×

สธ. เผยผู้ติดเชื้อโควิดกลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนาเกือบแสนรายในรอบ 1 เดือน แพทย์ต่างจังหวัดงานล้นต้องใช้หมอฟันช่วยเก็บตัวอย่างตรวจเชื้อ

โดย THE STANDARD TEAM
05.08.2021
  • LOADING...

วันนี้ (5 สิงหาคม) นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการบริหารจัดการนำผู้ติดเชื้อกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาว่า หลังจากประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล กลับสู่ภูมิลำเนาจำนวนมาก และมีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับไปด้วย

 

จากข้อมูลของทั้ง 12 เขตสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อโควิดกลับต่างจังหวัดและเข้าระบบการดูแลรักษาแล้ว 94,664 คน มากกว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตามลำดับ โดยช่วงแรกส่วนใหญ่ผู้ป่วยเดินทางกลับด้วยตนเอง มีทั้งติดต่อโรงพยาบาลปลายทางและไม่ติดต่อ ซึ่งเป็นความเสี่ยงแพร่เชื้อระหว่างเดินทางและในพื้นที่

 

ทั้งนี้ หลายจังหวัดมีการจัดทำโครงการรับผู้ติดเชื้อกลับบ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดยานพาหนะรับส่ง และล่าสุด ภาครัฐมีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย จัดบริการรับผู้ติดเชื้อกลับบ้านอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ชุมชน ประชาชนที่จะกลับต่างจังหวัดสามารถติดต่อประสานงานล่วงหน้ากับ สปสช. เพื่อประเมินอาการก่อนเดินทาง ขณะเดินทางต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด เตรียมยารักษาโรคประจำตัวให้พร้อม หากเกิดภาวะฉุกเฉินโทร 1669 และหากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำให้ล้างมือก่อนและหลังใช้

 

เมื่อเดินทางถึงจุดนัดที่ภูมิลำเนาจะมีเจ้าหน้าที่ประเมินอาการผู้ป่วยอีกครั้งเพื่อแยกอาการ โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย รักษาได้ทั้งในโรงพยาบาลสนาม ที่บ้าน และชุมชน

 

ส่วนกลุ่มสีเหลือง อาการปานกลาง พิจารณารักษาในโรงพยาบาลชุมชน บางจังหวัดที่มีการติดเชื้อมากได้จัดเป็นโรงพยาบาลโควิดโดยเฉพาะ และกลุ่มสีแดง มีอาการรุนแรง มีอาการเหนื่อย ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง รักษาในโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมามีการเพิ่มเตียง ICU รองรับแล้ว และมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยภายในเขตสุขภาพ จากการดำเนินงานทั้งหมดจะช่วยให้มีเตียงรับผู้ป่วยรักษาได้อย่างเหมาะสมตามอาการ

 

นพ.ธงชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดมีภาระงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการจัดทีมเข้ามาช่วยเหลือพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ดูแลผู้ติดเชื้อในพื้นที่และดูแลผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมารักษา กระทรวงสาธารณสุขจึงปรับบทบาทการทำงานของบุคลากร เช่น ทันตแพทย์ช่วยเก็บตัวอย่างตรวจเชื้อ ลดภาระแพทย์ พยาบาล หรือให้เภสัชกรและนักวิชาการสาธารณสุขมาช่วยทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องควบคุมการให้ออกซิเจนอัตราการไหลสูง (Oxygen High Flow) รวมทั้งกรมสุขภาพจิตได้มีการวางระบบให้คำแนะนำแก่ผู้บริหารในการดูแลขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานต่อสู้กับโควิดมาอย่างยาวนานเกือบ 2 ปี

    

“สำหรับการป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่ เช่น ในโรงงานทุกประเภทที่ให้ใช้มาตรการ Bubble and Seal เพื่อควบคุมโรคและป้องกันการแพร่เชื้อในโรงงานที่ยังไม่มีการติดเชื้อ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงตลาด สถานศึกษา โรงเรียนประจำ กลุ่มขนส่งทั้งภายในจังหวัดและข้ามจังหวัด และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ให้มีการประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus ของกรมอนามัย นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อลดอัตราการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต” นพ.ธงชัยกล่าวในที่สุด

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising