วันนี้ (30 เมษายน) ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคก้าวไกลจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล ครั้งที่ 1/2565 โดยมีกรรมการบริหารพรรค ตัวแทนสมาชิกพรรคทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่เข้มข้น ทั้งการลงทะเบียนก่อนร่วมงาน การแสดงผลตรวจ ATK และการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด ทั้งนี้มีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการดำเนินกิจกรรมปีที่ผ่านมา พิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการเงิน พิจารณาการแก้ไขข้อบังคับพรรค รายงานผลการดำเนินงานและแผนงานในอนาคตของพรรค รวมถึงการปรับตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในพรรค คือ สํานักงานเลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่มี ชัยธวัช ตุลาธน เป็นเลขาธิการพรรค มีการแต่งตั้งรองเลขาธิการพรรค ประจำภารกิจ 4 ด้าน ได้แก่
- สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรค ด้านความร่วมมือระหว่างพรรคการเมือง
- ธีรเศรษฐ พัฒน์วราพงษ์ รองเลขาธิการพรรค ด้านความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและการต่างประเทศ
- ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรค ด้านกิจการภายในและการเลือกตั้ง
- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ รองเลขาธิการพรรค ด้านพัฒนาระบบ ข้อมูล และดิจิทัล
นอกจากนี้ในส่วนของกองโฆษก มีการแต่งตั้ง รังสิมันต์ โรม เป็นโฆษกพรรคก้าวไกล โดยมี สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และกรุณพล เทียนสุวรรณ เป็นรองโฆษกพรรค
รวมถึงในส่วนของกองอำนวยการการเลือกตั้งมีการแต่งตั้ง พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ‘ไอติม’ เป็นผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรค
นอกนี้ยังมีการพิจารณาการแก้ไขข้อบังคับพรรค ซึ่งมติองค์ประชุมใหญ่พรรคก้าวไกลเป็นเอกฉันท์ให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับพรรค ขยายความผิดทางวินัยและปรับปรุงกลไกการสอบสวน กรณีสมาชิกกระทำความผิดทางเพศ ประกอบด้วย การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับในข้อ 119 เกี่ยวกับความผิดทางวินัยของสมาชิก ให้ยกเลิกข้อความใน (5) และใช้ข้อความ ‘(5) กระทำการล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อบุคคลขึ้น’ แทนในข้อ 60/1 เกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ให้เพิ่มเติมข้อความ ‘ในกรณีที่มีการร้องเรียนว่าสมาชิกผู้ใดกระทำผิดวินัยตามข้อ 119 (5) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคแต่งตั้งสมาชิกพรรคซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางเพศ จำนวน 2 คน ร่วมเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งตามข้อ 60 ขึ้นเฉพาะคราว’ รวมถึงในข้อ 125 เกี่ยวกับกลไกการร้องเรียน ให้ยกเลิกข้อความเดิม และให้ใช้ข้อความ ‘ข้อ 125 ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย อันเกิดจากการฝ่าฝืนวินัยสมาชิกพรรคตามข้อบังคับนี้ ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อประธานกรรมการวินัยและจรรยาบรรณภายใน 30 วันนับแต่วันที่รู้ หรือควรจะได้รู้เหตุแห่งความเดือดร้อนหรือความเสียหายนั้น การร้องเรียนที่ยื่นเมื่อพ้นกำหนดเวลาการร้องเรียนแล้ว ถ้าคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณเห็นว่าเรื่องร้องเรียนนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม หรือมีเหตุจำเป็นอื่น โดยคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณเห็นเอง หรือคู่กรณีมีคำขอ คณะกรรมการจะรับไว้พิจารณาก็ได้’ แทน
ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ให้มีกลไกร้องเรียนและพิจารณาเฉพาะการกระทำความผิดทางเพศโดยสมาชิก ต่อสมาชิกและบุคลากรของพรรค ให้เป็นการกระทำของสมาชิกต่อบุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นสมาชิกและบุคลากรของพรรค ถือเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรงด้วย ซึ่งจะต้องเข้าสู่การสืบสวนสอบสวน เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณาลงโทษด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมให้บุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญในการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นสมาชิกพรรค ร่วมกระบวนการสืบสวนสอบสวนเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงการขยายกรอบระยะเวลาในการร้องเรียนเพิ่ม จากเดิมที่ให้ร้องเรียนภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ให้เป็นการรับเรื่องร้องเรียนหลังจาก 30 วันไปแล้วได้ด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็เพื่อให้ข้อบังคับของพรรคที่เกี่ยวกับวินัยสมาชิก สอดรับกับการปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ทีความครอบคลุมมากขึ้น และมีความเท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในสังคมไทย