×

Somewhere I Belong ที่นี่ที่ของเรา EP.4 คบเด็กซื้อบ้าน

22.11.2019
  • LOADING...

กำกับพอดแคสต์โดย ธนชาติ ศิริภัทราชัย

สร้างจากเรื่องจริงของ กตัญญู สว่างศรี, ภากร จุ่งรุ่งเรือง และป๊อปปี้-รัชพงศ์ อโนมกิติ

 

เราจำเป็นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไหม? เบ๊น ธนชาติ ชายหนุ่มวัย 30 กำลังถามตัวเองด้วยความสับสน เพราะใครๆ ก็บอกว่า การมีบ้านคือการมีหนี้ก้อนใหญ่ เขาจึงเลือกคุยกับผู้ชาย 3 คนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ตัดสินใจออกไปมีพื้นที่ของตัวเองมาก่อนหน้า ทุกคนพูดตรงกันว่าเราไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ดีหรือร้ายอย่างไรจนกว่าเราจะได้ออกไปเจอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า และคำตอบเหล่านั้นก็ทำให้เขารู้ความต้องการของตัวเองชัดเจนมากขึ้น

 


 

ผมชื่อเบ๊น ธนชาติ ครับ ผมเป็นนักเขียนและผู้กำกับโฆษณา ผมเป็นคนที่มีชีวิตดี และมีทัศนคติในแง่บวกครับ เป็นคน Productive และมี Growth mindset และหมั่นตรวจสอบเป้าหมายของชีวิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ผมยังมีบ้านที่ดีและน่าอยู่ครับ บ้านของผมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร อยู่บนถนนราชพฤกษ์ ราคา 15-30 ล้านบาท แม้หลังของผมจะราคา 15 ล้านบาท และดูจนที่สุดในหมู่บ้าน แต่ชีวิตผมก็ค่อนข้างพอใจครับ บ้านของผมเป็นทรงโมเดิร์น ตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สแกนดิเนเวียน ปูพื้นด้วยไม้จริงจากรัฐ Oregon พื้นที่หลังบ้านทำเป็นบ้านดินเล็กๆ สามารถ ออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งได้ ทุกเช้าผมจะตื่นมาทำสแมชอโวคาโดแซนด์วิช และกาแฟ Cold brew จากเมล็ดพันธุ์ Single Origin จากนั้นก็นำมากินแกล้มระหว่าง เปิดอ่านนิตยสาร Monocle เพื่ออัพเดทเทรนด์ Digital Disruption ของโลก นี่แหละครับ Somewhere I Belong ของผม ที่ที่ผมมีความสุข ที่ที่ผม belong และก่อนจบพอดแคสต์ตอนนี้ ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขเหมือนผมครับ สวัสดีครับ 

 

เนี้ย! ผมก็อยากให้พอดแคสต์ตอนนี้ มันชิกๆ อภิรมย์เหมือนคนอื่นเหมือนกัน แต่ความจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยครับ ความจริงแล้วก็คือ Somewhere I Belong ของผม ตั้งอยู่ข้างๆ  ชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในฝั่งธนครับ ก็เป็นบ้านของอาโกวที่ผมอยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็กน่ะครับ แน่นอนว่าภายในมันก็น่ารัก อบอุ่น และคุ้นเคย แต่ภายนอกรอบด้านก็วุ่นวาย โกลาหล และน่าขัดใจอยู่ เป็นครั้งคราว เพื่อให้เห็นภาพนะครับ นี่คือเสียงจริงที่ลอดออกมาในห้องผมครับ 

 

(เสียงคนทะเลาะกัน)

 

อันนั้นเสียงสามีภรรยาข้างบ้านเขาทะเลาะกันครับ และบางวัน

ก็มีเสียงรถพุ่มพวง ที่ประกาศวนลูปอยู่หน้าบ้านด้วย

 

(เสียงประกาศ)

 

แถมบางทีก็มีคน Super Productive ตื่นขึ้นมาต่อเติมกันสาดในตอนเช้าวันอาทิตย์อีกด้วย

 

(เสียงซ่อมบ้าน)

 

และไม่ใช่แค่เสียงดังเท่านั้นนะครับ ที่กระเด็นผ่านรั้วบ้านผมเข้ามา บางวันก็มาในรูปแบบเศษอาหาร ที่ถูกเทจากหน้าต่างบ้านข้างๆ บางวันเป็นขวดใส่ปัสสาวะ บางวันเป็นซากถุงยาง บางวันมีเสียงปืน หลายคืนมีเสียงรถหวอ หนักสุดคือบ้านผมเคยโดนคนกระโดดเข้ามาในบ้าน สามสี่ครั้งแล้วครับ เขาไม่ได้เป็นโจรเข้ามางัดอะไรหรอกฮะ เขาแค่ปีนเข้ามาในบ้าน ที่ใช้เป็นทางผ่านในการหนีตำรวจเข้ามากวาดล้างยาเสพติด 

 

พอมีเพื่อนบ้านแบบนี้ ผมกับอาโกวก็ต้องหาวิธีป้องกัน พวกเราเสริมกำแพงบ้านให้สูงขึ้น โดยติดไม้ระแนงและลวดหนามขึง ติดกล้องวงจรปิด และไฟอัตโนมัติส่องเมื่อมีคนเดินผ่านตอนกลางคืน มีปุ่มสัญญาณฉุกเฉินที่แผดเสียงดังไปถึงปากซอย และในบ้านก็เลี้ยง หมาเพิ่มอีก 3 ตัว ซึ่งพอทำทั้งหมดนี้แล้วเนี่ย มันก็อุ่นใจดีครับ แค่ว่าตื่นมาตอนเช้า ก็คิดว่าตัวเองตื่นในเรือนจำคลองเปรม และได้หัวข้อพอดแคสต์นี้ ร่อนออกมาจากนอกกำแพง ผมก็ยิ่งสงสัยว่า ทำไมบ้านที่ผมอยู่ มัน belong ประหลาดๆ วะ แบบนี้มันก็ควรจะเป็น Somewhere I Belong ปะวะ มันควรจะเป็น Somewhere I should not belong ปะวะ นี่คือความน่ากลัว คือการที่เรารู้สึกสนิทสนมกับความไม่โอเค นานเข้าๆ จนเรารู้สึกว่าโอเค อันนี้กับทุกเรื่องนะ เช่น งานที่เราทำไปอย่างนั้นๆ ความสัมพันธ์ที่ก็ไม่ Healthy พอชีวิตผมเป็นแบบนี้แล้วเนี่ย มันก็ต้องหาเพื่อนร่วมชะตากรรม ซึ่งพอคิดไว้แล้วเนี่ย กตัญญู สว่างศรี คือคนที่โผล่ขึ้นมาคนแรก 

 

กตัญญูเป็นสแตนด์อัพคอเมดี้ เป็นพิธีกร และก็เป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง แล้วยูเนี่ยก็เป็นคนที่มีอดีตไม่ได้ต่างจากผมนักเลย คือแต่ก่อนก็อยู่บ้านในย่าน เรียลๆ ลุยๆ ตามสไตล์ชานเมืองกรุงเทพฯ เป๊ะเลย 

 

กตัญญู: จริงๆ มีหลายเรื่องมาก หลักๆ เนี่ยหมู่บ้านเดิมเรา เป็นทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งทาวน์เฮ้าส์นะ นึกภาพ อบอุ่น พูดคุย รู้จักกันทุกคน ในอีกแง่นึง คือเขาก็คุยกันโช้งเช้ง กินเหล้า ตั้งวง เสียงดัง อะไรอย่างเนี้ย ที่หมู่บ้านเนี้ยจะมีลำโพง และก็มีการกระจายเสียง คุณนึกๆ ดูนะ เราทำงานดึกๆ เสาร์อาทิตย์ เช้ามาแม่งมาละ เปิดเพลงอะไรอย่างเนี้ย เปิดเพลง เปิดเพลงทำไมวะ วันเด็กเนี่ยได้ยินละ ปีใหม่ เสียงแหลมๆ แล้วก็จะมีการทำบุญซึ่งออกลำโพงตลอดเวลา แล้วเหตุการณ์มันมีเรื่องนึงที่แบบหงุดหงิดมาก ก็คือ ครั้งนั้นมีการอบรมการเงิน คือเขาจะเอากลุ่มคนที่สนใจไปที่ซอยท้ายหมู่บ้าน แล้วก็พูดคุยกัน สอนกันตรงนั้น แล้ววันนั้นเขาดันสอนผ่านลำโพง แล้วมันเป็นตอนเช้า เรานอนอยู่เราก็แบบ หงุดหงิดเว้ย วันนั้นเราก็เดินลงไป แล้วก็หยิบหนังสือการเงิน เดินไปที่ที่เขาประชุมกัน แล้วก็เดินไปเรียกประธานหมู่บ้านที่เรารู้จักกัน บอกเขาว่า ขอโทษครับ ผมขอคุยด้วยแป๊บนึง หยิบหนังสือมา แล้วก็จำได้เลยก็คือ ไอที่เขาเรียนๆกันอยู่ ก็ต้องหยุด เพราะประธานเดินออกมา แล้วก็มีไอ้หนวดอยู่คนนึง ที่แบบเดินมาด้วยหน้าตาเกรี้ยวโกรธ แล้วก็บอกเขาว่า ผมอ่านหนังสือเชิงเศรษฐศาสตร์ครับ แล้วก็ผมสนใจการเงิน นี่คือหนังสือที่ผมอ่านอยู่ ผมมีความรู้เรื่องนี้อยู่ประมาณนึง แล้วก็ผมใช้เวลาในการเรียนกับมันไม่น้อย แต่ว่าผมไม่ใช้ตอนนอน ตอนนอนผมอยากนอน เพราะฉะนั้นถ้าจะเรียนกันอย่าผ่านลำโพง ให้ผมเรียนตอนนี้เลย ช่วยหยุดหน่อยได้ไหมครับ ผมคิดว่าคนอื่นเขาก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก คุยปล่อยผ่านลำโพงมา มันไม่ได้เรียน มันไม่ได้ตั้งใจกัน ผมคิดว่าขออนุญาตปิดแล้วกัน 

 

ธนชาติ: เนี้ย อุตส่าห์สุภาพแล้ว

 

กตัญญู: คือจริงๆเราคิดว่าเขาคงงงอะ เฮ้ย! นายเป็นอะไรกตัญญู แต่เขาก็ไปปิด แต่ก่อนเขาปิด มีผู้ใหญ่ในหมู่บ้านอีกคนนึง ซึ่งก็รู้เรื่องงาน เขาพูดออกลำโพงเลย เอาล่ะครับ สำหรับการเรียนในวันนี้ก็ อาจจะต้องขออนุญาตปิดลำโพงก่อน  เพราะว่ามีบางคนนั้นไม่พอใจ ที่เราได้เอาความรู้มาแบ่งปัน อู้หูย แดกเราอีก แดกเราทำไม ก็ต้องขอโทษๆ ด้วย ถ้าใครอยากจะได้รับความรู้ดีๆ ก็ให้มากันที่ท้ายซอย 1 ที่หมู่บ้านครับ ใจความประมาณนี้ เราก็หงุดหงิดเหมือนกันนะ แล้วเรารู้สึกว่าเพื่อนบ้านนี่เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต สัตว์ต่างๆ ก็จะติดอยู่กับภพชาติของตัวเอง เราคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกันเลย เวลาที่เราติดอยู่กับพื้นที่ที่เราเคยอยู่มันคุ้นชิน เราไม่รู้หรอกว่าอะไรมันดีกว่า ถ้าเราไม่เคยได้ไปลอง ถ้าเราไม่ได้เคยไปสัมผัสดู เราก็จะอยู่ตรงนั้นได้ มีความสุขอยู่ตรงนั้นได้ เพราะเราปรับตัวได้ เราเก่ง เราเปลี่ยนวิธีคิดได้ แต่พอมาอยู่ที่เนี้ย มันเริ่มย้อนกลับไป และก็เห็นว่า โอ้โห บ้านเดิมแย่ว่ะ ณ ตอนนั้นคือแม่ชวนเลย สิ่งสำคัญที่ทำให้รู้สึกอยากออกไปเลยคือ คือแม่ แม่เป็นคนที่เราสนิทมาก เราก็คุยกันหลายเรื่อง เพราะฉะนั้นแม่เขาก็ มีความฝันอยากจะอยู่บ้านดีๆ เงียบสงบ คือต้องบอกว่า ในหมู่บ้านเราคุยกันหมดเลยนะ เมาท์ไอ้นั่น แต่งผัว นี่มีนู่นนี่นั่น แต่แม่เราเป็นคนเดียวเลยที่ ไม่ไปเมาท์ แต่คืออาจจะรับข้อมูลบ้าง จากวงหวยอะไรของแก ตามประสาชาวบ้าน แต่แม่เราแทบจะไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่คบ คือแกชอบอยู่เงียบๆ สงบ และตอนที่เรามา เราก็รู้สึกว่า เฮ้ย มาดูบ้านน่ะ แม่อยากมา เราก็คิดว่า ชีวิตอะ เวลามันสำคัญเนอะ แม่เราก็แก่ตัวลงเรื่อยๆ 

 

ธนชาติ: แล้วเรารู้สึกยังไงบ้าง

 

กตัญญู: ดีกว่าเยอะ บ้านมันควรเป็นที่ที่สงบอะ มันควรเป็นช่วงเวลาที่แบบสงบ ได้พักผ่อน เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราคิดว่าบ้านมันแยกขาดเนอะ หมายถึงว่า บ้านที่ดี คือ บ้านหนึ่งเดียว แต่พอโตขึ้นมาเราก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อนบ้านเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้มันจะมีอยากออกไปนั่งร้านกาแฟ มันอยากจะออกไปนั่งร้านที่นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลงเพราะๆ แต่ทุกวันนี้มันจะกลายเป็นว่าเราอยากหาเมล็ดกาแฟดีๆ เข้ามา และก็อยากชงที่บ้าน คือมันกลายเป็นว่าเราอยู่บ้านมากขึ้น ชีวิตเปลี่ยนคือเสาร์อาทิตย์ อยากกลับบ้าน อยากอยู่บ้าน สนุกที่จะอยู่บ้านมากขึ้น ชีวิตประจำวันผมเลยเช้ามาต้องแบบ ชงกาแฟ ต้มน้ำร้อน เอาเมล็ดกาแฟเทใส่ เปิดเพลง แล้วก็เปิดเครื่องทำควันของมูจิ คือเราต้องกระแดะนิดนึง มันเป็นไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ 

 

ธนชาติ: จริตดีๆ

 

กตัญญู: เอาจริงๆ แล้วน่าหมันไส้ แต่การถูกหมั่นไส้นั้น ดีกว่าการไปหมั่นไส้คนอื่น เนี่ยย คมคายนิดหน่อย แต่ว่ามันแฮปปี้มากนะ คือบางครั้งเมื่อก่อนเราเปิดทีวี ฟังข่าวตอนเช้า เราคิดว่ายุคนี้มันโชคดี เราเคยเปิดข่าวทิ้งไว้เจอข่าวฆาตกรรม แล้วมันเครียด เราเริ่มต้นชีวิต ด้วยการชงกาแฟ ฟังเพลง ขับรถ เปิดพอดแคสต์ที่มันมีประโยชน์กับเรา ชีวิตมันแบบโคตรดีเลย ได้ทั้งพัฒนาตัวเอง อารมณ์ และก็ความรู้ ความคิด 

 

ธนชาติ: ถึงตอนนี้ผมลองให้กตัญญูพาชมบ้านฮะ ผมก็เดินตั้งแต่ชั้นหนึ่งขึ้นไปถึง

ชั้นสุดท้ายเลยฮะ ซึ่งมันก็สวยตามที่มันพูดจริงๆ แหละ มีความคุมโทน ถึงขั้น OCD แฝงอยู่เรื่อยๆ ผมชวนคุยเรื่องการตกแต่งฮะ คืออยากรู้ว่า ทำไมมันต้องจัดเต็มขนาดนี้

 

กตัญญู: เราว่าความสวยมันชุบชูใจ ทุกๆ วันที่เราเข้าห้องน้ำ เรามองไปแล้วมันเพลิดเพลิน หรือว่าเราลงไปนั่งข้างล่าง ที่เราวางโต๊ะใหญ่ๆ แล้วมันเหมือนแบบ เรานั่งอยู่ในคาเฟ่ที่เปิดเพลงเพราะๆ มันมีป้ายโฆษณาอันนึง ของ AP นี่แหละ ที่เราชอบมาก อันนี้เป็นตั้งแต่เด็กแล้ว เราเริ่มต้นอย่างนี้ คือเราเคยไปทำงานร้านหนังสือ ที่เมืองปาย แล้วหัวหน้าตอนนั้นให้เงินมา 5,000 บาท แล้วบอกว่าซื้ออะไรเข้าร้านก็ได้ ยกเว้นของที่ไม่สวย แล้วมันก็กลายเป็นว่า อ๋อ ความสวยมันเป็นฟังก์ชั่นที่เราต้องการในชีวิต แล้วมีอยู่วันนึง เราคิดว่าน่าจะเป็น ของ AP บอกว่า Beautiful is Functional  นี่คิดแบบเรื่องนี้จริงจังเลยนะ คิดว่าแบบ เรามีชีวิตอยู่ เวลามันสำคัญ และการได้ใช้ช่วงเวลาต่างๆ ไปกับสิ่งที่มันสวย สิ่งที่มันดี และมันคือบ้าน มันคือพื้นฐาน 

 

ธนชาติ: อื้อหือ พอสัมภาษณ์ยูเสร็จนี่ ไฟมาทันทีเลย อันนี้คุณผู้ฟังอาจจะได้ยินแค่เสียง แต่จริงๆ ท่าทางความอินกับบ้านของยูมันโปรเจกต์ออกมาชัดเจนมาก จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างผม รู้สึกได้จริงๆ เลยนะ ยิ่งพอกลับมาเจอบ้านของตัวเอง  เจอกับเสียงจากข้างบ้านเนี่ย  (เสียงประกาศจากลำโพง) ยิ่งอินกับบ้านดีๆ ของยูเข้าไปใหญ่เลย อีกอย่างผมสนใจอีกเรื่องก็คือ ความสวยงามภายในตัวบ้านก็สำคัญนะ เห็นด้วยกับยูมากๆ เลยว่าสิ่งแวดล้อมที่สวยมันมีผลต่อบรรยากาศของจิตใจ และทัศนคติของเราจริงๆ คุณผู้ฟังลองสังเกตโต๊ะทำงานของเรา พื้นที่แค่ตรงนั้นเมตรคูณเมตรกว่า เรายังอยากทำให้มันสวยรื่นรมย์เลย เราจัดสรร เราตกแต่ง เรามีมุมจุ๊กๆ จิ๊กๆ มีกรอบรูปมินิมัลตรงนี้ ตรงนี้มีต้นไม้เล็กๆ หน่อย อีกมุมเป็นเครื่องเขียนที่อยู่กับตัวกาชาปอง น่ารักๆ นี่ขนาดแค่โต๊ะไง แล้วกับบ้านเราล่ะ สิ่งที่หุ้มเราอยู่ทั้งตัวทุกวัน สิ่งที่เราตื่นมาเห็น สิ่งที่เรากลับจากข้างนอกมาเจอ มันส่งผลกับเราแค่ไหน แต่ก่อนที่จะดำเนินพอดแคสต์ต่อไปเนี่ย มันมีเรื่องซับซ้อนนิดนึงฮะ อันนี้ต่อไปเป็นเสียงของสปอนเซอร์นะฮะ 

 

สปอนเซอร์: คุณเบ๊นคะ พอดีอยากเพิ่มอะไรเข้าไปในพอดแคสต์สักหน่อยอะค่ะ พอดีคุณป๊อปปี้ The Face Men เขามาซื้อคอนโดกับทาง AP แล้วอยากให้คุณเบ๊นไปสัมภาษณ์เขาหน่อย เผื่อจะเอาอะไรมาใส่ได้อะค่ะ รบกวนหน่อยแล้วกันนะคะ อยากให้คุณเบ๊นไป Explore ดูค่ะ เผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม 

 

ธนชาติ: โอเคครับ ได้ครับ ก็ ไป ไปสัมภาษณ์ ป๊อปปี้ The Face Men กันครับ

 

ธนชาติ: ผมวาร์ปตัวไปยังสถานที่นัดหมายกับป๊อปปี้ที่กลางเมือง ก่อนจะถามเรื่องบ้าน ผมคุยเรื่องชีวิตของเขาก่อนนิดนึง เพื่อไม่ให้แห้งแล้งเกินไป ผมถามเขาไปอย่างมีสาระว่า การอยู่ในวงการบันเทิงมันสอนอะไรบ้าง 

 

ป๊อปปี้: สิ่งที่สอนผมที่สุด สอนให้เราเป็นตัวเองในวงการเนี้ย 

 

ธนชาติ: อะผมสรุปให้เลยนะฮะ คือวงการบันเทิงตอนนี้เนี่ยตัวละครมันเยอะมาก เราก็เลยต้องชัดเจนกับตัวตนของเราเอง เพื่อจะมีโอกาสทำให้ตัวเองโดดเด่นมากขึ้น เช่น ป๊อปปี้เขาเป็นเน้นเฮฮา ตลก เขาก็มุ่งไปสายนี้เต็มๆ เลยครับ ต่อมาผมก็เริ่มถามเขาเรื่องคอนโดที่เพิ่งซื้อมา 

 

ป๊อปปี้:ใช่ ผมพึ่งซื้อคอนโดครับ จริงๆ ผมควรจะคิดได้นานกว่านี้ละนะ

 

ธนชาติ: สรุปก็คือป๊อปปี้บ้านอยู่ไกล ก็ต้องเข้ามาทำงานในเมือง มันเสียเวลาเดินทางเยอะแยะ เลยซื้อคอนโดดีกว่า ถือว่าซื้อเวลาให้ชีวิตตัวเองมากขึ้น อีกอย่างคือเขาชอบอยู่คอนโด เพราะจะได้เจอผู้คนเยอะๆ เวลาเดินผ่านล็อบบี้ หรือไปฟิตเนส สรุปความคอนโดก็คือ เป็น Somewhere ที่ป๊อปปี้ belong แหละเนาะ จบ 

 

สปอนเซอร์: ขอบคุณค่ะคุณเบ๊น ชอบมากเลย 

 

ธนชาติ: กลับมาที่เส้นเรื่องหลักกันต่อ อันนี้ผมก็อยากรู้ว่าการอยู่ในบ้านที่มันสวยถูกใจ มันดีขนาดไหน อันนี้ไม่รู้จริงๆ เพราะตัวเองไม่เคยมีบ้านที่ ตัวเองดีไซน์มาก่อนเลย ประเด็นนี้ผมก็ไปคุยกับ พี่โอม ภากร เกริ่นนิดนึง พี่โอมเขาเป็นผู้กำกับโฆษณา และก็เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยผมเอง พี่โอมมีผลงานโดดเด่น ทั้งใน แล้วก็ต่างประเทศ เรียกว่าได้รางวัลโฆษณามาเพียบเลย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือวันนึงเนี่ย ผมไปชิลล์ที่ห้องพี่โอม แล้วห้องมันสวยมาก โคตรมูจิ คือเข้าใจแหละว่าเดี๋ยวนี้ ใครๆ ก็ตกแต่ง ห้องแนวญี่ปุ่นกันหมด แต่อันนี้คือเจแปนสุดจริงๆ มองผ่านๆ นึกว่าอยู่ Nakameguro แต่ตัดภาพกลับไปไม่กี่ปีพี่โอมยังอยู่กับบ้านเดิม กับพ่อแม่อยู่เลย บ้านแนวผู้หลักผู้ใหญ่ เชื้อสายจีน Baby Boomer

 

ภากร: อยู่ในบ้านเก่า เราจะอิดออดในการเดินลงมา อยู่ที่นั่นส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในห้อง ยกเว้นเวลาลงมาดูบอลกับพ่อ นั่งคุยกับเขาอะไรอย่างนี้ถึงจะลงมา กว่าจะยอมออกมาใช้เวลานานเหมือนกันนะ บางทีเป็นชั่วโมง อยู่อย่างนั้น ง้อกแง้กๆ ทำอะไรอยู่อย่างนั้น พูดไปก็แบบดูไม่ดีอะกับพ่อแม่ ซึ่งบางทีมันไม่ได้เนกาทีฟขนาดนั้น แต่คือเรารู้สึกว่า ที่บ้านมันมีอะไรที่มัน ไม่ได้ตอบโจทย์เราตรงนั้น อันนี้แค่ในแง่ Artistic ล้วนๆ  Artistic แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราว่าทุกคนก็น่าจะรู้สึกว่า ทุกคนอยากจะตื่นมาแล้วรู้สึกว่า ฮึ้ย บ้านเราสวย บ้านเราโอเค คือสังคมเราไม่ได้เป็นสังคมฝรั่ง ที่ต้องออกไปอยู่ บ้านเราไม่ได้มีวัฒนธรรมอะไรแบบนั้น แต่ว่าลึกๆ แล้วเราทุกคนก็อยากมีที่ที่ตัวเองดีไซน์ จริงๆ สำหรับเรามันเป็นเรื่องพื้นฐาน มันก็คือความ ต้องการพื้นที่ของตัวเอง เหมือนบ้านมัน 20 ปี แล้วเขารีโนเวตเราก็อยากเปลี่ยนเป็น พื้นไม้สีอ่อนแต่คือเขาก็แบบ เขาก็ไม่ค่อยอยากให้เปลี่ยน เพราะว่าพื้นปาร์เก้มันดีอยู่แล้ว เขารู้สึกว่าไม่อยากให้เปลี่ยน แต่สำหรับเรารู้สึกว่ามันทึบ บ้านจะไม่ค่อยสว่าง มีหน้าต่าง มีเหล็กดัด มันจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ ต่อให้เป็นครอบครัวเดียวกัน ยิ่งครอบครัวยิ่งต้องยอมเอาไว้เลย แต่ตอนนั้นตอนที่ทำห้องตรงนี้มัน เราก็อยากได้แบบไหน เราก็ทำแบบนั้น เอาให้ที่มันอยากได้จริงๆ ที่สุด เราจะทำอย่างที่เราต้องการ เพราะว่ามันอาจจะอัดอั้นมั้ง คุยกับอินทีเรียดีไซเนอร์เยอะ เขาเคยบอกว่า เป็นลูกค้าที่หา References มาเยอะที่สุด เท่าที่เคยเจอ Mindset ตอนนั้นคือเหมือน มันตึงมาก คือแบบเราจะเอา อย่างนี้ๆ ทีนี้มันทำอย่างนี้ไม่ได้ แล้วมันต้องทำอย่างไรมันถึงจะได้ คือเราจะเอาให้ได้ คิดว่าถ้าเกิดจะทำทั้งทีแล้วอย่าไปกั๊ก คือพอไปกั๊กแล้วมันจะคาใจอะ สมมติถ้าเอาให้สุดแล้วจริงๆ แล้วมันไม่ได้อย่างที่ต้องการ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้รู้สึกแล้วไง 

 

ธนชาติ: ทีนี้สิ่งที่ผมอยากรู้คือ พอพี่โอมย้ายเข้ามา มีดินแดนของตัวเองแล้วเนี่ย ความรู้สึกอะไรแบบนี้มันต่างออกไปไหม 

 

ภากร: ช่วงแรกๆ ที่ตื่นมาเท่าที่จำได้เรารู้สึกว่า เหมือนในที่สุด เราก็ได้มาอยู่ในที่ของเราสักที เรารู้สึกว่าเออ ดีจังเลย ไปข้างนอกใช่ปะ เจอนู่นนี่นั่น แต่พอกลับมาที่ห้องเรารู้สึกว่า ฟรึ่บ โล่งได้ เรารู้สึกว่า เฮ้ยโอเค เหมือนได้ใช้เวลาของตัวเองแล้ว เราไม่ต้องเกร็งในการอยู่ที่นี่ บางช่วงของปี ตื่นมา ก็จะแบบ มันจะมีแสงจากข้างนอก ลอดเข้าไปเป็นเส้น เฮ้ยสวยว่ะ ตื่นมามันก็อารมณ์ดีแล้วไง เออตรงนี้มันเป็นที่ๆเรา อยู่แล้วสบาย บางทีมันก็แค่นั้น 

 

ธนชาติ: อือ พอคุยกับพี่โอมเสร็จปุ๊บ มันก็มีความรู้สึกที่ดีนะ คือเขาอยู่ ในบ้านดีๆ มันก็ดี ผมเข้าใจอะไรแนวนี้มากขึ้น คือยิ่งคุยมันยิ่งย้ำความสำคัญของความสวยงามเข้าไปอีก แต่ถึงจังหวะนี้ฮะ พอเริ่มรู้สึกว่ามันแหม่งๆ ละ ผมว่าพอดแคสต์เอพิโสดนี้ มีกลิ่นอายของความอกตัญญูยังไงไม่รู้ มีความทิ้งพ่อทิ้งแม่ ย้ายออกไปสิ่งแวดล้อมดีๆ กันเถอะ บ้านสวยๆ กันเถอะ เฮ้ยไม่ได้ดิ คือเวลาพูดเรื่องบ้าน เราไม่ได้หมายถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียวหรือเปล่า มันหมายถึงคนที่อยู่ข้างในนั้นด้วย คนที่ผูกพันกับเรามานาน เติบโตมากับเรา เขาเองก็มีส่วนสำคัญมากๆในคำว่า Belong เหมือนกันนะ และถ้าวันนึงผมออกไปมีพื้นที่ของตัวเอง ความหมายของคำว่า บ้านตรงนั้นจะหายไปไหม บ้านที่ผมอยู่กับมันมาตลอดชีวิต บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความผูกพัน ผมเก็บคำถามนี้ลองไปคุยกับโกวดูครับ

 

โกว: โอ๊ยคิดเยอะ อย่ามา Emotional เกลื่อนกลาด 

ธนชาติ: โอเคได้ครับ

โกว: คนเราต้องรู้จักพาตัวเองไปในที่ที่ดีๆ ขึ้นสิวะ ทำเป็นคิดดีพๆ ผูกพันอยู่กับอดีต เย่ๆๆ มีเงิน มีงานทำมั่นคง ก็เก็บตังแล้วย้ายไปดิ 

ธนชาติ: ครับ เข้าใจแล้วครับ

โกว: อยู่บ้านเงียบกว่า ปลอดภัยกว่า มีสวนให้เดินอีก ส่วนบ้านนี้โกวว่าจะขายละ จะเก็บตังเดินทางไปกับเพื่อนในกรุ๊ปไลน์ 

 

พอเห็นโกวเริ่มไหล ผมก็เลยปล่อยยาวเลยฮะ 

 

โกว: อย่าอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่ชอบ เพียงเพราะคุ้นเคยกับมัน ไม่เวิร์กหรอก 

 

กตัญญู: เวลาที่เราติดอยู่กับพื้นที่ที่เราเคยอยู่ มันคุ้นชิน เราไม่รู้หรอกว่าอะไรมันดีกว่า ถ้าเราไม่เคยได้ไปลอง มีความฝันเท่าไหร่ ใช้ชีวิตให้มันได้เท่าความฝัน 

 

ป๊อปปี้: ใหญ่ๆ สิดี หนักๆ สิชอบ งั้นคุณถ้าเจออะไรเบาๆ มา คุณก็ไปได้เท่านั้น

 

โกว: ส่วนความเป็นครอบครัว จะอยู่ที่ไหนเราก็บ้านเดียวกันอยู่แล้วแหละ

 

ภากร: เวลากลับบ้านไป เรารู้สึกว่า เราเข้าใจเขามากขึ้น กับตอนที่อยู่ทั้งวัน แม่ถามว่ากินอะไรหรือยัง บางทีขี้เกียจตอบ พอเราห่างออกมาแล้วเราได้กลับไป เราเข้าใจว่า กินข้าวยังของเขา มันมีความหมายมากขึ้น 

 

โกว: เข้าใจปะ เป็นคนรุ่นใหม่ อย่ายึดติด ที่ของเรา เราต้องเลือกเอง เพราะเราเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามึงเป็นคนแบบไหน เท่านั้นแหละ จบ

 


 

Credits

 

Director & Script Writer ธนชาติ ศิริภัทรัย

Subject กตัญญู สว่างศรี

ภากร จุ่งรุ่งเรือง

รัชพงศ์ อโนมกิติ

Sound Mixing วรงค์ ราชปรีชา

 

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Show Producer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Proofreader พรนภัส ชํานาญค้า

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

FYI
  • Somewhere I Belong ที่นี่ที่ของเรา สนับสนุนโดย บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และนวัตกรรมการอยู่อาศัย เพราะเอพีเข้าใจความสุขในทุกรูปแบบของชีวิต
  • Smart Life Condo แห่งอนาคตบนสุขุมวิท “Life สุขุมวิท 62” ล้ำกว่าด้วยระบบ Home Automation ในทุกยูนิต พร้อมเข้าอยู่กับพื้นที่ส่วนกลางครบทุกไลฟ์สไตล์ Work l Life l Balance เพียง 200 เมตรถึง BTS บางจาก ใกล้ทางด่วนสุขุมวิท พบกัน Open House 23-24 พ.ย.นี้ จองเพียง 5,000 บ. ฟรี! โอน+เฟอร์ฯ+เครื่องใช้ไฟฟ้า* สูงสุด 300,000 บ.* ห้องชั้นสูงวิวสวย เริ่ม 3.39 ล้าน* bit.ly/373r898 
  • Landmark หนึ่งเดียวบนฝั่งธนบุรี “Life สาทร เซียร์รา” คอนโดที่ให้มากกว่าที่อยู่อาศัย บนแนวคิด La SIERRA สู่แรงบันดาลใจระดับโลกที่รวมทั้ง 5 World Destinations เอาไว้ที่นี่ที่เดียว บนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 5 ไร่* ให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายอย่างสูงสุด เชื่อมต่อ BTS & BRT มุ่งตรงสู่ สาทร-สีลม พบกัน 23-24 พ.ย.นี้ ชมห้องดีไซน์ใหม่ พิเศษ! ผ่อน 999 บ./ด.* เริ่ม 2.49 ล*  bit.ly/2KrBMNp 
  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising