เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อ่อนค่านับจากต้นปีมาแล้ว 12% จนเข้าใกล้ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2023 ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่าการอ่อนค่าที่รวดเร็วของเงินบาทในเวลานี้เป็นผลมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ที่ในปีนี้แข็งค่าขึ้นมาแล้ว 17-18% ไม่ได้เกิดจากเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยย้ำว่าในภาพรวมเงินบาทยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค
“ในเดือนกันยายนจะมีเงินทุนไหลออกราว 600 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ไม่ได้น่ากังวลอะไร เรายังไม่เห็นเงินทุนไหลออกอย่างมีนัยยะ โดยหากนับจากต้นปีไทยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์” ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กูรูชี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเขย่าห่วงโซ่การผลิตโลก เตือนไทยมัวแต่เหยียบเรือสองแคม
- เปิด 5 สัญญาณอันตรายเศรษฐกิจ บ่งชี้โลกเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอย
- ต่างชาติแห่ปักหมุด ลงทุนเวียดนาม ยอด FDI พุ่งแซงไทยแบบไม่เห็นฝุ่น สัญญาณบ่งชี้ ไทยเริ่มไร้เสน่ห์?
เศรษฐพุฒิยังชี้แจงถึงเงินทุนสำรองฯ ของไทยที่ปรับลดลงว่า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการตีมูลค่าของสินทรัพย์ (Valuation) ของเงินทุนสำรองฯ ที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะเงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ธปท. ได้เข้าแทรกแซงเพื่อดูแลค่าเงินเป็นบางจังหวะเช่นกัน
“เราจะเข้าแทรกแซงดูแลค่าเงินเป็นจังหวะเพื่อไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากเกินไป แต่เราจะไม่ฝืนตลาดเพราะรู้ว่าทำไม่ได้ เราเคยมีบทเรียนจากปี 2540 มาแล้วว่าการไปทำอะไรที่ฝืนตลาดมากๆ ทำไม่ได้” เศรษฐพุฒิกล่าว
ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุว่า แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ แต่เสถียรภาพทางการเงินด้านต่างประเทศของไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยไทยยังมีทุนสำรองอยู่ที่ 2.3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเป็นอันดับ 12 ของโลก และมีหนี้ต่างประเทศน้อย
ขณะเดียวกัน ยังคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลได้ในปีหน้าที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์หรือ 0.7% ของ GDP ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นฉากทัศน์ที่ต่างจากในช่วงวิกฤตปี 2540
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยในปัจจุบันไม่ได้ช้าและน้อยเกินไป เนื่องจากบริบททางเศรษฐกิจไทยมีความแตกต่างจากในสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปที่เศรษฐกิจมีความร้อนแรงจนต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวและยังไม่กลับไปสู่จุดเดียวกับช่วงเกิดเกิดวิกฤตโควิด
“ยืนยันว่าดอกเบี้ยเราไม่ Behind the Curve เราทำสิ่งที่เหมาะกับบริบทเศรษฐกิจของเรา ส่วนโอกาสที่เครื่องยนต์เงินเฟ้อของไทยจะติดจนเกิด Wage Price Spiral ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณและเชื่อว่ามีโอกาสน้อย เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจต่างจากสหรัฐฯ โดยค่าแรงของไทยคิดเป็นต้นทุนการผลิตเพียง 15% ขณะที่ 50% ของแรงงานก็ประกอบอาชีพอิสระทำให้การปรับขึ้นค่าจ้างไม่ได้มีผลมากนัก” ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP