เงินปอนด์อ่อนค่า หลังข่าวสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธสวรรคต

เงินปอนด์อ่อนค่า หลังมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากสำนักพระราชวังบักกิงแฮมว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต ด้านแบงก์ชาติอังกฤษยืนยันว่า ธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังคงชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BOE) ยืนยันว่า ธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังคงชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) หลังจากสำนักพระราชวังบักกิงแฮมแถลงอย่างเป็นทางการว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคตแล้ว สิริพระชนมพรรษา 96 พรรษา ในวันพฤหัสบดี (8 กันยายน)

ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่มีพระบรมฉายาลักษณ์อยู่บนธนบัตรของธนาคารกลางอังกฤษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ระบุว่า “ข้าพเจ้าทราบข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถด้วยความเศร้าสลดอย่างสุดซึ้ง ในนามของทุกคนที่ธนาคารแห่งนี้ ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระราชวงศ์”

นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดี (8 กันยายน) เงินปอนด์ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร เนื่องจากการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากแถลงการณ์ยืนยันการสวรรคตอย่างเป็นทางการจากสำนักพระราชวังบักกิงแฮม

โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.3% อยู่ที่ 1 ปอนด์สเตอร์ลิงต่อ 1.1506 ดอลลาร์สหรัฐ และเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 1.1554 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเช้าวันนี้ (9 กันยายน) ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่เงินยูโรก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์ โดย 1 ยูโรเท่ากับประมาณ 0.87 ดอลลาร์สหรัฐในวันนี้

ขณะที่ Amo Sahota ผู้อำนวยการบริษัท Klarity FX ที่ปรึกษาด้านการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนในซานฟรานซิสโก มองว่า ข่าวการสวรรคตไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเงินปอนด์

“พระราชินีทรงเป็นสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมอังกฤษ แต่มีความสำคัญทางการเมืองเพียงเล็กน้อย แม้จะมีคำถามเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐบาลก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อเศรษฐกิจ” Amo Sahota กล่าว

ทั้งนี้ เงินปอนด์ได้อ่อนค่าลงตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากคำปราศรัยของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มุ่งต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไป แม้ ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ได้เปิดเผยนโยบาย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น

โดยในสุนทรพจน์ที่การประชุมของ Cato Institute พาวเวลล์ระบุว่า Fed จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปจนกว่างานจะเสร็จ และมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะลดอัตราเงินเฟ้อลงให้ได้ ความคิดเห็นของพาวเวลล์จึงได้ผลักดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้นทั่วกระดาน รวมทั้งต่อเงินปอนด์ด้วย

ด้านทรัสส์เปิดเผยกับรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดี (8 กันยายน) ว่า ราคาพลังงานในครัวเรือนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 ปอนด์ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้คาดการณ์ที่ว่าค่าไฟจะเพิ่มถึง 80% เกิดขึ้นจริง

Kenneth Broux นักกลยุทธ์ด้านสกุลเงินจาก Societe Generale กล่าวว่า เหตุผลที่ค่าเงินสเตอร์ลิงต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก ไม่ใช่แค่ดอลลาร์แข็งค่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วย

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP