั้งคำถามอีกครั้งเกี่ยวกับวัคซีนของจีน โดยเฉพาะในหลายสิบประเทศที่ใช้วัคซีนของ Sinopharm ฉีดให้แก่ประชากรกลุ่มเปราะบางในประเทศของตน

 

การสำรวจตัวอย่างเลือดจากประชาชน 450 คนในฮังการี ซึ่งได้รับวัคซีน Sinopharm เข็มที่สองมาแล้วอย่างน้อยสองสัปดาห์ พบว่า 90% ของตัวอย่างที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีได้สร้างภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ (Protective Antibody) แต่อัตราร้อยละดังกล่าวลดลงตามอายุ และพบด้วยว่า 50% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีไม่มีภูมิคุ้มกันเลย แม้จะฉีดวัคซีนมาครบสองเข็มแล้วก็ตาม

 

การศึกษาโดย บาลาซส์ ซาร์คาดี และ ทามาส เฟเรนชี สองนักวิจัยชาวฮังการี ถูกโพสต์ทางออนไลน์ในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ได้รับการทบทวนโดยนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามคนกล่าวว่า พวกเขาไม่มีปัญหากับวิธีการศึกษาวัคซีน Sinopharm ของนักวิจัยชาวฮังการี

 

จินตงหยาน นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัย กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งที่คนสูงอายุซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง แต่กลับมีการตอบสนองของแอนติบอดีต่ำ”

 

แม้ระดับแอนติบอดีไม่ใช่ตัวชี้วัดโดยตรงว่าบุคคลหนึ่งๆ ได้รับการปกป้องจากโควิดมากน้อยเพียงใด แต่มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ระดับแอนติบอดีก็เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่ดี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเตือนว่า ชุดตรวจที่เลือกใช้อาจส่งผลต่อความแม่นยำในการตรวจหาค่าแอนติบอดีได้เช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม หวังเฉิงกวง ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนที่ Peking Union Medical College กล่าวว่า ผลการวิจัยดังกล่าวมีประโยชน์ และนับเป็นครั้งแรกที่การศึกษาเพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีน Sinopharm ในกลุ่มผู้สูงอายุได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะ

 

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษานี้ โดยกล่าวว่าจะแสดงความเห็นก็ต่อเมื่อเป็นการศึกษาที่ดำเนินการโดยรัฐบาลหรือสถาบันวิจัยหลักๆ เท่านั้น

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนของ Sinopharm ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้ไฟเขียวเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยวัคซีนของ Sinopharm ถูกนำใช้ในกว่า 50 ประเทศ ท่ามกลางการจัดซื้อจัดหาวัคซีนชนิดอื่นๆ ที่เป็นไปอย่างยากลำบาก

 

โฆษกของ WHO กล่าวเมื่อวันพุธว่า ผู้เชี่ยวชาญของ WHO “รับทราบการศึกษานี้ และยังคงตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดต่อไป” 

 

ความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนมากในฮังการีต้องการตรวจภูมิคุ้มกันของตนเองและคนในครอบครัว จนกระทั่งนครบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี ตัดสินใจเปิดให้บริการตรวจภูมิคุ้มกันฟรีแก่ผู้สูงวัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเพื่อกดดันรัฐบาลกลางให้ดำเนินการตรวจภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนในวงกว้างขึ้น และจัดหาวัคซีนเพื่อฉีดกระตุ้น (Booster Shots) ให้กับผู้ที่จำเป็น

 

ในที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรี วิคตอร์ ออร์บาน ก็ยอมทำตามกระแสเรียกร้อง ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มขึ้น โดยเขาประกาศว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนทางเลือกเพื่อฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่สามให้กับประชาชนชาวฮังการี แต่ถึงกระนั้น สำนักนายกรัฐมนตรีก็ยังระบุว่า วัคซีนทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในประเทศ ผ่านการพิจารณาแล้วว่ามีประสิทธิภาพ

 

บีตา เอนโกลห์เนอร์ หญิงรายหนึ่งในกรุงบูดาเปสต์ รู้สึกกังวลว่ามารดาวัย 76 ปีของเธอจะไม่ปลอดภัย หลังจากได้ยินว่าผู้สูงอายุที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinopharm ไม่มีภูมิคุ้มกัน โดยเธอได้ริเริ่มกลุ่มใน Facebook เพื่อกดดันรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาดังกล่าว และตอนนี้เธอมีความหวังว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนเข็มที่สามให้แก่ประชาชน

 

“เราดีใจมากที่เราบรรลุเป้าหมายและรัฐบาลได้ยินเสียงของเรา” เธอกล่าว “แม้ว่าเราจะกลัวอยู่เหมือนกันว่าเราอาจได้รับวัคซีนชนิดเดียวกับที่เคยได้รับมาก่อน”

 

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรนได้ประกาศเช่นกันว่าจะฉีดวัคซีน Sinopharm เพิ่มให้ประชาชนเป็นเข็มที่สาม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการตอบสนองของแอนติบอดี นอกจากนี้ บาห์เรนยังแนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ฉีดวัคซีนของ Pfizer-BioNTech เป็นวัคซีนกระตุ้น แม้ว่าวัคซีนสองเข็มก่อนหน้านี้จะฉีด Sinopharm ก็ตาม

 

CNBG ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Sinopharm และเป็นผู้ควบคุมดูแลสถาบันวิจัย Beijing Institute of Biological Products ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนของ Sinopharm กล่าวว่า การให้วัคซีนเข็มที่สามไม่ได้เป็นข้อแนะนำของบริษัท

 

ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีการส่งออกวัคซีนของ Sinopharm เป็นจำนวนเท่าใด แต่โดยรวมแล้วจีนส่งออกวัคซีน 500 ล้านโดสในช่วงครึ่งแรกของปี โดยนอกจาก Sinopharm ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลแล้ว จีนยังมีผู้ผลิตวัคซีนโควิดรายใหญ่อีกรายได้แก่ Sinovac ซึ่งเป็นของเอกชน

 

องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน หรือ GAVI (Global Alliance for Vaccines and Immunization) เพิ่งสั่งซื้อวัคซีน 550 ล้านโดสจากทั้งสองบริษัท เพื่อกระจายให้กับประเทศต่างๆ ผ่านโครงการ COVAX ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ

 

ภาพ: Mamunur Rashid / NurPhoto via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising