×

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังเหตุการณ์ลอบสังหารทรัมป์

15.07.2024
  • LOADING...
ผลกระทบ การเลือกตั้งสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ตามเวลาของสหรัฐอเมริกา เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้น เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี และตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้า ถูกพยายามลอบสังหารในระหว่างที่เขาปราศรัยหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย 

 

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? และเหตุการณ์การพยายามลอบสังหารในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้กัน

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

สิ่งที่เรารู้แน่ๆ ในตอนนี้คือ เหตุการณ์ลอบสังหารในครั้งนี้เกิดจากน้ำมือของชายที่มีชื่อว่า โทมัส แมทธิว ครูกส์ โดยที่เขาไปซุ่มยิงมาจากหลังคาของอาคารข้างๆ และอาวุธที่เขาใช้คือปืนกึ่งอัตโนมัติ AR-15 

 

จากวิดีโอถ่ายทอดสดการปราศรัยของทรัมป์ ทำให้เราทราบว่ามีการลั่นกระสุนทั้งหมด 8 นัด โดยมีหนึ่งนัดโดนด้านบนใบหูขวาของทรัมป์ และกระสุนยังไปโดนผู้มาฟังการปราศรัยของเขาที่ขอบเวทีอีก 3 คน โดยหนึ่งในนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา และอีกสองคนยังอยู่ในขั้นวิกฤต

 

ทรัมป์ได้รับการคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี หรือ Secret Service ที่พาตัวลงมาจากเวทีทันที ทำให้เขาไม่ได้รับอันตรายไปมากกว่านั้น ส่วนมือปืนถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุก่อนที่เขาจะมีโอกาสทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปมากกว่านี้

 

แต่สิ่งที่เรายังไม่ทราบ (และอาจไม่มีโอกาสจะทราบเลย) คือแรงจูงใจของมือปืน ข้อมูลที่เราทราบตอนนี้คือเขาเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันที่อาศัยอยู่ในชานเมืองพิตต์สเบิร์ก (ใกล้กับที่เกิดเหตุ) และทำงานเป็นผู้ช่วยด้านโภชนาการ ณ ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยแห่งหนึ่ง

 

ผลที่อาจเกิดขึ้นต่อการเลือกตั้ง

 

เหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้น่าจะส่งผลดีต่อโอกาสในการชนะการเลือกตั้งของทรัมป์ เพราะน่าจะทำให้ฐานเสียงของเขายิ่งเชื่อโดยสนิทใจว่าฝ่ายซ้ายกำลังพยายามกำจัดผู้นำของพวกเขาออกไปจากสารบบ 

 

ก่อนหน้านี้ทรัมป์พยายามทำให้ผู้สนับสนุนปักใจเชื่อว่ามีการโกงการเลือกตั้งในปี 2020 (แม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริงก็ตาม) รวมถึงใช้สื่อมวลชนใส่ร้ายป้ายสีทรัมป์ ตลอดจนการพยายามใช้กระบวนการทางตุลาการยุติเส้นทางการเมืองของเขา และล่าสุดคือการใช้ความรุนแรง 

 

เมื่อวิธีต่างๆ ที่ว่ามาไม่ได้ผล ความโกรธแค้นจากการที่ทรัมป์ถูกกระทำในครั้งนี้ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีที่จะทำให้พวกเขาออกไปลงคะแนนอย่างถล่มทลายในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนั้นก็ยังมีโอกาสที่ทรัมป์จะได้คะแนนสงสารจากคนที่อยู่กลางๆ ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทรัมป์หรือไบเดนดี

 

นอกจากนี้ทรัมป์ยังมีสติดีพอที่จะชูกำปั้นขึ้นบนอากาศในสภาพที่เขามีเลือดเปรอะแก้ม ขณะที่เขากำลังถูก Secret Service พาตัวลงจากเวที ซึ่งภาพนี้สื่อให้เห็นถึงความเข้มแข็งของเขาที่จะไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์ใดๆ แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงถึงชีวิตก็ตาม

 

ถ้าเรามองย้อนไปดูอดีต เราจะพบเหตุการณ์ที่คล้ายกันในกรณีที่ โรนัลด์ เรแกน ถูกลอบสังหารด้วยการยิงเข้าที่หน้าอก แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ในปี 1981 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรแกนชนะการเลือกตั้งในสมัยแรกเพียงไม่นาน และมันก็ทำให้เขาได้คะแนนสงสารจนคะแนนนิยมของเขาเพิ่มขึ้นถึงกว่า 20% ในชั่วข้ามคืน และนั่นก็ทำให้เขามีคะแนนนิยมมากพอที่จะผลักดันกฎหมายลดภาษีขนาดยักษ์ผ่านสภาคองเกรสได้ จนเป็นที่มาของนโยบายทางเศรษฐกิจแบบขวาจัดของยุค 80 หรือที่เรียกกันว่า Reagan Revolution 

 

ที่สำคัญเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังอาจส่งผลเสียต่อกลยุทธ์การหาเสียงของไบเดนด้วย เพราะในตอนนี้ทรัมป์และนักการเมืองของรีพับลิกันหลายคนกำลังปลุกกระแสว่า การที่ทรัมป์โดนลอบสังหารในครั้งนี้อาจเกิดขึ้นเพราะไบเดนและเดโมแครตหาเสียงด้วยการฉายภาพให้ทรัมป์เป็นผู้ร้ายที่เป็นภัยต่อประชาธิปไตยของประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างความจงเกลียดจงชังในตัวทรัมป์แบบเกินเหตุ จนกระทั่งมีผู้ที่คิดจะกำจัดเขาด้วยอาวุธปืน ซึ่งทำให้ใน 4 เดือนที่เหลือ ไบเดนอาจไม่สามารถหาเสียงด้วยวิธีการนี้ได้อีก ทำให้อาวุธที่เขาจะใช้ต่อกรกับทรัมป์นั้นลดน้อยลงไปมาก เพราะมันคือ Key Message หรือสารหลักที่เดโมแครตใช้มาโดยตลอด

 

เกาะติด การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ได้ที่ เว็บไซต์พิเศษ : เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 และ Facebook : THE STANDARD

 

ภาพ: Anna Moneymaker / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising