ประมาณ 30 กิโลเมตรทางใต้จากกรุงโซลคือเมืองซูวอน ที่ตั้งของ Samsung Digital City หรือ ‘อาณาจักร’ ของบริษัท Samsung แหล่งคิดค้นนวัตกรรมอย่างสมาร์ทโฟนซีรีส์กาแล็กซี (Galaxy Series) ชิปเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าล้ำสมัยนับร้อยรายการ โดย THE STANDARD WEALTH ได้ร่วมทริปไปเยือนเมืองแห่งนี้ เพื่อสัมผัสความเป็นมาของการสร้างนวัตกรรมโดยบริษัทที่ใหญ่และมีมูลค่ามากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ที่ส่งออกสินค้าสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
Samsung Digital City ใหญ่แค่ไหน? ทำไมจึงถูกเรียกว่า ‘ซิตี้’?
หากจะเทียบให้เห็นภาพ โมนาโกซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดอันดับ 2 ของโลก มีพื้นที่ประมาณ 2.02 ตารางกิโลเมตร และขนาดประชากรราว 38,300 คน ในขณะที่ Samsung Digital City ก็มีความใกล้เคียงเชิงตัวเลขใน 2 มิติดังกล่าว ด้วยพื้นที่ 1.72 ตารางกิโลเมตร กับพนักงานกว่า 37,000 คน
โดย Samsung Digital City มีโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างให้พนักงานสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย เช่น สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ รถบัส 500 คันที่วิ่งบน 100 เส้นทางเพื่อรับ-ส่งพนักงานมายังเมืองแห่งนี้
หรือแม้กระทั่งศูนย์รับเลี้ยงบุตรของพนักงานที่ไม่มีเวลาดูแลระหว่างการทำงาน ซึ่งความพร้อมเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ขนาดพื้นที่ และจำนวนคนที่มากในระดับนี้ ก็คงไม่แปลกที่จะพูดได้ว่า Samsung มีเมืองเป็นของตัวเอง
Samsung Digital City ค่อยๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นที่บริษัทตัดสินใจเดินหน้ารุกตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จนนำมาสู่การก่อตั้ง Samsung Electronics ในปี 1969 หรือประมาณ 31 ปีหลังจากที่ Samsung เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกในฐานะร้านขายของชำด้านอาหารและสิ่งทอเมื่อปี 1938 โดยชายที่มีชื่อว่า อีบยองชอล
ปัจจุบันเมืองแห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมงานวิจัยนวัตกรรมของกลุ่มธุรกิจ Device eXperience (DX) หรือกลุ่มธุรกิจมือถือ สินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ซึ่งในปี 2023 กลุ่มธุรกิจ DX สามารถสร้างรายได้ให้กับ Samsung ราว 169.99 ล้านล้านวอน (4.52 ล้านล้านบาท)
หนึ่งในไฮไลต์ของการไปเยือน Samsung Digital City ครั้งนี้คือการเข้าชมพิพิธภัณฑ์นวัตกรรมซัมซุง (Samsung Innovation Museum) ที่เป็นมากกว่าแค่การบอกเล่าเรื่องราวของบริษัท แต่เป็นการเผยให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีจากสิ่งที่เรียกว่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากการปลดล็อกความสามารถในการสื่อสารทางไกล ปลดล็อกเวลาการทำ ‘งานบ้าน’ ให้ผู้คนมีเวลาออกไปทำงานที่สร้างประโยชน์ได้มากกว่า และปลดล็อกการรับสารให้คนตามเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในอดีต ตั้งแต่โทรทัศน์ขาว-ดำเครื่องแรก หรือวิทยุสื่อสารที่มีขนาดเท่ากับกระเป๋าเดินทาง จนมาสู่โลกปัจจุบันที่เครื่องมือแทบทุกอย่างถูกหดเข้ามาอยู่ในสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ที่ทำได้ทั้งติดต่อสื่อสารและเสพสื่อในรูปแบบต่างๆ
หรือแม้กระทั่งเรียกใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้ช่วยทำสิ่งต่างๆ และเมื่อพูดถึง AI Samsung ก็ได้เผยให้เห็นว่าเทรนด์ในอนาคตของเครื่องใช้ไฟฟ้าคือการนำ AI เข้าไปผนวก เพื่อเสริมให้ฟังก์ชันการใช้งานง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และมีมิติมากขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าการเข้าไปเยือน Samsung Digital City จะถูกจำกัดให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ในไม่กี่โซน แต่หนึ่งพื้นที่ที่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้คือ Samsung Innovation Museum ที่เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. โดยผู้ที่สนใจสามารถจองผ่านเว็บไซต์ samsunginnovationmuseum.com ได้สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์นั้นทางพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าได้ตามอัธยาศัยโดยไม่ต้องจองล่วงหน้า ซึ่งหากใครมีโอกาสไปซูวอนและสนใจเรื่องเทคโนโลยี พิพิธภัณฑ์นี้ก็อาจเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น่าเข้าไปชมให้ได้สักครั้ง