วันนี้ (18 กรกฎาคม) เครือข่ายภาคประชาชน Respect My Vote รวมตัวยื่นหนังสือต่อรัฐสภา เรียกร้องสมาชิก ‘เคารพผลเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน’ เพื่อเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาทุกคนเคารพผลการเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน
จีรนุช เปรมชัยพร ตัวแทนกลุ่ม Respect My Vote กล่าวว่า อยากแสดงจุดยืนและเรียกร้องไปยัง ส.ส. ทุกคน ผ่านประธานสภาว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ไม่ใช่ลิเกหรือว่าพิธีกรรม แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าประชาชนไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง โดยพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุดคือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งต่อมาได้จับมือกันจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันด้วยจำนวน ส.ส. มากกว่ากึ่งหนึ่ง 312 เสียง และเป็นเสียงที่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยปกติ
แต่เนื่องจากบทเฉพาะกาลในมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้ ส.ว. ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส. ทำให้บรรยากาศทางการเมืองที่ควรจะมีความแน่นอนกลับกลายเป็นความไม่แน่นอน การที่ ส.ว. ส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจงดออกเสียงทำให้จำนวนเสียงเห็นชอบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ดังนั้นการลงมติของ ส.ว. ที่ผ่านมาจึงเป็นส่วนหนึ่งของการขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตย ทำให้เสียงของประชาชนไร้ความหมาย และสร้างเงื่อนไขให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง
โดยมีข้อเรียกร้องต่อประธานสภาผ่านไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ดังนี้
- ให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับผู้ที่ถูกเสนอชื่อโดยพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยืนยันหลักการเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
- ให้สมาชิกรัฐสภาหลีกเลี่ยงการลงมติด้วยการงดออกเสียง เนื่องจากการลงมติดังกล่าวจะเป็นผลให้เสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรถูกขัดขวางและถือเป็นการปฏิเสธผลการเลือกตั้ง มีแต่จะทำให้เกิดทางตันทางการเมืองและทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
- เสียงของสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่ถูกนำไปใช้เป็นข้อต่อรองทางการเมืองให้มีนายกรัฐมนตรีคนที่ผู้มีอำนาจอยากได้ แต่ประเทศไทยต้องมีนายกรัฐมนตรีตามที่ประชาชนแสดงออกผ่านคูหาเลือกตั้ง
- ขอสมาชิกรัฐสภาทุกท่านช่วยรับฟังความต้องการหรือความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชนด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่แสดงท่าทีข่มขู่ คุกคาม หรือแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับประชาชน
โดยข้อเสนอเหล่านี้หลังจากที่ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว จะเดินทางต่อไปเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาอีกด้วย
ขณะที่ มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล กล่าวว่า จะติดตามผลการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (19 กรกฎาคม) ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะมีปฏิกิริยาต่อการโหวตลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และคิดว่าการเคลื่อนไหวจะไม่ได้เกิดจากกลุ่มเดียวแล้ว จึงขอให้รอติดตาม
และหากพิธาไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่าหากเกิดจากข้อตกลงของ 8 พรรคร่วมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ขอให้คนที่อยู่ในรัฐสภาเข้าใจปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และพยายามอย่างถึงที่สุดในการปกป้องผลการเลือกตั้งจากเสียงของประชาชน และขอให้เป็นไปตาม MOU ที่ตกลงกันไว้ เพื่อให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข
