เมื่อ ‘ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์’ คือหนึ่งในธุรกิจที่เลี่ยงไม่ได้ในการได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 น่าสนใจว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องมีการปรับตัวรับมืออย่างไร และข้อความด้านล่างคือการรับมือในแบบฉบับของ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
แม้จะผ่านวิฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายครั้ง แต่เศรษฐาก็ยอมรับว่าวิกฤตโควิด-19 หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 เพราะตอนนี้ทุกคนต่าง ‘เหนื่อยในความไม่แน่นอน’ แต่สิ่งหนึ่งที่แสนสิริโชคดีคือประสบการณ์จากวิกฤตต้มยำกุ้งที่สอนว่าวินัยทางการเงินการคลังเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นวันนี้จึงมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะรับกับสถานการณ์
“ไตรมาสแรกเรามียอดขายแล้ว 10,000 ล้านบาท ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของไตรมาส 2 ก็มียอดขายแล้ว 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งคาดว่าไตรมาสนี้จะเป็นไปตามเป้าแน่นอน”
แต่เศรษฐาก็ไม่ปฏิเสธว่าแสนสิริได้รับผลกระทบอยู่เหมือนกัน ทำให้วิกฤตคราวนี้ต้องใช้ทุกอย่างขึ้นมาต่อสู้ โดย ‘ความเร็ว’ เป็นสิ่งที่เศรษฐายกขึ้นมาเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในการรับมือโควิด-19 เพราะ “ความเร็วจะสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง วันนี้จึงเพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่า ขณะเดียวกันความเร็วก็ต้องมาพร้อมกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดด้วย”
เรื่องดังกล่าวจะถูกนำไปใช้กับทุกภาคส่วน ทั้งกลยุทธ์การขาย การดูแลลูกค้า การก่อสร้าง ได้มีการปรับตัวไปหมดแล้ว ซึ่งทุกเรื่องจะอยู่ภายใต้ 4 แกนที่แสนสิริให้ความสำคัญคือ ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคม โดยเศรษฐาย้ำว่าใน 4 เสาหลักที่กล่าวมา เสาที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือพนักงานของแสนสิริเอง
นอกจากให้พนักงานได้ทำงานจากที่บ้านเพื่อป้องกันโควิด-19 แล้ว ทางแสนสิริได้จัดตั้ง Sansiri Care Relief Fund โดยเงินบริจาคจากคณะผู้บริหาร เริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท เพื่อการดูแลครอบครัวของพนักงานผู้ได้ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 หรือตกงานเพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจ
ขณะที่ในส่วนของลูกค้า แสนสิริได้มีการออกโปรโมชันช่วยให้ผู้ที่อยากมีบ้านสามารถมีบ้านได้ง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัยได้นานตลอดระยะเวลา 2 ปี โดยแสนสิริผ่อนให้ทั้งต้นทั้งดอกนานสูงสุด 24 เดือน ครอบคลุมถึง 62 โครงการพร้อมอยู่
แน่นอนว่าการออกโปรโมชันดังกล่าวอาจจะทำให้กำไรของแสนสิริลดน้อยลงไป แต่เศรษฐาบอกว่าเราต้องยอมเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งเมื่อให้ใจไปแล้ว หากเขาอยากมีบ้านหลังต่อไปย่อมต้องเลือกแสนสิริมาเป็นตัวเลือกแรกแน่นอน
เศรษฐาประเมินว่าโควิด-19 จะสร้างผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปอีกอย่างน้อย 18 เดือน ในปีนี้ภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมคาดว่ายอดขายจะลดลงประมาณ 20%
สำหรับแสนสิริคาดว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่ก็ได้มีการปรับแผนรับมือโดยการชะลอการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เหลือแต่โครงการแนวราบที่ยังเดินหน้าต่อไป ส่วนงบสำหรับซื้อที่ดินก็ยังคงมีเหมือนเดิม
“ที่เราต้องชะลอการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ไปก่อนเพื่อให้เกิดการระบายสต๊อกและมีเงินสดเข้ามาอยู่ในมือ ซึ่งช่วงเวลานี้เงินสดถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องบริหารให้ได้”
อย่างไรก็ตาม เราขอให้เศรษฐาประเมินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป เศรษฐาตอบว่าเนื่องจากวันนี้สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายและยังไม่รู้จะจบลงเมื่อไร จึงประเมินได้ค่อนข้างยาก ส่วนตัวมองว่าโควิด-19 จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือวิธีการอยู่อาศัย ช่วงนี้คนทำงานจากที่บ้านมากขึ้น ทำให้ต่อไปความสำคัญของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องหรือบ้านจะเป็นเรื่องลำดับแรกๆ ที่ลูกค้าจะหยิบขึ้นมาพิจารณา รวมไปถึงเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้ต่อไปธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นพันธมิตรกับบริษัทไอทีต่างๆ มากขึ้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
