×

Quiet Quitting อาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญแนะ ทำ 3 สิ่งนี้เป็นอันดับแรก

06.09.2022
  • LOADING...
Quiet Quitting

เทรนด์ Quiet Quitting ยังคงได้รับความสนใจจากพนักงานบริษัททั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า การลาออกอย่างเงียบๆ นี้อาจช่วยบรรเทาภาวะหมดไฟ (Burnout) ในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยาบางคนกลับเสนอว่า วิธีนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว พร้อมทั้งแนะนำให้เจ้านายควรเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย

 

ทั้งนี้ คำว่า ‘Quiet Quitting’ กำลังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง หลังจาก Zaid Khan วิศวกรจากนิวยอร์กวัย 24 ปี เผยแพร่เทรนด์นี้บน TikTok เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผ่านบัญชีที่มีชื่อว่า @zkchillin โดย Khan ได้อธิบายความหมายของ Quiet Quitting ในคลิปวิดีโอว่า คือการทำงานและทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม แต่จะไม่มีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมคลั่งงาน (Hustle Culture) และไม่คิดว่างานคือชีวิตอีกต่อไป

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

Quiet Quitting กำลังเกิดขึ้นจริง?

 

ตามข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกายังระบุว่า ผลิตภาพของคนงานในสหรัฐฯ (U.S. Worker Productivity) ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ลดลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือตั้งแต่ปี 1948 ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เริ่มรวบรวมข้อมูล ขณะที่การเติบโตของต้นทุนแรงงานต่อหน่วยกลับเร่งตัวขึ้น บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านค่าจ้างที่แข็งแกร่งอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นต่อไป

 

นอกจากนี้ จากการสำรวจ Resume Builder เมื่อเดือนสิงหาคมระบุว่า พนักงาน 1 ใน 10 คนกล่าวว่า พวกเขากำลังใช้ความพยายามน้อยลงจากเมื่อ 6 เดือนก่อน ขณะที่ 5% จาก 1,000 คนที่ตอบแบบสำรวจยังระบุว่า พวกเขาทำงานน้อยลงกว่าที่บริษัทต้องการ

 

การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า ชาว Quiet Quitters ปฏิเสธที่จะทำอะไรมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาไม่ได้รับการชดเชยสำหรับความพยายามพิเศษเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาคิดว่ามันจะกระทบต่อสุขภาพจิตและความสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work-Life Balance)

 

ผู้เชี่ยวชาญแนะ 3 ทางออกในระยะยาว

 

แม้ว่า Quiet Quitting อาจช่วยบรรเทาภาวะหมดไฟ (Burnout) ในระยะสั้นได้ แต่บางฝ่ายก็มองว่าวิธีนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว โดย CNBC Make It ได้รวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญถึงสิ่งที่ชาว Quiet Quitters สามารถเลือกทำได้ ดังนี้

 

1. จงทำงานให้มีประสิทธิภาพ

 

การมีความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ Michael Timmes ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลอาวุโสของ Insperity เน้นย้ำว่า แม้คุณได้รับเอาแนวคิด Quiet Quitting มาใช้ แต่ในชั่วโมงทำงาน คุณควรทำงานอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด 

 

“และด้วยวิธีนี้ คุณจะได้เติบโตและได้พัฒนาทักษะ ขณะเดียวกัน คุณก็ต้องสำรวจความคิดสร้างสรรค์และความสนใจที่อาจทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นด้วย” Timmes กล่าว

 

ด้าน Maggie Perkins วัย 30 ปี ผู้ที่นำแนวคิด Quiet Quitting มาใช้ในงานสอนชี้ให้เห็นว่า คุณไม่สามารถกลายเป็นคนคิดลบในที่ทำงานได้ และต้องเป็นผู้มอบทัศนคติเชิงบวก พร้อมมองว่าคุณต้องทำงานตามค่าจ้างที่ได้รับ

 

2. มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัท

 

Kelsey Wat โค้ชด้านอาชีพยังสังเกตเห็นว่าชาว Quiet Quitters จะขมขื่นและขุ่นเคืองต่อนายจ้างของตน ขณะที่ Dr. Natalie Baumgartner นักจิตวิทยาในที่ทำงานและผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรม กล่าวว่า Quiet Quitting นั้นเกิดจาก ‘ความเจ็บปวด’ อันเป็นผลมาจากการทำงานที่หนักเกินไปและไม่ได้รับการชื่นชม

 

Jaya Dass กรรมการผู้จัดการบริษัท Randstad ในสิงคโปร์และมาเลเซียจึงเสนอว่า หนึ่งในทางออกคือพนักงานควรมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัทด้วย เพื่อการเติบโตของตนเอง และหาคำตอบว่าทำไมพวกเขาถึงรู้สึกหมดไฟ หรือทำไมพวกเขาถึงต้องออกอย่างเงียบๆ 

 

3. คุยกับเจ้านายก่อนระบายบนโซเซียล

 

ขณะที่พนักงานบางคนใช้โซเชียลมีเดียเพื่ออธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงลาออกอย่างเงียบๆ ผู้เชี่ยวชาญบางคนจึงแนะนำว่าพวกเขาควรพูดกับเจ้านายแทน

 

“สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ Quiet Quitting ก็คือคนในที่ทำงานไม่รู้เรื่องนี้ แต่ผู้ที่ไม่อยู่ในที่ทำงานกลับรู้เรื่องนี้” Dass กล่าว

 

Wat กล่าวเสริมว่า ถือเป็นเรื่องไม่มีความรับผิดชอบที่จะลาออกโดยไม่พูดคุยกับนายจ้างเกี่ยวกับความต้องการและความท้าทายในงานปัจจุบันของคุณ

 

ดังนั้น หากคุณรู้สึกไม่เห็นคุณค่าในงานที่ทำ นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้คุณพูดคุยกับเจ้านายเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สบายใจก็ตาม

 

เจ้านายควรรับผิดชอบปัญหานี้ร่วมกัน

 

ในการจัดการกับปัญหา Quiet Quitting และภาวะหมดไฟของพนักงาน ผู้บริหารก็ควรรับผิดชอบต่อปัญหานี้เช่นกัน และควรต้องเป็นผู้ฟังที่ดี 

 

“พวกเขาจำเป็นต้องรับทราบข้อเท็จจริงว่า สถานที่ทำงานจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่อีกต่อไป เนื่องจากคนมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นที่ทำงานต้องตามให้ทัน” Wat กล่าว

 

Baumgartner ระบุอีกว่า บทบาทของผู้นำคือการสอบถามพนักงาน แทนที่จะตั้งสมมติฐานหรือการใช้กำปั้นเหล็ก พร้อมทั้งมองว่า Quiet Quitting คือการส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากพนักงาน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือเหล่าผู้จัดการต้องใส่ใจกับความคิดเห็น และดำเนินมาตรการที่มีความหมาย

 

อย่างไรก็ตาม หากนายจ้างไม่ยอมรับความคิดเห็นของพนักงาน Dass เสนอว่าเหล่าพนักงานควรทบทวนการสนทนาอีกครั้ง และให้เวลาเจ้านายในการประมวลผลข้อมูลก่อน

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising