×

Somewhere I Belong ที่นี่ที่ของเรา EP.6 ที่ตรงนั้นของฉันหรือเปล่า

06.12.2019
  • LOADING...

กำกับพอดแคสต์โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี

บรรยายเสียงโดย ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย

 

เหมี่ยว หญิงไทยวัย 30 ต้น ที่กำลังมีชีวิตสมบูรณ์พร้อมทั้งครอบครัวที่อบอุ่น การงานที่ก้าวหน้า แต่ในขณะเดียวกันเหมี่ยวกลับรู้สึกถึงความว่างเปล่าในจิตใจที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ เธอได้รับโอกาสไปทำงานในซิลิคอนแวลลีย์ เธอตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างประเทศ สลับกับการมีชีวิตอยู่ที่เมืองไทยปีละ 3 เดือน แต่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเธอก็ไม่รู้สึกถูกเติมเต็มสักที่ แล้วตรงไหนกันแน่ที่เป็นที่ของเธอ

 


 

AP ที่ตรงนั้นของฉันหรือเปล่า

Final Draft 17 กันยายน 2019

 

บนภาพดำ / ตัวหนังสือขึ้นกลางภาพ / ซานฟรานซิสโก

 

ด้านหลังของเหมี่ยว หญิงสาววัย 30 ต้น กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูคอนโดฯ หมายเลข 503 ข้างตัวของเธอมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ ถอนหายใจยาว ก่อนจะล้วงเอากุญแจในเสื้อโค้ตของเธอไขบานประตูนั้น รู้อยู่แก่ใจ มีแต่ความว่างเปล่าที่รอเธออยู่ บิดลูกบิด ประตูเปิดอ้าออก ภาพตัดดำ ได้ยินเพียงเสียงประตูที่ไม่มีใครใช้มา 3 เดือน ส่งเสียงแอดดังยาวยืด

 

ตัวหนังสือขึ้นกลางภาพ / กรุงเทพมหานคร / หลายปีที่แล้ว

 

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กกางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา บนจอคืออีเมลที่เธอเพิ่งได้รับ ข้อความภาษาอังกฤษ บริษัทแห่งหนึ่งที่ซานฟรานซิสโกคอนเฟิร์มเรื่องการเริ่มต้นทำงานของเธอกับที่นั่น 

 

บรรยากาศบนโต๊ะทานข้าวของเหมี่ยวกับแม่และพี่สาวอีกสองคนดูจะเงียบๆ ไปกว่าปกติ ห่างออกไปที่โซฟา พี่เขยของเธอกำลังเล่นกับลูกสาวฝาแฝดวัยขวบกว่าๆ หลานสาวสุดที่รักของเธอ พี่สาวคนโตเปรยออกมา “เอาเลย ยังไงก็ดีกว่าอยู่ที่นี่” แต่พี่สาวคนรองถาม “ทำไมถึงทำที่นี่ไม่ได้ เงินที่นั่นจะดีกว่าแค่ไหน” เหมี่ยวพยายามอธิบาย งานที่นี่มันไม่มีอะไรท้าทายเธออีกแล้ว รู้ว่าพูดไปก็ไม่เข้าใจ อาชีพของเธอคือการออกแบบโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์ให้กับองค์กรต่างๆ อาชีพที่เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคที่คนฟังฟังแล้วได้แต่งง 

 

เหมี่ยวรู้ตัวเอง ด้วยวัยใกล้ 30 ของเธอ เธอกินงานเป็นอาหาร การเจอกับปัญหาและแก้ไขมันลงได้ ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีค่า สิ่งที่เติมเต็มความรู้สึกของเธอ อยู่ในโค้ดที่ประกอบไปด้วยตัวอักษรและตัวเลข ไม่มีใครเข้าใจ แม้ไม่ใช่งานที่โลกต้องรับรู้ แต่ทุกครั้งที่งานสำเร็จ ระบบต่างๆในองค์กรลูกค้ารันไปได้อย่างราบรื่น เธอจะรู้สึกฟินเหมือนเล่นเกมแล้วผ่านด่านไปได้อีกด่าน อยู่เมืองไทยมีแต่ด่านเดิมๆ จนมันง่ายไปหมดแล้ว เธอจึงต้องแสวงหาด่านใหม่ๆ ที่ยากยิ่งขึ้น เธออยากรู้ว่าตัวเองไปได้ไกลที่สุดที่ตรงไหน 

 

เหมี่ยวอาศัยอยู่กับแม่และพี่น้อง บ้านที่มีแต่ผู้หญิง บ้านเดี่ยวในโครงการจัดสรรย่านฝั่งธนฯ พื้นที่เกือบ 100 ตารางวา บ้านที่มีพื้นที่มากมายขนาดนี้ แต่เหมี่ยวกลับรู้สึกว่า ไม่มีตรงไหนที่เป็นที่ของเธอจริงๆ

 

ภาพของเธอขณะกำลังทำงาน แต่จู่ๆ แม่ของเธอก็เปิดทีวีดู O Shopping เสียงดัง จนเธอต้องยกกลับทัพเดินหนี ตัดมาที่อีกห้องที่เธอมักจะใช้มาแอบหลบทำงาน กลับพบว่าพี่สาวของเธอกำลังกล่อมลูกให้หลับอยู่ พอจะหามุมสงบได้ แม่ก็ตะโกนเรียกเธอทานข้าว ทำงานอยู่สักพัก หลานๆ ก็วิ่งเข้ามานัวเนียหัวหูจนทำงานต่อไม่ได้ ภาพตัดไปเห็นเธอต้องหอบเอางานหลบไปทำงานที่ร้านกาแฟ ในยุคที่ยังไม่มี Free Wi-Fi บางครั้งเธอต้องออกไปซื้อของกับแม่โดยที่ยังมีเรื่องงานที่เธออยากจะทำ ด่านที่เธออยากจะแก้ วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ พูดแบบเนิร์ดๆ เธอบ้างาน และอยากอยู่กับด่านของเธอเงียบๆ คนเดียว 

 

เหมี่ยวนอนมองแผ่นหลังแม่ของเธอที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ เธอยังนอนกับแม่ เอาฟูกที่นอนมาชนกัน แล้วนอนเรียงกันเป็นแพ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เล็กจนจะ 30 แล้ว น่าจะเป็นเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิง ทำให้เธอไม่เคยคิดเรื่องจะหาแฟน ยิ่งพี่สาวแต่งงานแยกครอบครัวออกไปแล้ว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าจะต้องเป็นคนดูแลแม่เอง ความรู้สึกที่ทั้งอยากออกไปและต้องอยู่ดูแลแม่ ต่อสู้กันไปกันมาในตัวเธอมาตลอดหลายปี แผ่นหลังของแม่ เธอรู้ว่าแม่ยังไม่หลับ 

 

สนามบินสุวรรณภูมิ / ภาพทุกอย่างถูกตัดอย่างฉับไว / การสวมกอดที่สนามบิน / ภาพแทนสายตาของเหมี่ยวที่ขึ้นบันไดเลื่อน / แม่และครอบครัวของพี่สาวห่างออกไป / เดินในเทอร์มินัล / สายตาเหม่อลอย / ตัวเบาโหวง / มือกำ Boarding Pass ไว้แน่น

 

บนเครื่องบิน ที่นั่งส่วนใหญ่ปิดไฟนอนกันเงียบเชียบ แสงจากจอทีวีตรงหน้าสาดมาที่ใบหน้าของเหมี่ยวที่นั่งริมหน้าต่าง สายตาเธอไม่ได้ดูหนังในจอ กลับเบือนหน้าออกไปข้างนอก จ้องมองความมืด เอามือปิดปากตัวเองพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ น้ำตาไหลในที่สุด

 

ภาพ Fade ดำ

 

ตัวหนังสือขึ้นกลางภาพ / ซานฟรานซิสโก

 

บานประตูถูกเปิดออก ห้องอพาร์ตเมนต์สีขาว ขนาดเกือบ 40 ตารางเมตร บริษัทเช่าไว้ให้เธออาศัย กล้องแพนกวาดไปเห็นห้องโล่งๆ ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใส ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มองออกไปเห็นตึกฝั่งตรงข้ามถนน เป็นย่านที่เงียบสงบ แต่ไกลจากดาวน์ทาวน์ มีเพียงเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้นเท่าที่จำเป็น หลังจากนี้เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง ยังไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกอย่างไรกับห้องนี้ แต่อย่างน้อย เธอคงจะจัดสรรเวลาได้ตามใจตัวเอง ทำงานได้เต็มที่ กินเมื่ออยากกิน นอนเมื่ออยากนอน ไม่ต้องรีบกลับบ้าน ไม่ต้องแบ่งรีโมตทีวีให้ใครมาเปิดรายการที่ไม่ถูกใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะตื่นเวลาที่เธอทำอะไรตอนดึกๆ  

 

ภาพชีวิตที่ซานฟรานซิสโกของเหมี่ยวเริ่มต้นขึ้น เช็กแฮนด์กับนายหน้าคนที่มาติดต่องานให้เธอ บริษัทของเธอรับงานในรูปแบบของมือปืนรับจ้าง ลูกค้ารายไหนมีปัญหาเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร หรือมีความต้องการอะไรก็จะติดต่อมา ที่นี่จะส่งคนที่เหมาะกับงานออกไปจัดการเป็นโปรเจกต์ไป ภาพตัดฉับไว เหมี่ยวถูกส่งตัวออกไปจัดการงานต่างๆ หลากหลายองค์กร นั่งแช่อยู่หน้าแล็ปท็อปของตัวเองที่ต่อเข้ากับระบบของที่นั่น บนจอเต็มไปด้วย Coding เห็นเธอพยายามชี้ปัญหาต่างๆให้ลูกค้าดู สีหน้าลูกค้าเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดมากเท่าไรนัก เธอนั่งกดแป้นบนคีย์บอร์ดทั้งกลางวันและกลางคืน กัดเล็บยามคิดไม่ออก ด่านใหม่ที่ท้าทายสาแก่ใจ และสุดท้ายเธอก็แก้ปัญหาได้สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพสีหน้าของลูกค้าหลายคนพอใจ บ้างจับมือ บ้างสวมกอด กอดที่เธอยังต้องทำความคุ้นเคยมากกว่านี้ กอดจากคนที่ไม่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้รู้สึกอบอุ่น หรือทำให้เธอเหงาน้อยลง

 

หน้าตู้เอทีเอ็ม ตัวเลขค่าแรงถูกโอนเข้าบัญชี เหมี่ยวมองด้วยรอยยิ้ม ภาพเหมี่ยวเดินซูเปอร์มาเก็ตเพียงลำพัง เลือกดูอาหารแช่แข็งที่เธอไม่คุ้นเคย แบกของที่ซื้อมาพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์ กลับอพาร์ตเมนต์ โน้มตัวเหลียวมอง ดูถนนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เลยป้าย ภาพเธอกลับถึงห้องและพบว่าทำกุญแจหาย รู้สึกหัวหมุน โดดเดี่ยว ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ภาพของเธอค้นของในตู้เย็น พูดกับเนื้อไก่แช่แข็ง บ่นกับพายแช่แข็ง เธอนั่งกินแซนด์วิชเย็นๆ คนเดียว บ่นพึมพำกับตัวเอง กดรีโมตทีวีดูข่าว พยายามจับใจความให้ได้รายละเอียด เหมือนมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นไม่ไกลจากที่พักเธอ ภาพบัตรโทรศัพท์รายเดือนของเธอวางอยู่บนโต๊ะ บนบัตรนั้นมีรหัสที่ช่วยให้เธอติดต่อโทรกลับที่บ้านได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เธอทักทายแม่ด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แม่ถามสารทุกข์สุขดิบกับเธอ เธอยิ้มตอบ พยายามไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลออกมา เธอถามแม่ว่า กินข้าวหรือยัง แม่ตอบเสียงใสถึงเมนูหมูอบที่วันนี้ทำให้หลานๆ ทาน เธอบอกว่า อยากกินด้วยจัง 

 

เหมี่ยวนอนอยู่บนฟูกเพียงลำพังในความมืด มีแสงจากไฟถนนด้านนอกลอดเข้ามา ดวงตายังลืมโพลง เสียงน้ำหยดดังมาจากตรงไหนสักแห่ง เธอลุกขึ้นเปิดไฟห้องน้ำเพื่อหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่เจอ กลับมาที่เตียงนอน เธอพยายามเอาหมอนอุดหูหนีออกจากเสียงหยดน้ำพวกนั้น ได้แต่พลิกตัวไปมาอย่างไร้ประโยชน์ ก่อนจะนิ่งลง ตาเหม่อลอยมองไปบนเพดาน นี่ไม่ใช่โปรเจกต์เล็กๆ สั้นๆ เหมือนที่สิงคโปร์หรือเซี่ยงไฮ้ งานเสร็จแล้วก็ยังต้องทำงานใหม่ต่อไป ไม่มีกำหนดกลับ เธอจะต้องมีชีวิตลำพังอยู่ที่นี่

 

ร้านอาหารไทย 

 

เหมี่ยวกำลังใช้ส้อมเขี่ยเส้นผัดไทยรสเลี่ยนจานโตที่วางตรงหน้า เหนื่อยอ่อนจากการทำงานที่เพิ่งเสร็จสิ้น บรรยากาศในร้านที่ลูกค้าเริ่มบางตา เด็กสาวพนักงานของร้านซึ่งเป็นคนไทยเดินเข้ามาคุยกับเธออย่างคุ้นเคย เหมี่ยวน่าจะเคยมาทานร้านอาหารที่นี่หลายครั้งแล้ว การได้คุยภาษาไทยบ้างทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ 

 

ภาพของเหมี่ยวกำลังลากกระเป๋าเดินทางและสัมภาระย้ายออกมาอยู่ร่วมอพาร์ตเมนต์กับน้องจากร้านอาหารไทย ที่นี่ตั้งอยู่กลางไชน่าทาวน์ น่าจะหาของกินง่ายขึ้น แม้จะใช้ห้องน้ำรวม แต่ก็แยกห้องใครห้องมันเป็นสัดส่วน ห้องกว้างกว่าที่เก่าเสียอีก ได้อยู่กับคนไทยบ้าง เธออาจจะพูดกับตัวเองน้อยลง แต่มันไม่ใช่ห้องใหม่ อพาร์ตเมนต์ทรงโบราณสีครีมหมองๆ ตามกาลเวลา โครงสร้างเพดานสูงแบบที่เราคุ้นเคยในหนังฮอลลีวูด แว่วเสียงผู้คนและรถราตลอดเวลา กล้องเคลื่อนไปจับสภาพร่องรอยจากเจ้าของเก่าที่ทิ้งไว้อยู่ตามมุมต่างๆในห้อง พื้นพรมสีเทามีรอยชื้นเป็นดวง คราบสนิมที่ซิงก์ล้างหน้า บนผนังมีรอยติดโปสเตอร์ หัวเตียงมีสลักตัวอักษรย่อของคู่รัก ที่ป่านนี้ก็คงเลิกรากันไปแล้ว และจนกระทั่งเส้นขนที่หล่นไว้บนที่นอน เธอรีบถลกผ้าปูที่นอนออก เปลี่ยนชุดใหม่เข้าไป พร้อมกับดูดฝุ่นในห้องให้เกลี้ยงเกลาที่สุด จากนี้ห้องนี้จะกลายเป็นห้องของฉันแล้ว ต้องไม่เหลือร่องรอยของใครในห้องนี้อีก เหมี่ยวติดตั้งกล้องข้างๆหน้าจอแล็ปท็อปของเธอ ต่อสัญญาณผ่าน Skype เสียงสัญญาณต่อสายฟังแล้วก็ชวนหงุดหงิดหู ไม่มีใครรับสาย นึกอยากจะออกแบบเสียงรอสายที่ฟังแล้วสบายใจกว่านี้ ให้ทาง Skype ฟรีๆ ในที่สุดสัญญาณภาพทางนั้นก็เริ่มขึ้น แม่กำลังอุ้มหลานสาวคนหนึ่งไว้บนตัก โบกมือทักทาย เธอหัวเราะร่าโบกมือต่อ น่าดีใจที่โลกนี้มี Skype แล้ว แม้สัญญาณจะไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็ทำให้เธอได้เห็นหน้าคนในครอบครัวของเธอที่อยู่อีกซีกโลกได้ เธอยกกล้องหมุนไปรอบๆ อวดว่าห้องใหม่ที่เธออยู่กว้างขวางกว่าเดิมอย่างไร ทั้งที่รู้ว่ากำลังโฆษณาเกินจริง อัปเดตกับครอบครัว ตอนนี้เธอได้งานที่ใหม่แล้ว เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อ Oracle อยู่ในซิลิคอนแวลลีย์ ที่นี่เธอจะได้เจอด่านที่ท้าทายระดับโลกจริงๆ แม่ไม่เข้าใจหรอกว่ามันดีอย่างไร ได้แต่บอกว่าถ้ามันดีก็ดีแล้ว 

 

เหมี่ยวเริ่มทำงานที่ใหม่ ผลงานที่ผ่านมาทำให้เพื่อนร่วมงานยอมรับฝีมือเธออย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนมีฝีมือและมาจากหลากหลายชาติ ทักษะภาษาของเธอคล่องแคล่วขึ้น งานท้าทายสมใจอยาก น้องคนไทยชวนเธอไปกินข้าวกล่องด้วยกันในห้อง ได้พูดคุยหัวเราะมุกแบบไทยๆ ทำให้เธอหายเหงาไปบ้าง สักพักแฟนหนุ่ม ชายชาวเกาหลีของน้องคนนั้น ก็มาพร้อมพิซซ่าถาดใหญ่ ทั้งคู่ทักทายกันอย่างยิ้มแย้ม แม้จะไม่ได้ไล่ แต่เหมี่ยวรู้สึกว่าเธอไม่ควรอยู่ในห้องนั้นอีกต่อไป 

 

ภาพตัดไปเห็นเหมี่ยวกำลังรอคิวเข้าห้องน้ำ ไม่ว่างสักห้อง ได้ยินเสียงงึมงำบางอย่างออกมาจากห้องหนึ่ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกมา และพบว่ามีหนุ่มสาวชาวต่างชาติสองคนเดินออกมาจากห้องน้ำเดียวกัน ทั้งสองคนเห็นหน้าอึ้งๆ ของเหมี่ยวและหัวเราะ ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจ 

 

กลางดึก / เสียงทุบประตูดังลั่น กระชากเธอให้ตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใครบางคนตะโกนอยู่หน้าห้อง บิดลูกบิดพยายามที่จะเข้ามาในห้องของเธอ เธอหายใจไม่ทั่วท้อง ตั้งสติ ก่อนจะเดินออกไปมองลอดตาแมวที่ประตู ชายชาวอเมริกันคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักยืนอยู่ตรงนั้น เธอถามออกไป คุณต้องการอะไร ฝรั่งคนนั้นตะโกนเรียกให้เธอออกมา ตอบมา อแมนด้า ฉันไม่ได้ชื่ออแมนด้า เธอตอบ แต่ชายคนนั้นไม่ฟัง เอาตัวกระแทกประตูครั้งแล้วครั้งเล่า จนเธอต้องผงะถอยหลังออก ได้แต่ตะโกน ออกไป อย่าเข้ามานะ กูไม่ได้ชื่ออแมนด้า ประตูหลุดผลัวะเข้ามา ชายคนนั้นอยู่ตรงหน้าของเธอ ท่าทางเมาไม่ได้สติ มองเธอด้วยความโกรธ ตะโกนลั่น อแมนด้าอยู่ที่ไหน ประตูห้องตรงข้ามเปิดออก หญิงสาวเชื้อสายจีนคนหนึ่งชะโงกออกมา แล้วรีบวิ่งมาหาชายคนนั้นบอกว่า ผิดห้องแล้วมึง ลากร่างชายคนนั้นเข้าห้องของเธอ พลางขอโทษเหมี่ยวที่ยังคงใจสั่น เหมี่ยวเดินไปปิดประตูห้อง กล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะกลับไปนอนที่เตียง แน่นอนว่านอนไม่หลับทั้งคืน

 

ไบรอันหนุ่มร่างใหญ่เคราครึ้ม ชอบสวมเสื้อยืดสีดำลาย Harley Davidson สวมบู๊ตหนังยาวหุ้มแข้ง เรียกว่าเป็นผู้ชายตามแบบฉบับที่ขี่มอเตอร์ไซค์คันโตทุกประการ แต่การที่เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้เกิดปัญหากับลูกค้าและแก้มันได้สำเร็จ นอกจากจะทำให้คนในทีมชื่นชมเขาแล้ว ยังทำให้เหมี่ยวแอบทึ่ง และเมื่อเขามาชวนเธอไปกินข้าว เธอจึงไม่ปฏิเสธ 

 

ที่ผ่านมาแม้จะมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาพยายามจีบเธออยู่บ้าง แต่เหมี่ยวก็ไม่เคยสนใจจะเสียเวลากับเรื่องพวกนี้มาก่อน และเพราะอะไรก็ไม่รู้ เธอไม่ปฏิเสธไบรอัน อาจเป็นเพราะสายตาขี้เล่นอบอุ่นที่ขัดกับเคราครึ้มบนหน้า หรือความประทับใจในการใส่ใจรายละเอียดของเขา หรืออาจเป็นเพราะเหตุการณ์อแมนด้ากูอยู่ไหนในคืนก่อน ที่ทำให้เธอคิดว่าเธอควรมีใครสักคน 

 

ภายในร้านอาหาร ไบรอันเลือกจองร้านมื้อค่ำแสงสลัวแบบที่เราเห็นในหนัง ร้านแบบที่เหมี่ยวไม่เคยคิดจะมาทาน เขาถามเธอว่าอยากกินอะไร แต่ก็เป็นคนตัดสินใจเลือกจานที่เขาคิดว่าดีที่สุดให้เธอ ไวน์ที่ดีที่สุดสำหรับเธอ รู้สึกได้ว่าเขาใส่ใจ ทำการบ้านมาอย่างดี แต่ก็น่าอึดอัด ตลอดมื้อค่ำเขาพยายามปล่อยมุกตลกแบบฝรั่ง มุกตลกแบบที่เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็พอจับจังหวะได้ว่าควรจะหัวเราะตอนไหน เธอแอบเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือแบบไม่ให้เขาสังเกตได้ เดตแรกเธอก็รู้ตัวแล้วว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย นึกไม่ออกว่าเขาทำอะไรผิด แต่อาจจะเป็นเพราะการที่เขาเฝ้าพูดถึงแม่ที่เขาเป็นคนดูแล ไม่ต่างจากการที่แม่สำคัญที่สุดในชีวิตเหมี่ยว ทำให้เธอยังใจอ่อนให้โอกาสเขา หรือให้โอกาสตัวเอง ก็ไม่แน่ใจ 

 

ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมี่ยวปล่อยตัวเองไปกับเขา ดูหนัง เดินเที่ยว ปล่อยให้เขาเลือกอาหารให้เธอ ร่วมทีมกันทำงานบ้าง แข่งกันในงานบ้าง และคอยปลอบใจเขาในเวลาที่เธอทำได้ดีกว่า เธอปล่อยให้เขาพาไปนั่งอยู่ท่ามกลางคนหลายพันในสนามแข่งบาสเกตบอลที่เต็มไปด้วยฝรั่งร่างใหญ่ ตะโกนเชียร์กีฬากันเย้วๆ ดูมีความสุขเหลือเกิน แต่เธอคิดถึงห้องของตัวเองมากกว่า ถึงจะเป็นห้องที่มีแต่เรื่องแย่ๆ หลายอย่างก็ตาม เธอพยายามบอกกับตัวเองว่า เอาน่ะ การมีใครสักคนอยู่ข้างๆ บ้าง ก็ยังดีกว่าการไม่มีใครมั้ง สุดท้ายเธอปล่อยให้ตัวเองซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันโตของเขา ให้เขาพาไปเดิน Hiking บนเขา นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอตอบตัวเองได้ว่าเธอชอบกิจกรรมนี้ ชอบที่ตัวเองได้อยู่เงียบๆ ท่ามกลางภูเขา ต้นไม้ และธรรมชาติขนาดมหึมา

 

เป็นเวลาเช้า / ฟ้าสว่างแบบที่ 8 โมงกว่าควรจะเป็น เหมี่ยวเดินลงจากอพาร์ตเมนต์ของเธอ รีบเร่ง เธอตัดสินใจเดินลัดทางตรอกเล็กๆ ด้านข้าง แทนที่จะเป็นทางติดถนนด้านหน้าเหมือนเคย แบกกระเป๋าๆ ทั้งๆ ที่มีแล็ปท็อปและข้าวของต่างๆ บรรจุอยู่ภายใน เช้าที่เงียบ อากาศดี ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่ง เธอเห็นชายผิวดำรูปร่างสูงผอมเดินสวนมาจากทางข้างหน้า สายตาเขามองมาที่เธอและเสไปมองทางอื่น รู้สึกได้ทันที อะไรสักอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ระยะใกล้เกินกว่าจะหันหลังกลับ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต ก่อนจะเลี้ยวเข้ามาประชิดตัวเธอ เธอผงะจะถอย แต่บางอย่างในกระเป๋าเสื้อนั้นชี้มาที่เธอแล้ว เขาบอกให้เธอหยุด เธอหยุด หยุดแทบจะหยุดหายใจไปด้วย เขาสั่งให้เธอส่งกระเป๋าของเธอมา เธอทำตามอย่างว่าง่าย เขารับมันและพร้อมจะวิ่งออกไป เธอได้สติและร้องขอแล็ปท็อปของเธอ งานทั้งหมดอยู่ในนั้น เขาหยิบมันออกมาและโยนมันลงไปกับพื้น ก่อนที่จะวิ่งหนีไป เธอรีบคว้าแล็ปท็อปของเธอขึ้นมา โชคดีที่มันยังไม่บุบสลาย รีบลุกขึ้น วิ่งตามไป พลางร้องให้คนช่วย มีผู้ชายแถวนั้นได้ยินเสียงแล้ววิ่งตามไป แต่ชายผิวดำลับตาจากหัวมุมตึกไปแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย เธอพึ่งรู้สึกตัวว่าเธอกลัวแค่ไหน มือสั่น ปากสั่น เธอพบตัวเองอยู่ที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ สติยังไม่อยู่กับตัว ก่นด่าตัวเองในใจ มันอาจเป็นแค่โจรกระจอกแท้ๆ ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตนั่นใช่ปืนจริงหรือเปล่า หรืออาจเป็นเพียงปากกาหรือนิ้วง่อยๆ ของมัน 

 

กลับไปนอนที่อพาร์ตเมนต์ น้องร้านอาหารไทยมาถามไถ่ด้วยความห่วงใย ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น เธอ Skype เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่สาวด้วยน้ำตา พยายามหัวเราะเยาะตัวเองให้ดูไม่ซีเรียส และย้ำนักย้ำหนาไม่ให้บอกเรื่องนี้กับแม่ กลางคืน เธอนอนลืมตาโพลงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตตุงๆ ชี้มาทางเธอ เธอจินตนาการภาพตัวเองขัดขืนขายคนนั้น และกระสุนก็พุ่งผ่านกระเป๋าเสื้อนั้น ทะลุเข้ามายังร่างของเธอ เธอนอนหงายเลือดอาบเพียงลำพังในตรอกเล็กๆ นั่น ก่อนที่จะสะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้าย คืนแล้วคืนเล่า เธอยังคงสะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้ายที่มีภาพตัวเองนอนตายเดียวดายในตรอกนั้น แล้วร้องไห้ออกมา เธอยังคงนอยด์กับการเดินสวนคนผิวสีอีกนานนับหลายเดือน ไม่สามารถวางใจ Homeless ที่เดินอยู่เกลื่อนถนนในเมือง ทุกวันเธอยังคงออกไปทำงานและมองทางที่จะเลี้ยวไปตรอกเล็กๆ นั่นอย่างหวาดกลัว ที่ทำงาน ไบรอันเข้ามาปลอบใจ บอกว่าเธอควรจะย้ายเข้ามาอยู่กับเขา เขาจะเป็นคนดูแลเธอเอง ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ต้องการคนดูแล ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันต้องการที่ที่มันปลอดภัยกว่านี้ 

 

เธอเริ่มมองหาที่อยู่ใหม่ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาศึกษาการมีอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิด ทั้งๆ ที่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน วิกฤตเศรษฐกิจที่สหรัฐอเมริกา ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยต่ำลงจนอยู่ในระดับที่เธอสามารถเอื้อมถึง บานประตูเปิดออก เหมี่ยวเดินเข้าไปในห้อง 503 พร้อมกับนายหน้า มันเล็กกว่าที่เก่า แต่ก็เป็นห้องใหม่ พื้นปูนสีเขียวตุ่นทำให้มันดูแคบตามความเป็นจริง ครัวบิลด์อินปูเต็มฝั่งตรงข้าม ห้องน้ำกินพื้นที่มากกว่าความต้องการ รวมทั้งหมดไม่ใหญ่ไปกว่าห้องในโรงแรมเล็กๆ เสียงบรรยายสรรพคุณจากนายหน้าดังคลอการพิจารณา ราคานี้ได้ทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม อยู่ย่านใจกลางเมือง ข้างล่างคอนโดฯ มีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นี่คือข้อเสนอที่เธอหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว 

 

ภาพตัดมา กล่องสัมภาระต่างๆ กองอยู่ในห้อง อยู่อเมริกามาหลายปีแล้ว แต่พอย้ายที่อยู่ เธอพบว่าสัมภาระของเธอไม่ได้มากมายนัก พื้นที่เล็กๆ แค่ 30 ตารางเมตรต้นๆ  เท่านี้ก็พอที่จะเป็นพื้นที่ของฉันจริงๆ ห้องของฉัน ห้องน้ำของฉัน ฉันเป็นเจ้าของ ไม่ได้เช่าใคร แน่นอนว่าฉันจะต้องผ่อนมัน มันจะกลายเป็นภาระ แต่เป็นภาระที่ฉันเลือกเอง รู้สึกถูกโฉลกกับห้องนี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นห้องที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยอยู่มา เธอยังคงไม่วางใจกับการใช้ชีวิตข้างนอก เหตุการณ์วันนั้นทำให้เธอต่อรองกับทางบริษัท ที่จะขอทำงานจากที่พักของเธอ และส่งงานออนไลน์ ถึงวันที่เทคโนโลยีสามารถวิดีโอคอลมีตติ้งที่ไหนก็ได้ จริงๆ เธอน่าจะทำอย่างนี้ได้ตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาคิดออก ตัวงานทุกอย่างทำอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องเดินทางไปออฟฟิศทุกวันแม้แต่น้อย ด้วยผลงานที่ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งของเธออยู่ในระดับซีเนียร์ จึงไม่ยากที่บริษัทจะตกลงยินยอมกับข้อเสนอของเธอ 

 

พื้นที่ที่เธอใช้ในการมีชีวิตเล็กลงตามห้องที่เธออยู่ เธอพอใจที่จะใช้เวลาวนเวียนอยู่ในห้องพัก 503 เธอตื่นเต้นกับด่านใหม่ๆ ในการงานน้อยลงเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว เธอค้นพบว่าการจัดการชีวิตตัวเอง อาจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่า ตื่นเช้าลุกขึ้นมาจากเตียงนอนมานั่งทำงานกับแล็ปท็อปบนโต๊ะเล็กๆ มักทำให้สมองเธอแล่นและทำงานได้ดี อาบน้ำแต่งตัว ลงไปหาอาหารกินข้างนอกบางมื้อ ซื้อของแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างมาอุ่นกินบ้าง ไปเรียนโยคะบางเวลาที่มุมถนนถัดไป ทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ กับคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง กลับมาทำงานต่ออย่างมีสมาธิ ไม่นอนดึกจนเกินไป กลายเป็นว่ายิ่งจัดการเวลาได้ลงตัวยิ่งขึ้น งานของเธอก็ยิ่งก้าวหน้าขึ้น 

 

ไบรอันยังคงพยายามแวะเวียนเข้ามาในชีวิตเธอ เป็นเพื่อนที่ดีในวันที่เธอเหงา เธอใจอ่อนแม้กระทั่งไปหาแม่ของเขาที่บ้านอยู่ครั้งสองครั้ง ยอมตามใจแม้ในวันที่อยากอยู่คนเดียว 

 

จนกระทั่งวันที่เขาขอเธอแต่งงาน เธอรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้เขาเข้ามาในชีวิตนานเกินไป เพียงเพราะไม่อยากทำลายความรู้สึกของเขา ความเงียบของเธอแทนคำตอบได้อย่างชัดเจน สายตาไบรอันผิดหวัง เธอไม่สามารถชดเชยอะไรได้มากกว่านี้ การที่เธอเลือกทำงานอยู่แต่ในห้อง ที่ทำให้เธอชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น เธอพึงพอใจกับชีวิตที่ไม่ต้องการใครอีกคนเข้ามาเป็นเงื่อนไข และการที่เธอทำงานอยู่แต่ในห้องอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ไบรอันค่อยๆ หายไปจากชีวิตของเธอในที่สุด 

 

เมื่อถึงตอนนี้เธอเริ่มมีความจัดเจนในการใช้ชีวิตลำพังมากขึ้น แอปพลิเคชันวีดอมปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอลงทะเบียน เข้าไปที่หน้ากิจกรรมต่างๆ คลาสเรียนทำขนม คลาสพิลาทิส หาเพื่อนร่วมเดิน Hikingในพาร์กสุดสัปดาห์ เธอลองร่วมกิจกรรม เข้าไปดูโปรไฟล์ของคนที่มาเลือกกิจกรรมนั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจทักไป Hi แอปพลิเคชันนี้ทำให้เธอค้นพบเพื่อนใหม่ๆในกิจกรรมต่างๆ เธอเริ่มออกไปพบปะผู้คนบ้าง บางคนเจอกันหนเดียวก็เกินพอ บางคนเหมาะแค่ทำบางกิจกรรม บางคนอัธยาศัยดีพอที่จะเป็นเพื่อนกันต่อในเรื่องอื่นๆ ของชีวิต ผู้คนเข้าออกในชีวิตของเธอ มิตรสหายที่พอจะมีระยะห่าง ไม่ได้แชร์ทุกสิ่งอย่าง ทุกความรู้สึก เธอยังไม่เจอใครที่สนิทพอจะเชื้อเชิญเข้ามาในพื้นที่ของเธออีก แต่เธอก็พอใจที่จะเป็นแบบนี้ 

 

เสียงต่อสัญญาณไลน์ดังขึ้น ภาพวิดีโอคอลปรากฏ พี่สาวของเธอรับสาย กำลังวุ่นอยู่กับเจ้าตัวเปี๊ยกทั้งสอง เหมี่ยวยิ้มแป้นบอกข่าวดีเสียงดัง สัปดาห์หน้าจะกลับแล้วนะ  การมาถึงของไลน์ทำให้เธอสามารถวิดีโอคอลกับครอบครัวได้อย่างเสถียรกว่าเดิม และมันเสถียรพอที่มันจะยื่นข้อเสนอโควตากลับเมืองไทยได้นานถึง 3 เดือน บริษัทโอเค ตราบใดที่เธอยังสามารถประชุมและส่งงานจากที่นั่นได้ ล้อของเครื่องบินแตะลงตรงพื้นรันเวย์อีกครั้ง ใบหน้าของเธอปะทะลมร้อนตอนที่เดินออกมาจากตัวเครื่อง ลมร้อนที่เธอคุ้นเคยมา 30 ปี แต่พอห่างไปนานๆ มันกลับกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมกว่าที่เธอคิด ประตูเลื่อนเปิดออก แม่และครอบครัวพี่สาวยืนชะเง้อรออยู่อีกฝั่ง ภาพที่เหมือนของขวัญที่เธอรอคอย การสวมกอดทั้งน้ำตา แต่ต่างอารมณ์ไปจากวันที่จากลา หลานสาวทั้ง 2 คนตัวโตขึ้นมากจนเธออุ้มไม่ไหวแล้ว กระเป๋าเดินทางถูกกางออกคาไว้ ข้าวของถูกรื้อออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง ในครัวแม่ของเหมี่ยวทำอาหารไว้รอต้อนรับแล้ว อาหารไทยรสมือแม่ที่ห่างจากลิ้นของเธอมานานทำให้เธอกินได้มากกว่าปกติ การได้กลับมานอนกับแม่อีกครั้ง ได้นอนกอดแม่อีกครั้งคือสิ่งที่เธอโหยหา และคิดถึงมาตลอดหลายปี แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น ไม่ต้องรอให้เธอหาย Jet Lag งานของเธอก็ต้องเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่งเวลาไทย และไปจบเอาตอน 8 โมงเช้า เสียงกรนของแม่ แอบรบกวนโสตประสาทของเธอในการทำงาน แต่เงียบเกินไปก็ไม่ดี เธอพยายามสร้างบรรยากาศไม่ให้ตัวเองหลับไปเสียก่อน ต้องทำทุกอย่างเบาๆ เปิดเพลงเบาๆ ขยับตัวเบาๆ กลัวว่าแม่จะตื่น พอถึงวันที่ต้องมีประชุม เธอก็ยกธงยอมแพ้ ยอมย้ายไปทำงานที่ห้องอื่นแทน ในห้องทำงานของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวของที่ใครต่อใครมาโยนกองไว้ ห้องของเธอไม่ใช่ห้องของเธออีกต่อไปแล้ว กลายเป็นเพียงห้องเก็บของ เธอต้องแหวกหาพื้นที่เพื่อที่จะใช้ทำงาน เธอทำงานในความมืด ไม่ส่งเสียงดังโดยไม่จำเป็น เพลงไทยที่เธอไมได้ฟังมานานดังเบาๆ คลอค่ำคืนแห่งการทำงาน ในขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว 

 

การกลับมาบ้านไม่ยักจะช่วยให้เธอได้นอนกอดแม่อย่างที่ฝันไว้ ตอนเช้า เธอเข้านอนในตอนที่แดดกำลังส่องจากทางหน้าต่างมากระทบที่ตาของเธอ ต้องปิดม่านให้มืดที่สุด เสียงคนในบ้านเคลื่อนไหวมีชีวิตตามปกติ แต่รบกวนไม่ให้เธอข่มตาลงได้ เธอนอนบิดไปมา เอาหมอนมาอุดหูตัวเองและหลับไปได้ในที่สุด เสียงกรนระงม ไม่ทันบ่ายโมงก็ต้องสะดุ้งตื่นจากเสียงเคาะตะหลิวทำอาหารในครัว จะนอนต่อไปก็ไม่ไหว เมื่อลงมาชั้นล่าง เห็นอาหารที่แม่ทำเตรียมไว้ให้ มันก็คุ้มแหละที่จะตื่น 

 

ภาพถ่ายด้วยกล้องอย่างแฮนด์เฮลด์ช้าๆ จากช่วงเวลาที่เหมี่ยวใช้ชีวิตกลางวัน ราวกับคนละเมอ หัวชาๆ เดินตัวลอยๆตลอดเวลา เธอพยายามออกไปไหนต่อไหนกับครอบครัวพี่สาวและแม่ พยายามใช้ชีวิตตามเวลาปกติร่วมกับทุกคนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะง่วงแค่ไหน ฝืนออกไปกินข้าวร้านอร่อยๆ กับครอบครัว ทั้งที่ตาจะปิด ตัดสลับกับการทำงานกลางดึกเพียงลำพัง ซื้อของเล่นเสื้อผ้าให้หลานๆ ตัดสลับกับรูดม่านปิดในยามเช้า พาแม่ไปรอคิวหมอแผนโบราณโดยที่เธอนั่งสัปหงก ตัดสลับกับการทิ้งตัวนอน ใส่หน้ากากปิดตา 

 

ที่แผนกซูเปอร์มาร์เก็ต ล้อของรถเข็นค่อยๆ ขยับไปทีละนิด เธอค้นพบว่าการเคลื่อนที่ให้มันผ่านไปแต่ละช่องประเภทสินค้าเป็นไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน แม่ของเธอหยุดเลือกของนั่นนี่แทบจะทุก 2 เมตร โดยเฉพาะแผนกของสด ของสดที่แม่จะเอากลับไปปรุงเป็นอาหารให้เธอกินแท้ๆ เธออดรู้สึกไม่ได้ว่าทุกอย่างมันเชื่องช้ากว่าสปีดที่เธอคุ้นเคยจริง

 

เธอเริ่มคิดถึงการกลับไปที่นั่น พื้นที่เล็กๆ ของเธอ ช่วงเวลาที่เธอจะได้เป็นอิสระอีกครั้ง เธอเสพติดการมีชีวิตอยู่คนเดียวไปแล้ว 

 

เหมี่ยวนอนมองแผ่นหลังของแม่ที่ยังคงนอนตะแคงหันหลังให้เธอ ไม่ต่างจากหลายปีที่แล้ว เธอรู้ว่าแม่ยังไม่หลับ เผลอแป๊บเดียว เหลือแค่อีกหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องกลับไปที่นั่นแล้ว ทุกอย่างกลับเข้าไปสู่ลูปเดิมอีกครั้งอย่างน่าใจหาย แม่ของเธอเงียบลง ต่างคนต่างรู้ว่าใกล้จะถึงวันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ตอนอยู่ที่นั่นเธอนึกมาตลอดว่าการกลับมาบ้าน คือการกลับมาสู่ที่ที่เป็นของเธอ แต่ในที่สุดมันก็ไม่ใช่ ถ้าแม้แต่บนเตียงที่ได้นอนกอดแม่ตอนนี้ มันก็ยังไม่ใช่อย่างที่คิด แล้วที่ของเธอคือที่ไหน มีบางครั้งที่ภาพของเธอนอนเสียชีวิต ลำพังย้อนกลับเข้ามาในความคิด บางทีพื้นที่ของเธอ อาจจะกินพื้นที่ไม่ถึง 2 ตารางเมตร ตามขนาดโลงศพ

 

แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นอีกครั้ง การสวมกอด ร้องไห้ร่ำลาที่สนามบิน การเสียน้ำตาบนเครื่อง เธอกลับมายืนที่หน้าห้องของตัวเองอีกหน ไขกุญแจเปิดประตู ภาพที่เห็นไปแล้วเมื่อต้นเรื่อง พาร่างกลับมาสู่พื้นที่ของเธอเองสมใจอีกครั้ง น้ำตาและความเหงาจุกในคอ โหวงว้างว่างเปล่า รอต้อนรับเธออย่างคุ้นเคย 

 

เธอเริ่มต้นแกะกระเป๋า เอาของออกมาจัดเก็บ แยกเสื้อผ้าที่ต้องซัก หยิบแล็ปท็อปออกมาเปิดเช็กงานที่ตัวเองต้องทำ เช็ดน้ำตาที่หยดเปื้อนบนคีย์บอร์ด ที่นั่นก็ไม่ใช่ที่ของเธอ กลับมาที่นี่แล้ว ก็ยังไม่ใช่อีกเหรอ 

 

เธอเริ่มกิจกรรมต่างๆ ที่จะเอามาถมความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น ตารางชีวิตของเธอดำเนินไปอย่างหงอยเหงา ร้องไห้ทุกคืนตลอดทั้งเดือน งานทำให้เกมด่านใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง แม้ไม่น่าตื่นเต้นเท่าเมื่อก่อนแต่ก็ทำกิจกรรมใหม่ๆ สุดสัปดาห์แทรกเข้ามา ธุระปะปังจิปาถะ เริ่มศึกษาอาหารออร์แกนิกที่จะช่วยรักษาสุขภาพเพื่อฆ่าเวลา 1 วันหมดไป วันถัดมาก็หมดไป หมดไปทีละวัน และทุกอย่างก็ค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง กลางคืนเธอไม่ร้องไห้อีกต่อไป อย่างอัตโนมัติ เธอค่อยๆ เรียนรู้ที่จะพบว่าทุกอย่างเกิดขึ้นหมุนวนซ้ำเดิมอีกครั้ง ปีแล้วปีเล่า เรียนรู้ที่ทุกเช้าตื่นขึ้นมาจากฟูกที่นอน เพื่อนั่งทำงานบนโต๊ะเล็กๆ ออกไปฟิตเนสสัปดาห์ละ 3 วัน นัดเพื่อนแปลกหน้าออกไปเดิน Hiking บนเขาเดือนละครั้ง ได้โควตากลับบ้านปีละ 3 เดือน เรียนรู้ว่างานไม่ใช่เรื่องท้าทายในชีวิตอีกแล้ว เรียนรู้ว่าแม่แก่ลงทุกปีที่เจอกัน หลานสาวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนความสูงกำลังแซงหน้าเธอไป เรียนรู้ที่จะร้องไห้ปีละ  1 เดือนหลังจากกลับจากเมืองไทย เธอเริ่มเรียนรู้ความหมายของที่ที่เป็นของเธอ 

 

ที่ของเธออาจจะไม่ใช่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งในโลก ไม่ใช่ตลอดไป แต่เป็นเพียงบางช่วงเวลา ไม่ใช่ความรู้สึกตอนอยู่กับผู้คน แต่เป็นความรู้สึกตอนอยู่กับตัวเอง ที่ของเธอ อาจหมายถึงอาณาเขตพื้นที่เล็กๆ ในห้อง 503 แต่ก็อาจจะรวมไปถึงทุกย่างก้าว ที่เธอย่ำไปอย่างเงียบสงบ เวลาที่เธอไปเดินเขาอันกว้างใหญ่ ที่ของเธอคือการได้นั่งกินแซนด์วิชเย็นๆ และพูดกับมันเพื่อไม่ให้รอบตัวเงียบจนเกินไป หรือการเข็นรถเข็นตามแม่ในซูเปอร์มาร์เก็ตเวลาที่กลับมาเมืองไทย ที่ของเธอคือทั้งค่ำคืนที่ไม่มีแผ่นหลังของใครให้มอง และค่ำคืนที่มีแม่นอนกรนอยู่ตรงหน้า ที่ของเหมี่ยวจะอยู่ที่ไหนอาจไม่สำคัญ ทั้งอยู่คนเดียว ทั้งอยู่กับคนอื่น เรามีพื้นที่ของตัวเองบ้าง ถูกคนอื่นยึดไปบ้าง ตามใจตัวเองบ้าง ถูกเหนี่ยวรั้งบ้าง ปลดปล่อยบ้าง มีภาระบ้าง ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เราก็ยังต้องผูกโยงกับผู้คน อิสรภาพที่ไร้ผู้คนผูกโยงไว้ อาจเป็นอิสรภาพที่เปลี่ยวเหงาเกินไป 

 

เสียงต่อสัญญาณไลน์ดังขึ้นอีกครั้ง และเมื่อได้ยินเสียงอีกฝั่งรับสาย เธอก็เรียนรู้ว่า มันเป็นเสียงที่ทำให้เธอมีความสุข

 

ฮัลโหลเหมี่ยว เป็นไงบ้างลูก 

 

วินาทีนั้น นั่นก็เป็นที่ของเธอ

 


 

Credits

 

Director & Script Writer คงเดช จาตุรันต์รัศมี

Narrator ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย

Episode Producer ภัชุพรรณ บุญจันทร์

Editor & Sound Engineer กิตติธัช ตระกูลไตรรัตน์

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Show Producer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Proofreader พรนภัส ชำนาญค้า

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

FYI
  • Somewhere I Belong ที่นี่ที่ของเรา สนับสนุนโดย บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และนวัตกรรมการอยู่อาศัย เพราะเอพีเข้าใจความสุขในทุกรูปแบบของชีวิต
  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising