×

ไม่หวั่นเทรนด์รถยนต์ EV มาแรง ‘PTC’ เดินหน้าขายหุ้น IPO พร้อมปักธงเทรด mai ภายในไตรมาส 1 ปีนี้

19.01.2022
  • LOADING...
รถยนต์ EV

บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PTC เดินหน้าขายหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น ตามแผน ยันไม่หวั่นกระแส EV ฉุดความต้องการใช้รถยนต์ดั้งเดิมในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ คาดเข้าเทรดในตลาด mai ในไตรมาส 1 ปีนี้

 

“แน่นอนว่าต้องถูกตั้งคำถามว่าบริษัทยังจะเติบโตได้หรือไม่ และทำอย่างไร ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านพลังงานและรถยนต์จากเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งกระทบต่อธุรกิจของ PTC แต่เรายังมั่นใจว่าน้ำมันจะเป็นพลังงานหลักของภาคอุตสาหกรรมและการเดินทางในอีก 5-10 ปีจากนี้” วีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC กล่าว

 

ทั้งนี้ บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PTC เป็นผู้ดำเนินธุรกิจคลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง บริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยขณะนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) เพื่อเสนอหุ้น IPO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย PTC คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาสแรกปีนี้

 

PTC มีจุดแข็งจากประสบการณ์ด้านการประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและรถขนส่งน้ำมันมากว่า 20 ปี ทำให้ผู้บริหารของ PTC มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสายโซ่อุปทานของผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยเป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถกำหนดที่ตั้งในการก่อสร้างคลังน้ำมันเพื่อเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันสู่สถานบริการและผู้ใช้งาน ซึ่งพื้นที่ให้บริการปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซินและดีเซลเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้

 

วรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการนับหนึ่งแบบไฟลิ่งเพื่อเสนอหุ้น IPO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะสามารถนำ PTC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 

 

PTC มีทุนจดทะเบียน 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

 

วีรวัฒน์กล่าวต่ออีกว่า เงินระดมทุนครั้งนี้จะใช้สำหรับชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน เสริมความมั่นคงทางการเงิน และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิด้วยดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท 

 

PTC มีแผนที่จะก่อสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังศรีสะเกษ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในด้านการลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันของลูกค้า ด้วยการเพิ่มช่องทางการขนส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้า นอกเหนือจากการให้บริการการรับน้ำมันทางรถบรรทุกเพียงทางเดียว เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยวางงบลงทุนไว้ราว 110-120 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายใน 6 เดือน

 

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้า ตามนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ เพื่อขยายฐานรายได้และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ทางเดียว ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง

 

แนวโน้มการเติบโตของรายได้ปี 2565 บริษัทคาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา โดยในช่วงปี 2561-2563 บริษัทมีรายได้รวม 161.97 ล้านบาท, 176.84 ล้านบาท และ 253.39 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2561-2563 ทำได้ 75.42 ล้านบาท, 55.43 ล้านบาท และ 111.06 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 45.68%, 31.28% และ 43.76% ตามลำดับ 

 

ส่วนในงวด 9 เดือนแรก ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 166.29 ล้านบาท ลดลง 11.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงตามยอดจำหน่ายน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด มีโรงงานบางส่วนหยุดการผลิต ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์ลดลง ทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 72.23 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.98% แต่อัตรากำไรสุทธิกลับปรับตัวดีขึ้นเป็น 43.33% เพิ่มขึ้น 0.98% จากงวด 9 เดือนของปี 2563 ซึ่งกำไรสุทธิชะลอตัวเนื่องจากรายได้จากการให้เช่าและบริการลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นจากงวด 9 เดือนแรกของปีก่อน

 

วีรวัฒน์กล่าวเพิ่มว่า ภาพรวมการแข่งขันในอุตสาหกรรมจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของการขนส่งให้ประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนกระแสการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังเชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเมินว่าในระยะ 5-10 ปีนี้ ความต้องการใช้รถยนต์สันดาปในภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ และการเดินทางทั่วไปยังสูงขึ้นต่อเนื่อง 

 

“จากปัจจัยที่ยังไม่เอื้อต่อการสร้างฐานการผลิตรถ EV ในประเทศมากนัก ไม่ว่าจะเป็นราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง, สถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ แต่ PTC ก็มอง EV เป็นโอกาสเช่นกัน เนื่องจากผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง สอดคล้องกับแนวคิดทางธุรกิจของ PTC ที่เป็น Infrastructure Sharing” วีรวัฒน์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising