×

หรือเราเปิดเผยตัวตนผ่านสื่อออนไลน์กันมากไป?

07.08.2017
  • LOADING...

“ทุกวันนี้ ในชีวิตจริงเรามีรายการเรียลลิตี้ตามติดชีวิตคนดังมากมายที่ปรับแต่งสคริปต์เพื่อเรียกเรตติ้งเสียจนดูปลอมกว่าภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องแต่ง และเราเปิดเผยตัวตนผ่านสื่อออนไลน์มากเสียจนช่องทางเหล่านี้มีบทบาทไม่ต่างจากโลกทางกายภาพ”

     คุณเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ คุณแต่งงานมีชีวิตสมรสเปี่ยมสุข ภรรยาแสนสวยคอยปรนนิบัติพัดวี  คุณมีหน้าที่การงานมั่นคง และมีเพื่อนสนิทรู้ใจ ดูเหมือนทุกอย่างเป็นความสมบูรณ์แบบที่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเจ้าของได้ ถ้าไม่เพียงแต่วันหนึ่งคุณตื่นจากฝันและรับรู้ว่า ที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นการจัดฉาก ภาพชีวิตทั้งหมดที่คุณคุ้นเคยเป็นเพียงบทที่เขียนขึ้นสำหรับรายการเรียลลิตี้ทางทีวี ทุกย่างก้าวในชีวิตคุณมีคนดูคอยจับจ้อง และได้รับการถ่ายทอดส่งตรงไปยังผู้ชมทั้งโลก

     ฟังดูเป็นเรื่องน่ากลัวและน่าหดหู่ใช่หรือไม่ แต่ 19 ปีที่แล้ว ข้อความข้างบนคือเรื่องราวของ ทรูแมน เบอร์แบงก์ หนุ่มที่เดินออกจากโลกใบเดิมที่หาความเป็นส่วนตัวไม่ได้ ถ้ามองจากวันที่ตัวละครเอกในหนัง The Truman Show พยายามหลบหนีจากชีวิตที่ไร้ความเป็นตัวตน เพราะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโลก จนมาถึงวันที่เราตื่นขึ้นมาแล้วคว้าอุปกรณ์สื่อสารเพื่อเข้าสื่อออนไลน์ในทันทีที่ลุกจากเตียง โลกเราหมุนมาไกลจากจุดเดิมมาก  

     ทุกวันนี้ ในชีวิตจริงเรามีรายการเรียลลิตี้ตามติดชีวิตคนดังมากมายที่ปรับแต่งสคริปต์เพื่อเรียกเรตติ้งเสียจนดูปลอมกว่าภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องแต่ง และเราเปิดเผยตัวตนผ่านสื่อออนไลน์มากเสียจนช่องทางเหล่านี้มีบทบาทไม่ต่างจากโลกทางกายภาพ

     ลองนึกกันเล่นๆ ว่าในหนึ่งวันเราใช้ชีวิตผ่านโลกออนไลน์อย่างไรบ้าง เราแสดงความคิดเห็น เราแชร์ เราเขียนไดอารีเรื่องส่วนตัวผ่านโลกออนไลน์ ขณะที่เมื่อ 20 ปีก่อน เราถือว่าสมุดบันทึกเป็นของส่วนตัว และเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างใหญ่หลวง หากใครจะหยิบมาอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต

     โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

     นับตั้งแต่เรามีสื่ออย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ มีเด็กมากมายที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางสายตาของเพื่อนฝูง บิดามารดา ญาติสนิท และคนไม่รู้จัก ชวนคิดกันเล่นๆ ว่า ถ้าวันหนึ่งเด็กโตขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

     ถ้าในอนาคต เกิดกรณีลูกชายวัยรุ่นลุกขึ้นมาฟ้องผู้เป็นแม่ว่าละเมิดสิทธิของตนตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมาล่ะ ประเด็นนี้อาจจะกลายเป็นภาพยนตร์เข้าสักวันหนึ่ง ถ้าหนังออกมาในโทนตลก เราก็คงจะพอขำขันไปกับเหตุการณ์สมมตินี้ได้บ้าง แต่ถ้าหนังนำเสนอออกมาในแนวจริงจัง เพราะอ้างอิงมาจากคดีที่อาจจะเกิดขึ้น ลองถามตัวเองว่าเราจะเข้าข้างใคร

     ใครจะเปิดเผยผ่านสื่อ หรือเลือกจะอยู่อย่างเงียบๆ ก็สุดแล้วแต่ความพึงพอใจของแต่ละคน เพราะจากวันที่ The Truman Show ออกฉายจนมาถึงยุคที่เราเห็นข่าวคิม คาร์เดเชียน และสมาชิกครอบครัวของเธอทุกวัน  สภาพสังคมโลกเปลี่ยนไปจากเดิมจริงๆ

     เรากำลังอยู่ในยุคที่ oversharing คือเรื่องปกติหรือไม่ ลองสำรวจพฤติกรรมตนเองและคนใกล้ตัวกันดู

     แต่ก่อนที่เส้นแบ่งระหว่างโลกในชีวิตจริงและโลกทางออนไลน์จะบางขึ้นเรื่อยๆ จนพร่าเลือนและแทบไม่มีพลังจะกั้นโลกสองส่วนนี้ เราต่างก็เคยหวงแหนความเป็นส่วนตัวกันนักมิใช่หรือ



ยศยอด คลังสมบัติ

บรรณาธิการ

[email protected]

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising