×

‘เพราะอาหารคือส่วนหนึ่งของชีวิต’ คุยเฟื่องเรื่องอาหารกับสองหนุ่ม พิชญ์-กันน์ และก้าวใหม่ในรายการ MAKE A DISH

15.06.2021
  • LOADING...
พิชญ์-กันน์

เราเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตา พิชญ์ กาไชย และ กันน์-สรวิศ แสงวณิช ในวงการบันเทิงเป็นอย่างดีทั้งในบทบาทนายแบบ นักแสดง และพิธีกร แต่หากคุณได้ติดตามเขาทั้งสอง โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาจะพบว่า พิชญ์ และ กันน์ ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่มาจากแพสชันล้วนๆ ของเขานั่นก็คือการทำอาหาร 

 

กันน์ เคยทำงานในร้านอาหารในหลายประเทศก่อนกลับมาเปิดร้านอาหารของตัวเอง และเปิดตัวในฐานะเชฟครั้งที่ลงแข่ง Top Chef Thailand Season 2 ซึ่งเขาคว้าอันดับสองมาได้สำเร็จ ในขณะที่พิชญ์ ผู้ที่ชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ พิชญ์ทำอาหารเองที่บ้านได้ไม่ธรรมดาเลย จนล่าสุดเราได้เห็นเขาในรายการ MasterChef Celebrity แถมได้รางวัลที่ 1 มาครอง 

 

บ่ายวันอาทิตย์เราอยู่กันที่คอนโดของ พิชญ์ กาไชย โลเคชันหลักที่เขาทั้งสองคนถ่ายรายการ MAKE A DISH รายการทำอาหารของสองหนุ่ม ออกอากาศผ่านช่องยูทูบของ SIXTWELVE STUDIO ซึ่งวันนี้ THE STANDARD POP ขอเป็นตัวแทนพาคุณผู้อ่านบุกครัวดูสองหนุ่มทำอาหาร ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความฮอตของซีรีส์เกาหลี มาทำอาหารลูกครึ่งเกาหลี-อิตาเลียน อย่างเมนู ‘ต๊อกบกกีคาร์โบนารากับหมูย่าง’ 

 

การทำอาหารพาให้สองหนุ่มมาเจอกันได้อย่างไร MAKE A DISH เกิดขึ้นตอนไหน และเทคนิคใครจะเยอะกว่ากัน สองหนุ่มมีคำตอบ 

 

 

THE STANDARD: เราเชื่อว่าสายกินได้มารู้จักกันน์มากๆ ตอนที่ลงแข่ง Top Chef วันนี้มีโอกาสได้นั่งคุยกัน ลองเล่าให้ฟังหน่อยว่าเราเริ่มมีแพสชันในการทำอาหารตั้งแต่เมื่อไร?

 

กันน์: ผมทำอาหารตั้งแต่เด็ก จำความได้ก็ตั้งแต่ 9 ขวบที่เริ่มทำอาหารกินเอง ตามประสาเด็กอ้วน (หัวเราะ) พอโตขึ้นอายุ 14 ปีก็ไปอยู่ต่างประเทศ ก็เริ่มทำครัวจริงจังที่ร้านอาหาร รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่อยากทำก็เริ่มจากตอนนั้นเลย

 

THE STANDARD: สำหรับพิชญ์ก็เหมือนกัน เราว่าหลายคนเซอร์ไพรส์เหมือนกับเราตอนที่เห็นพิชญ์ทำอาหารในรายการ MasterChef จริงๆ แล้วเริ่มชอบทำอาหารตั้งแต่ตอนไหน

 

พิชญ์: แรกๆ ไม่ได้รู้สึกว่าชอบทำอาหารเท่าไร เราทำอาหารพวกเมนูที่บ้านเขาไม่ทำให้กิน ก็ต้องเปิดยูทูบเรียนรู้เอา และทำมาเรื่อยๆ ช่วงหลังมีเพื่อนเป็นเชฟ คุยกันเรื่องอาหารบ่อย ก็รู้สึกว่าอาหารมีโครงสร้างหลายอย่าง และเราก็เริ่มสนใจมันขึ้นมา ชีวิตนี้ยอมเสียเงินกับไม่กี่อย่าง เรื่องกินเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรายอมจ่าย

 

THE STANDARD: พิชญ์ชอบทำอาหารแบบไหนเวลาอยู่บ้าน

 

พิชญ์: ผมทำทุกอย่างยกเว้นอาหารไทย เพราะอาหารรสเผ็ดค่อนข้างเยอะ แล้วเป็นคนไม่กินเผ็ด และผมรู้สึกว่าอาหารไทยทำค่อนข้างยาก เพราะมีเครื่องปรุงและรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ นับถือเชฟที่ทำอาหารไทยจริงๆ

 

THE STANDARD: มีเมนูที่ทำจนเป็นซิกเนเจอร์ของตัวเองไหม

 

พิชญ์: ผมไม่มีจานซิกเนเจอร์ แต่ค่อนข้างอินกับทุกอย่างที่เป็นเนื้อ จะตุ๋น สเต๊ก หรือรมควัน และก็แยกชิ้นส่วนเนื้อได้ ส่วนเมนูทำกินบ่อยเวลาอยู่บ้านก็คงเป็นสเต๊ก ผมกินสเต๊กได้ตั้งแต่ตื่นนอน หยิบเนื้อมาตั้งให้ละลายแล้วย่างกินเลย ไม่ต้องมีเครื่องเคียง

 

กันน์: ส่วนใหญ่ทำอาหารยุโรป แต่ตอนอยู่เมืองนอก ด้วยความที่เป็นคนไทยก็ต้องทำอาหารไทยด้วย ผมต้องไปหาสูตรอาหารไทยมาทำให้คนในครัวกิน ทีมครัวทั้งหมดเกือบ 50 คน เวลาทำอาหารก็ต้องเป็นพวกแกง เพราะทำหม้อใหญ่ได้ พวกต้มข่าไก่ แกงเขียวหวาน บางทีก็ทำหมูกรอบเพิ่มด้วย แต่ถ้าเป็นเมนูทำกินเองที่บ้านบ่อยสุดก็เป็นออมเล็ตไข่ขาวกับผักต้ม ข้าวเช้าส่วนใหญ่จะกินเฮลตี้มาก เพราะข้างในผมลึกๆ ยังกลัวอ้วนอยู่ (หัวเราะ)

 

พิชญ์: ผมก็ด้วย ช่วงแข่ง MasterChef น้ำหนักลงตลอด เพราะนับมื้อไม่ถูกว่ากินมื้อไหนแล้ว มันต้องชิมบ่อย ไม่กล้ากินเป็นมื้อเพราะเดี๋ยวเยอะไป

 

 

THE STANDARD: แล้วไปๆ มาๆ สองคนมาทำรายการด้วยกันได้อย่างไร 

 

กันน์: พี่พิชทำ SIXTWELVE STUDIO อยู่แล้ว และเคยคุยไว้ว่าอยากทำรายการให้ผมกับพี่ชาย

 

พิชญ์: จริงๆ คุยมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่กันน์ยังเด็กๆ เคยบอกว่าเขากับพี่ชายมี Potential สูงที่จะทำรายการ เป็นพี่น้องที่หน้าตาดี ทำอาหารคาวคนหนึ่ง หวานคนหนึ่ง เหมาะเจาะ พอจะให้ทำเป็นรายการขึ้นมา แต่สุดท้ายพี่ชายของกันน์ต้องกลับต่างจังหวัดไปทำธุรกิจที่บ้านพอดี ระหว่างนั้น MasterChef ติดต่อมา เราก็เลยไปแข่ง ก็โทรคุยกันบ่อยเพราะผมต้องให้กันน์ช่วยติวก่อนไปแข่ง แล้วคุยกับเพื่อนที่เป็นเชฟ เรียนทุกอย่างภายในสัปดาห์เดียว แบบ Intensive Course คือเรารู้ทุกอย่างแต่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ฝึกหนักมากช่วงนั้น แล้วหลังจากที่ถ่าย MasterChef เสร็จ รายการก็เลยได้ทยอยออกบ่อยขึ้นหลังจากนั้น

 

THE STANDARD: แบ่งรายการทำกันอย่างไร

กันน์: ช่วงแรกๆ นาน ๆ ทีถึงถ่าย วันไหนว่างพร้อมกันก็ค่อยถ่าย กลับมาถ่ายจริงจังอีกทีช่วงโควิด-19 เพราะไม่มีอะไรทำ

 

พิชญ์: ตอนแรกยังทำบ้านที่นี่ไม่เสร็จ ต้องตะลอนถ่ายที่ครัวบ้านเพื่อนบ้าง เพราะบางคนชอบทำอาหาร ทุกอย่างมันพร้อมหมด แต่บางทีบ้านเพื่อนเขาก็ไม่ว่าง ก็ต้องไปถ่ายบ้านกันน์บ้าง แต่ถ่ายยาก สุดท้ายก็คิดว่าไหนๆ ก็ทำบ้านแล้ว ทำครัวจริงจังด้วยเลยละกัน

 

มาถึงตอนนี้สองหนุ่มเริ่มเข้าครัว พิชญ์เล่าให้เราฟังว่าส่วนใหญ่กันน์จะเป็นคนทำทั้งหมด เพราะด้วยความเป็นเชฟการทำงานจะเป๊ะกว่า พิชญ์เลยรับบทเป็น Sous-Chef ของกันน์อีกที ส่วนสำหรับวันนี้กระแสความดังของซีรีส์เกาหลีเป็นไอเดียตั้งต้นว่าสองหนุ่มจะลองทำเมนูลูกผสมเกาหลี-อิตาเลียนอย่าง ต๊อกบกกีคาร์โบนารา 

 

จานนี้หยิบวัตถุดิบยอดฮิตของเกาหลีอย่างต๊อกบกกีมารับบทใหม่แทนเส้นของสปาเกตตีคาร์โบนารา พาความเผ็ดร้อนของโคชูจังมาเจอกับความครีมมีของครีมและพาเมซานชีส ตัดเลี่ยนเสริมความกลมกล่อมด้วยไวน์ขาวเป็นอันสมบูรณ์ 

 

THE STANDARD: เวลาใช้ไวน์ทำอาหาร ไวน์มีหน้าที่อะไร ทำไมต้องเอาไวน์มาทำอาหารด้วย

 

พิชญ์: ไวน์ช่วยดึงรสชาติที่ใช้เครื่องปรุงอื่นมาแทนที่ไม่ได้ รสเปรี้ยวก็เปรี้ยวคนละแบบ เป็นเลเยอร์รสชาติที่ควรมีในอาหาร ถ้าไม่มีก็เหมือนจะขาดอะไรไป ไวน์เป็นส่วนเติมเต็มอาหาร แต่บางคนอาจจะยังไม่เก็ต คิดว่าใส่แล้วมันจะขม

 

THE STANDARD: เคยใช้ไวน์ในการทำอาหารมาก่อนหรือเปล่า

 

พิชญ์: ใช้เหมือนกัน โดยเฉพาะไวน์แดงบ่อยมาก เข้ากับอาหารฝรั่งหลายจาน ถ้าเป็นจานเนื้อทำพวกตุ๋นก็ใส่ไวน์แดง

 

กันน์: เคยใช้ เพราะไวน์เป็นเบสซอสหลายตัว หรือไวน์ขาวก็อาจจะทำเป็นครีมก็ได้

 

 

THE STANDARD: ไวน์ขาว ไวน์แดง มีวิธีการ/เคล็ดลับในการทำอาหารอย่างไรบ้าง

 

กันน์: ควรเอาไวน์ที่ตัวเองจะกินมาทำอาหาร เพราะใส่อาหารแล้วรสชาติไวน์ไม่ได้หายไป มันก็ยังอยู่ในอาหาร แต่ไม่ต้องใช้ไวน์ที่ดีที่สุดก็ได้ เปลืองสตางค์ ยกเว้นคุณไม่มีปัญหาเรื่องทุนทรัพย์​จริงๆ (หัวเราะ) แต่บางตำราทำอาหารเขาแนะนำ Cooking Wine ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่รสชาติจะสู้ไวน์ที่เราดื่มไม่ได้ มันไม่มีมิติเท่าไวน์แบบปกติ เพราะขาดความหวานหรือแทนนิน อาจจะเปรี้ยวนำมากกว่า

 

THE STANDARD: จากที่ได้ใช้ไวน์ทำอาหาร เรามีวิธีการเลือกฝากให้คนอ่านไหม

 

กันน์: อาหารที่ Rich หรือเนื้อแดงมักจะคู่กับไวน์แดง ส่วนเนื้อที่สีอ่อนก็จะเป็นไวน์ขาว

 

พิชญ์: ซีฟู้ดหรืออาหารเบาๆ ให้ไปหาไวน์ขาว ส่วนอาหารที่เข้มข้น รสหนักๆ ค่อยมาไวน์แดง อาหารไทย แกงต่างๆ แพริ่งกับไวน์แดงก็ดี ถ้าไวน์ขาวกับส้มตำก็โอเค

 

กันน์: อาหารพวกครีมก็เข้ากับไวน์ขาวเหมือนกัน

 

THE STANDARD: ได้ข่าวว่าตอนนี้กันน์จะเปิดร้านใหม่

 

กันน์: ผมมีร้านที่เปิดอยู่แล้ว เป็นร้านเบอร์เกอร์ชื่อ SMASH Burger ทำเดลิเวอรีอย่างเดียว แล้วก็มีร้าน Brunch by Chef Gunn อยู่ใน Josh Hotel อารีย์ อนาคตจะมี Tapas Bar ก็จะอยู่โซนอารีย์เหมือนกัน แล้วจะย้ายร้านเบอร์เกอร์ไปแถวนั้นด้วย แต่ขอดูสถานการณ์ก่อน

 

THE STANDARD: แล้วพิชญ์ชอบทำอาหารขนาดนี้ คิดจะเปิดร้านอาหารบ้างไหม

 

พิชญ์: ก็แพลนจะเปิดร้านกับเชฟแพม (พิชญา อุทารธรรม) เป็นร้านเล็กๆ เน้น Grab & Go เมนูเส้นๆ ผัดๆ ว่าจะเปิดอีกประมาณสองเดือนจากนี้ อยู่แถวอารีย์เหมือนกัน และตอนนี้มี Chef’s Table ทำร่วมกับเชฟแพม เสิร์ฟเมนูที่แข่งใน MasterChef ใครดูรายการแล้วอยากกินก็มาได้ มีประมาณ 13 คอร์ส

 

 

THE STANDARD: การทำอาหารมีความหมายอย่างไรสำหรับเราบ้าง

 

กันน์: ผมว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถ้าถามผม ผมว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ณ ขณะนั้น

 

พิชญ์: อาหารเหมือนทุกอย่างรอบตัวเราที่มันต้องมีโครงสร้าง อาหารก็มีโครงสร้างเหมือนกัน ถ้าเราทำโครงเสร็จแล้วก็เติมแต่งให้มันอร่อยขึ้นได้ ถ้าเราเข้าใจมัน เข้าใจอาหารก็จะสนุก

 

สุดท้าย อีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกคืออย่างที่เชฟกันน์พูด การทำอาหารเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การเข้าครัวในวันหนึ่งมันไม่ใช่แค่ทำอาหารจานหนึ่งแล้วจบไป ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ กระบวนการทำ จนถึงบทสนทนาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการกิน ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่เราได้มีโอกาสแชร์กับคนที่เรารัก 

 

ว่าแล้วก็อย่าลืมติดตามชมรายการ MAKE A DISH รายการทำอาหารจากสองหนุ่ม กันน์-พิชญ์ ได้ทางยูทูบของ SIXTWELVE STUDIO หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/MAKEADISHTVSHOW 


พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising