รัสเซียเดินหน้าโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในภาคกลางและตะวันตกของยูเครน โดยเป้าหมายหลักของการโจมตีนั้นอยู่ที่โครงข่ายพลังงานของประเทศ
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าเกือบ 1 ใน 3 ของยูเครนถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศหลายระลอกตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว ขณะที่มีรายงานว่าพื้นที่ทางใต้และตะวันตกของกรุงเคียฟถูกโจมตี และมีรายงานการตัดไฟทั่วประเทศ
เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (22 ตุลาคม) ว่า โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเมืองเชอร์คาซี (Cherkasy) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟถูกโจมตี นอกจากนี้ ยังมีรายงานการเกิดไฟไหม้ขนาดใหญ่ใกล้เมืองสมิลา (Smila)
ขณะที่ในเมืองคเมลนิตสกี (Khmelnytskyi) ไกลออกไปทางตะวันตก เกิดไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ยังมีรายงานการโจมตีทางอากาศและไฟฟ้าขัดข้อง ตั้งแต่เมืองโอเดสซา (Odesa) ทางใต้ ไปจนถึงเมืองริฟเน (Rivne) และลุตสก์ (Lutsk) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
Ukrenergo หรือการไฟฟ้าแห่งชาติของยูเครนเปิดเผยว่า จะจำกัดการจ่ายไฟในหลายเมือง ซึ่งรวมถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟ พร้อมทั้งเผยด้วยว่า การโจมตีของมอสโกในวันเสาร์อาจสร้างความเสียหายมากกว่าการทิ้งระเบิดอย่างหนักเมื่อต้นเดือนนี้
ด้านกองบัญชาการกองทัพอากาศของยูเครนเปิดเผยว่า ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของยูเครนสามารถทำลายขีปนาวุธร่อนของรัสเซียจำนวน 18 ลูก เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์
เซอร์ฮีย์ คิราล รองนายกเทศมนตรีเมืองลวีฟทางตะวันตกของยูเครน กล่าวกับ BBC ว่า รัสเซียใช้ยุทธวิธีในการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญก่อนฤดูหนาว และขยายพื้นที่การทำสงครามไปยังพื้นที่ที่อยู่นอกแนวหน้า
“ยิ่งกองทัพยูเครนประสบความสำเร็จในแนวหน้ามากเท่าไร ประชาชนในประเทศก็จะยิ่งเดือดร้อน เพราะรัสเซียกำลังทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อเล็งเป้าหมายมาที่พลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ” เขาให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุ NewsHour
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ตุลาคม) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวหารัสเซียว่ากำลังวางแผนระเบิดเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแคว้นเคอร์ซอนทางตอนใต้ของประเทศยูเครน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังมอสโก
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า หากโรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา (Kakhovka) ถูกทำลาย จะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนหลายแสนคนตกอยู่ในอันตราย ขณะที่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมระบุว่ายูเครนต่างหากที่กำลังยิงขีปนาวุธโจมตีเขื่อน อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตนเอง
ภาพ: Carl Court / Getty Images
อ้างอิง: