ซาร์ทอเรียล (Sartorial) คือคำคุณศัพท์อธิบายถึงสิ่งใดก็ตามที่ผ่านการเทเลอร์ (Tailor) ปรับแต่งให้เกิดความพอดีและลงตัว ซึ่งนอกจากตัวเสื้อผ้าแล้ว ยังครอบคลุมถึงสไตล์การแต่งตัวแบบคลาสสิกที่ไม่ใช่เพียงแค่การใส่สูท แต่สามารถแตกย่อยได้อีกหลายสาขา รวมไปถึงการท่องเที่ยว ดื่ม กิน และรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งสถานที่ที่จะทำให้คุณเห็นภาพนิยามดังกล่าวนั้นไม่ใช่ที่ไหนไกล นอกจากย่านอารีย์สัมพันธ์ซอย 5 อันเป็นที่ตั้งของ The Decorum ร้านมัลติเลเบิลเสื้อผ้าคลาสสิก และ Club Luminaries น้องใหม่ล่าสุด ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นซาร์ทอเรียลที่สนุกและแคชวลมากยิ่งขึ้น
ภายใต้การดำเนินการโดยสองพาร์ตเนอร์ กาย-ศิรพล ฤทธิประศาสน์ และ บอล-วรงค์ ภัทรชัยกุล ที่ร่วมกันก่อตั้งจุดหมายปลายทางของไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบซาร์ทอเรียล พร้อมการนำเสนอเรื่องราวที่ทำให้เสื้อผ้าเป็นมากกว่าเพียงเพื่อการสวมใส่
กาย-ศิรพล ฤทธิประศาสน์
บอล-วรงค์ ภัทรชัยกุล
จุดเริ่มต้นของความชอบและหลงใหลในความ Sartorial
บอล: ผมโตมากับคุณแม่ที่ชอบแต่งตัว ทำให้เราชอบเสื้อผ้าตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนก็ใส่เสื้อผ้าทั่วไป จนค่อยๆ มีการพัฒนามาเป็นตัวเราแบบนี้มากกว่า พอเราโตขึ้นมาประมาณหนึ่ง ได้ไปร้านที่ต่างประเทศ เราก็ได้เห็นเสื้อผ้าสไตล์นี้ที่แตกต่างออกไปจากความคุ้นชินของเรา ไม่ได้ดูแก่ ไม่ได้ดูเชย เลยเป็นจุดที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกชอบและสะสมมาเป็นตัวเราแบบทุกวันนี้ครับ
กาย: สำหรับผมชอบมาตั้งแต่เด็กๆ จากการที่ได้เห็นคุณปู่แต่งตัวสไตล์นี้ จนชอบใส่เสื้อผ้าออกแนว Preppy ใส่เสื้อ Button-down ใส่รองเท้า Boat Shoes เวลาไปโรงเรียน บางทีก็มีโอกาสได้ใส่แจ็กเก็ตบ้าง หรือเห็นจากในหนังแล้วชอบก็มี ระหว่างทางก็มีสไตล์อย่างอื่นที่เราลองแต่งมาด้วย พอมาถึงช่วงที่อายุเพิ่มมากขึ้นแต่สูทก็ยังสามารถใส่ได้เรื่อยๆ บางทีก็เป็นแค่แจ็กเก็ตธรรมดา หรือจับคู่กับเสื้อผ้าที่ดูแคชวล เป็นอะไรที่เราเห็นแล้วเราชอบ จากพวกนิตยสารด้วย ที่อาจไม่ได้เป็นแนว Sartorial ขนาดนั้น เพียงแต่เห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนสามารถดูดีในแต่ละช่วงอายุได้
จากความชอบที่กลายมาเป็นการทำธุรกิจ
บอล: เหมือนกับการที่เราจะได้ใช้สินค้านี้ เสื้อเชิ้ตยี่ห้อนี้ ตัดสูทกับช่างคนนี้แล้วเรารู้สึกว่าชอบ แล้วช่วงนั้นยังไม่มีของแบบนี้ในเมืองไทย ราคาก็สมเหตุสมผล ไม่ได้ถือว่าแพงมาก ทำให้เราเห็นถึงช่องว่างตรงนี้ เลยคิดว่าถ้าเรามีแพสชันกับสิ่งนี้แล้วสามารถทำให้เป็นธุรกิจได้ด้วยก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
กาย: อย่างหนึ่งคือเรื่องที่ว่าเราชอบแบรนด์ที่เราใส่จริงๆ แล้วแบรนด์ที่เราใส่ตอนนั้นอาจจะยังไม่ได้ดังมากเท่าไร แต่เป็นของที่มีคุณภาพ อย่างบางที่เห็นในหนังว่าเขาใส่สูทแล้วดูเท่ อยากลองแต่งตามแบบนั้นก็เลยไปซื้อในห้าง แต่พอมาใส่แล้วก็ไม่เข้า ไม่ใช่อย่างที่คิด ก็เริ่มสังเกตว่าทำไม และเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนทำให้รู้ว่าเพราะกระบวนการผลิตเสื้อผ้ามีความแตกต่างกัน แล้วตอนนั้นยังไม่ได้มีใครทำอะไรชัดเจน แน่นอนว่าร้านสูทมีอยู่แล้ว แต่อะไรที่ชัดเจนว่าถึงแม้ว่าคุณจะใส่เสื้อเชิ้ต ใส่กางเกงธรรมดา แต่ดูไม่เหมือนคนอื่น เป็นอะไรที่ Niche ถือว่ายังไม่มีในตอนนั้น
คำนิยามของ The Decorum
กาย: สำหรับ The Decorum ถือว่าเป็นร้านมัลติเลเบิล (Multi-Labels Shop) โฟกัสที่เสื้อผ้าแนวคลาสสิก แต่ว่าเป็นคลาสสิกที่มีความร่วมสมัย เป็นสิ่งที่คิดว่าผู้ชายทุกคนต้องได้สัมผัสช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะอายุเท่าไร หรือผ่านจุดที่ต้องไปงานสำคัญสักงานแล้วต้องแต่งตัว เราก็เหมือนเป็นกลุ่มที่เขานึกถึงเมื่อต้องการสิ่งนี้ เป็นหนึ่งในร้านที่หวังว่าจะได้นำเสนอในส่วนของทั้งไลฟ์สไตล์ การแต่งตัว สำหรับผู้ชายทุกคน
การต่อยอดไปสู่แบรนด์ Club Luminaries
กาย: เริ่มจากสมัยก่อนที่เราชอบเอาเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์มารวมกัน แต่โดนหลักแล้วส่วนตัวผมชอบเสื้อผ้าที่ออกแนว Preppy American มีความเป็นญี่ปุ่นผสมอยู่ด้วย แล้วก็มาจากการที่เราได้การแต่งตัวแบบคลาสสิกที่ผสมกับความเป็นแคชวลแล้วออกมาลงตัวได้เหมือนกัน เหมือนเป็นโอกาสที่ได้เริ่มทำตรงนี้มาแล้วก็อยากสนุกต่อไป ในผู้ชายหนึ่งคนไลฟ์สไตล์ของเขาอาจไม่ได้จำเป็นต้องแต่งแบบคลาสสิกทุกวัน อาจจะแต่งแบบแคชวลสบายๆ เลยเป็นสิ่งที่เราเห็นจากตรงนั้น จากกลุ่มลูกค้าของเรา และอยากให้สิ่งที่เราทำเป็นมากกว่าแค่เสื้อผ้าแต่เป็นไลฟ์สไตล์ที่ไปได้กับทุกคนและเป็นสิ่งที่สนุก
The Decorum ถือว่าเป็นร้านมัลติเลเบิลโฟกัสที่เสื้อผ้าแนวคลาสสิก
เหมือนว่าก็มีการศึกษาจากไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า จนสามารถขยายธุรกิจออกมารองรับได้ ดังนั้นการเลือกสินค้าสักแบรนด์เข้ามาขายมีกระบวนการอย่างไรบ้าง
บอล: ถ้าในส่วนของ The Decorum ของที่เลือกเขามาจะเป็นของที่เราเลือกใช้เองอยู่ก่อนแล้ว อย่างเช่นเสื้อเชิ้ต เราก็เป็นลูกค้ามาก่อน ใช้จนเรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ พอได้มาเจอกับพี่กาย เราก็คุยกันว่าลองติดต่อไปทางญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของแบรนด์เลยดีไหม อย่างแจ็กเก็ตสูทก็เป็นช่างที่เราใช้ตัดกันมาอยู่แล้ว รู้จักกันมาหลายปีแล้วก็อยากให้ลูกค้าได้รับการบริการแบบที่เราเคยได้รับ รองเท้าก็เป็นแบรนด์ที่เราใช้อยู่แล้ว คือของใน The Decorum เรียกได้ว่าเป็นของที่คุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผล เป็นของที่เราชอบและใช้งานได้จริง
กาย: แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ และคุณภาพ ในช่วงแรกเราจะเน้นที่คุณภาพมาก เพราะว่าเป็นตัวสะท้อนกับราคาของสิ่งนั้น แต่ว่าพอมาเป็นร้าน Club Luminaries เองก็ยังคงเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่ แต่ว่าต้องมีการคำนึงถึงในเรื่องของตลาดมากยิ่งขึ้น เป็นเหมือนการทดลองของเรา ที่เราได้ลองหลายๆ แบบ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่ อย่างเช่นแบรนด์ Bode พอเราเห็นเราก็ชอบ เพราะเราคิดว่าแบรนด์นี้มีความเป็นอเมริกาสูงมาก พอเราเห็นแล้วเรารู้สึกว่าสอดคล้องกันกับสิ่งที่เราชอบและทำ เลยคิดว่าน่าจะเป็นตัวชูโรงที่ดีของที่นี่
การทำธุรกิจที่ค่อนข้างมีความเฉพาะตัวสูงมากทั้งจากสินค้าที่ขายและกลุ่มลูกค้า ทำให้มีความท้าทายหรือแตกต่างจากการทำธุรกิจอื่นๆ อย่างไรบ้าง
บอล: สำหรับร้าน The Decorum ผมว่าลูกค้าที่เข้ามาในร้าน เขามาแล้วเชื่อในสิ่งที่เราเลือกมา ผมว่าอาจจะเป็นเพราะเราเองก็ถือว่าเป็นลูกค้าของสินค้าที่เราเอาเข้ามาขายด้วย ทำให้ลูกค้าเชื่อว่าเราใส่อยู่แล้ว และถ้าเป็นคนอื่นมาขายก็คงไม่เหมือนที่เราอยู่ขายเองตลอด
กาย: เหมือนเราทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เราขายเป็นมากกว่าแค่ของ เป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนออกมาตั้งแต่ทีมงานของเรา ที่ทุกคนมาจากต่างที่กันหมดเลย และทุกคนจะมีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างชัดเจนในแต่ละคน แต่ทุกคนจะมีแนวทางคล้ายคลึงกัน เลยเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสาร การใช้สินค้าที่เราเอามาขายเอง ทีมงานก็ใช้สินค้านี้เองด้วย ผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดว่าอย่างน้อยเราต้องมีความเรียล ความจริงใจ ทุกคนสามารถอธิบายสินค้าได้เป็นอย่างดี ชัดเจนว่าเขาก็ชอบแบบนี้ ไลฟ์สไตล์เขาก็เป็นแบบนี้
ร้าน Club Luminaries
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ที่เราเห็นในโซเชียล คือการนำเสนอคอนเทนต์ของร้านที่ชัดเจนในเรื่องตัวตนและไลฟ์สไตล์
กาย: ผมว่าอันดับแรกเลยคือเรื่องของทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งของเซลส์ ฝั่งของออฟฟิศที่ดูแลในเรื่องของคอนเทนต์ สิ่งที่สองก็คือผมว่าเป็นการสะท้อนจากสิ่งที่เราชอบเองด้วย หลายอย่างเป็นอะไรที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว การถ่ายทอดออกมาผ่านรูปภาพ ผ่านแคปชัน และอะไรหลายๆ อย่างที่มาจากประสบการณ์ของเราเอง เหมือนเป็นการหยิบจับเอาประสบการณ์เรื่องราว อย่างสมัยที่ผมอยู่โรงเรียนประจำ สไตล์การแต่งตัว รูปถ่ายโบราณ หรือแม้แต่นิตยสารที่คุณปู่ทิ้งไว้ที่เราเห็นมาตลอดระยะเวลาที่เติบโตขึ้นมา เราก็หยิบจับใส่เข้าไป แต่ที่สำคัญก็เป็นเรื่องของการที่เราเลือกคนที่มีคาแรกเตอร์ของตัวเองชัด แล้วทุกคนก็โยนไอเดียร่วมกัน ดำเนินงานไปแบบที่เป็นเราจริงๆ มากกว่าที่จะแค่ถ่ายสินค้าแล้วจบ
บอล: ผมว่าที่ดูแล้วชัดเจนอาจจะมาจากที่เราถ่ายกันเอง ใช้ทีมงานของเราเป็นแบบ ผมว่าผู้บริโภคเขารู้อยู่แล้วว่าอะไรที่มันจริงไม่จริง ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้จำเป็นต้องไปจ้างใครมาถ่ายสินค้าของเรา
เพราะความชัดเจนทำให้เราได้เห็นถึงการใช้ชีวิตและอีกมิติของเสื้อผ้า
บอล: การที่ผมอยู่ร้านแล้วลูกค้าแวะเข้ามาเจอผมหรือเจอกาย แล้วเหมือนว่าเจอเพื่อนจนกลายเป็นเหมือนกลุ่มเพื่อนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน
กาย: การที่เรามาแฮงเอาต์กันไม่ได้หมายความว่าเป็นลูกน้องหรือนายจ้าง แต่เราคือเพื่อนกัน หลายอย่างไม่ต้องไปเซ็ตอัพอะไรเลย เพราะเป็นสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่สะท้อนออกมา ทำให้เสื้อผ้าเป็นมากกว่าแค่เสื้อผ้า ให้คนได้เห็นมู้ด เห็นการใช้งานและใช้ชีวิตที่เกิดขึ้นจริง
บอล: เหมือนเราสร้างเรื่องราวและมิติให้กับเสื้อผ้า มากกว่าแค่ซื้อและจบ แต่ให้เห็นภาพว่าซื้อแล้วใส่ไปทำอะไร
กาย: แต่ละคนแตกต่างกันแน่นอน แต่เราสามารถเอามารวมกัน และสะท้อนออกมาได้ผ่านเสื้อผ้า ทำให้ลูกค้าเห็นมากกว่าการแค่ขายของ ถ้าเป็นธุรกิจมากเกินไปก็จะเป็นอีกแบบ
บทความเกี่ยวข้อง:
- ร้าน The Decorum จะเน้นขายสินค้า Classic Menswear แบรนด์สำหรับสุภาพบุรุษทั้งจากฝั่งยุโรปและเอเชีย ที่ครอบคลุมตั้งแต่สูทและแจ็กเก็ต เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล กางเกง รองเท้า ฯลฯ
- บอลแนะนำว่าสำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มแต่งตัวแบบ Sartorial สามารถเริ่มได้จากเสื้อเชิ้ตสัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์ Kamakura ที่ราคาไม่แพงแต่มีคุณภาพ
- ร้าน Club Luminaries จะเน้นขายเสื้อผ้าที่มีความ Preppy American และกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น โดยมีแบรนด์ดังสัญชาติอเมริกันอย่าง Bode พร้อมสินค้าอื่นๆ ที่มีความสนุกและยูนิเซ็กซ์
- ภายในปี 2022 The Decorum มีแพลนจะขยายสาขาไปที่ประเทศสิงคโปร์