วานนี้ (6 มิถุนายน) ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ออกโรงโจมตีรัสเซียที่ปิดกั้นไม่ให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชไปยังต่างประเทศได้ โดยระบุว่ารัสเซียใช้อาหารเป็นเสมือน ‘ขีปนาวุธล่องหน’ ที่เข้าโจมตีเหล่าประเทศกำลังพัฒนาที่ขาดแคลนอาหาร และตำหนิรัสเซียว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤตอาหารโลกที่จวนเจียนจะเกิดขึ้นนี้
“สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาอาหารดีดตัวสูงขึ้น และกดดันให้ผู้คนต้องเผชิญกับความอดอยาก อีกทั้งยังบั่นทอนความมั่นคงในหลายภูมิภาค” มิเชลกล่าว “รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตอาหารที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้แต่เพียงผู้เดียว”
มิเชลกล่าวกับ วาซิลี เนเบนซยา ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ (UN) โดยตรงในระหว่างการประชุมสภาความมั่นคงว่า เขาเห็นว่ามีธัญพืชและข้าวสาลีจำนวนหลายล้านตันตกค้างอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์และเรือที่ท่าเรือโอเดสซาของยูเครนเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน เนื่องจากถูกเรือรบของรัสเซียในทะเลดำขัดขวางการส่งออกสินค้าดังกล่าว
นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่าการที่รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโรงเก็บธัญพืชของยูเครน เป็นต้นเหตุที่ขัดขวางไม่ให้ยูเครนสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวธัญพืชได้ พร้อมอ้างข้อมูลว่ากองกำลังรัสเซียได้ขโมยธัญพืชของยูเครนในดินแดนที่ยึดมาได้อีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เนเบนซยาเดินออกจากที่ประชุมสภาความมั่งคงในเวลาต่อมา
ภายหลังการประชุม ดมิทรี โพลียันสกี รองผู้แทนถาวรของรัสเซียประจำ UN ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Telegram ว่าความคิดเห็นของมิเชลนั้น ‘หยาบคายอย่างมาก’ จนเอกอัครราชทูตรัสเซียต้องเดินออกจากห้องประชุม
สื่อต่างประเทศรายงานว่า โดยทั่วไปแล้ว การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงจะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นในสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ประเด็นอื่นๆ ที่เป็นผลพวงจากสงครามก็ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการขาดแคลนอาหารทั่วโลกและราคาอาหารที่สูงขึ้น
แฟ้มภาพ: Abdulnasser Alseddik / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: