รวิศ หาญอุตสาหะ ซีอีโอศรีจันทร์ และ พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน ผู้ก่อตั้ง Glow Story แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองที่ควรอ่านช่วง #ฝ่าวิกฤตโควิด19 ในรายการ Super Productive
1. Surrounded by idiots
เขียนโดย โทมัส เอริกสัน
หนังสือเล่มนี้เกิดจากการที่ผู้เขียนได้ค้นพบว่าบุคคลที่มักจะบ่นว่ารอบตัวของเขารายล้อมไปด้วยคนงี่เง่า เขาผู้นั้นล่ะที่กลับกลายเป็นคนงี่เง่าเสียเอง
เนื้อหาเล่าถึงวิธีการทำงานกับคนแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน เพราะทุกคนล้วนมีเป้าหมาย แรงขับเคลื่อน ความรู้สึกนึกคิดที่ไม่เหมือนกัน โดยผู้เขียนได้จำแนกประเภทของคนตามรูปแบบ DISC 4 ประเภท ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงิน
สีแดง บ่งบอกถึงภาวะความเป็นผู้นำ มีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นประเภทที่ต้องการการยอมรับ
สีเหลือง มีความสนใจ แรงบันดาลใจ ชอบเข้าสังคม
สีเขียว สายซัพพอร์ตคนในทีม คนประเภทนี้จะมีมาตรวัดเรื่องอารมณ์เร็วมาก
สีน้ำเงิน สายข้อมูล จะเชื่ออะไรต้องมีข้อมูลมายืนยัน จะเลือกตัดสินใจสิ่งใดจากข้อมูลเสมอ
เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับผู้นำองค์กรหรือหัวหน้าทีมเพื่อทำความเข้าใจคนแต่ละประเภทมากขึ้น
2. วิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วที่สุดในโลก (High Speed Problem Solving)
เขียนโดย คาโอรุ เทระชิตะ
“คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าคนที่แก้ปัญหาเก่งมาจากพรสวรรค์ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ มันคือทักษะต่างหาก”
ในยุคที่ทุกอย่างเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้การตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาต้องเร็วตาม หนังสือเล่มนี้จึงมาแนะนำฮาวทูแบบญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องของวิธีการแก้ปัญหาที่รวดเร็วที่สุดในโลก จากผู้เขียนที่เคยทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง Yahoo และ Softbank โดยเนื้อหาในเล่มเต็มไปด้วยโครงสร้างที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
3. Leading Change
เขียนโดย จอห์น พี. คอตเตอร์
เป็นเล่มที่ถูกนำไปต่อยอดเป็นโครงสร้างของบริษัทคอนซัลต์จำนวนมาก โดยเสนอแนวคิดและกระบวนการเปลี่ยนแปลง 8 ขั้นตอนที่จะทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพ
- การสร้าง Sense of Urgency
- การรวมตัวทีมเพื่อร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์
- การสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
- การสื่อสารวิสัยทัศน์การเปลี่ยนแปลง
- การยืดหยุ่นนโยบายบางอย่างในองค์กรเพื่อให้เกิดพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์
- การสร้างชัยชนะระยะสั้น (Short-term wins)
- การรักษาการเปลี่ยนแปลงและให้ความสำคัญกับความสำเร็จในองค์กร
- การรักษาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรม
รวิศ หาญอุตสาหะ พูดถึงหนึ่งในขั้นตอนที่น่าสนใจคือการสื่อสารวิสัยทัศน์ขององค์กรสู่ภายนอก เป็นสิ่งที่ส่งผลให้องค์กรได้บุคคลที่ตรงกับวิสัยทัศน์มาร่วมงาน อีกทั้งยังทำให้คนในองค์กรรู้ถึงเป้าหมายในการทำงาน และเรียนรู้กระบวนการทำ Change แบบเป็นขั้นเป็นตอน
4. Data for the People
เขียนโดย อันเดรียส ไวเกนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้า และเป็นที่ปรึกษาของ Google และ Amazon
หนังสือเล่มนี้เล่าตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน เช่น ทำไมเราจึงต้องนำดาต้ามาใช้ในองค์กร ดาต้าสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างไร ดาต้าประเภทใดที่ควรเก็บไว้ใช้ และประเภทใดที่ไม่ควร รวมถึงเรื่องของ Data Policy ที่จะกลายเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด เพราะส่งผลไปถึงความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากอ่านสนุกแล้วยังกระตุ้นต่อมความคิดได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งเล่มที่จะเจาะลึกให้เห็นภาพของประโยคที่ว่า “Data is the new oil.”
5. The Dictator’s Handbook
เขียนโดย บรูซ บูเอโน เดอ เมสกีตา และอลาสแตร์ สมิธ
ผู้เขียนได้ตั้งคำถามที่ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการผู้นำที่เป็นประชาธิปไตย คนที่รับฟังเสียงของประชาชน แต่สถิติในเชิงข้อมูลกลับพบว่าผู้นำที่เป็นเผด็จการอยู่นานกว่าผู้นำที่เป็นประชาธิปไตย เช่น ซัดดัม ฮุสเซน หรือมูอัมมาร์ กัดดาฟี
แกนหลักของหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปใช้กับการบริหารองค์กรไปจนถึงการบริหารประเทศ ที่จะมาแนะนำว่าหากคุณต้องการเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งได้นาน คุณจะต้องดูแลใครบ้าง ต้องออกนโยบายอย่างไร มีเรื่องการรักษาอำนาจไปจนถึงการที่ต้องพูดคุยกับใครบ้างเป็นพิเศษ
บทสรุปที่น่าสนใจของเล่มนี้แท้จริงแล้วนั้นไม่ใช่เป็นการตัดสินว่านโยบายของนักการเมืองเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ แต่ผู้อ่านจะได้เห็นถึงนิยามของประชาธิปไตยและเผด็จการจากมุมมองของผู้เขียน
6. The End of Procrastination จุดจบของการผัดวันประกันพรุ่ง
เขียนโดย เพเตอร์ ลุดวิก
เป็นหนังสือที่เหมาะกับช่วง Work From Home อย่างยิ่ง เพราะมันอธิบายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับหลักการทางสมอง
ยกตัวอย่างเช่น มนุษย์ได้ทุ่มเทให้กับบางสิ่งบางอย่าง และมีความเข้าใจว่าเราจะสามารถคงไว้ซึ่งแรงแบบนี้อยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่ใช่ เราจึงจำเป็นต้องมีทริกเพื่อใช้ในการหลอกสมองตลอดเวลา
ผู้อ่านจะเข้าใจถึงการทำงานของสมอง แต่หากคุณต้องการที่จะหยุดการผัดวันประกันพรุ่งได้นั้นขึ้นอยู่กับ ‘สติ’ ที่ต้องรู้ถึงความรู้สึกว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วจึงจะจัดการกับการผัดวันประกันพรุ่งนั้นได้
7. Switch: How to Change Things When Change is Hard
เขียนโดย ชิป ฮีธ และแดน ฮีธ
“เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในการเปลี่ยนแปลงที่เป็นเรื่องยากได้อย่างไร”
เนื้อหาของหนังสือพูดถึงวิธีคิดในการโน้มน้าวใจคน ผู้เขียนได้เปรียบเทียบการโน้มน้าวใจคนเหมือนการสั่งให้ช้างเดินไปทางไหนสักทาง โดยเปรียบเทียบช้างเท่ากับคนในองค์กร และหากต้องการโน้มน้าวช้างให้สำเร็จจะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นควาญช้างที่คอยนำทาง หรือการกระตุ้นช้างให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเดินไปข้างหน้า เสมือนกับการกระตุ้นคนในองค์กรด้วยอารมณ์
นอกจากหนังสือ 7 เล่มที่พูดถึงในรายการ รวิศยังแนะนำแหล่งความรู้ออนไลน์อย่าง Harvard Business Review ที่มีการอ้างอิงจากงานวิจัย แต่สามารถอ่านง่ายและมีเนื้อหาหลากหลายแขนง หรือเว็บไซต์ของ McKinsey ที่มีรายงานใหม่ๆ มานำเสนอทุกวัน อัปเดตทุกแง่ทุกมุมในเรื่องโควิด-19 ทำให้เห็นภาพใหญ่และเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วน พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน ได้แนะนำอีกหนึ่งช่องทางในการหาความรู้คือการเรียนคอร์สออนไลน์ หนึ่งในคอร์สน่าสนใจในเว็บไซต์ Coursera คือคอร์สที่มีชื่อว่า ‘Learning how to learn’ เป็นการสอนวิธีการเรียนรู้ การจดจำ หรือรับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้สิ่งอื่นต่อไป หรืออีกหนึ่งเว็บไซต์คอร์สเรียนออนไลน์ที่โปรดักชันและภาพไม่แพ้ซีรีส์ ทั้งยังมีเนื้อหาหลากหลาย นั่นคือเว็บไซต์ MasterClass โดยพิริยะแนะนำคลาสที่น่าสนใจ เช่น Art of negotiation จาก คริส วอสส์ ซึ่งออกแบบโดยอดีตนักเจรจาต่อรองจาก FBI ที่จะมาสอนทริกในเรื่องของการเจรจาโน้มน้าวคน ไปจนถึงเรื่องของการเจรจาเชิงธุรกิจ นอกจากนี้ MasterClass ยังมีคลาสที่น่าสนใจอีกหลากหลายให้คุณได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการสอนทำอาหาร มายากล ไปจนถึงสอนการเล่าเรื่อง (Storytelling) โดยสแตนด์อัพคอเมดี้ชื่อดัง
หากใครอยู่ในสถานการณ์ที่ต้อง Work From Home นี่คือโอกาสทองที่จะตักตวงความรู้จากหนังสือหรือคลาสเรียนออนไลน์ต่างๆ ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาพิเศษที่คุณจะได้พัฒนาหรือเสริมทักษะตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้น
สามารถฟังพอดแคสต์ SUPER PRODUCTIVE
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย
Credits
The Host รวิศ หาญอุตสาหะ
Co-Host พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน
Show Producer ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Co-Producer เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Episode Editor ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ
Marketing Coordinator อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์
Proofreader ภาวิกา ขันติศรีสกุล
Webmaster ไชยพร ศิริกลการ