×

ฝ่ายค้านจัดหนักงบกลาโหม เผยงบลับ เปรียบงบกองทัพเหมือน ‘อัฐยายซื้อขนมยาย’

โดย THE STANDARD TEAM
20.03.2024
  • LOADING...
ฝ่ายค้านจัดหนัก งบกลาโหม งบประมาณ กระทรวงกลาโหม 2567

วันนี้ (20 มีนาคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงินงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 ในการพิจารณามาตรา 8 ว่าด้วยงบกระทรวงกลาโหม 

 

ชยพล สท้อนดี สส. กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายว่า ตนจำเอกสารส่วนหนึ่งจากเอกสารลับของกองทัพเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ได้ เช่น งบประมาณซื้อฟูก, กรวย, น้ำกลั่น, Smart Classroom ซึ่งงบประมาณที่น่าสนใจคืองบซื้อที่นอนยางพารา ที่กองทัพจัดซื้อในราคา 2,885 บาทต่อชิ้น จำนวน 277 ชิ้น รวมเป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท แต่เมื่อเปิดดูราคาผ่านเว็บไซต์แล้วพบว่ามีราคาจริงไม่ถึง 1,500 บาท ไม่รู้ว่ากองทัพไปซื้อเว็บไหน เพียงแค่ตนเปิดแอปพลิเคชันส้มก็พบว่ามีราคาไม่ถึง 1,500 บาท

 

งบประมาณจัดซื้อกรวยแสดงทิศทางลม ราคา 18,000 บาทต่อชิ้น เป็นงบประมาณของกองทัพเรือ แต่เมื่อเปิดดูราคาในแอปส้ม หาสินค้าที่แพงที่สุดในแอปแล้วพบว่ามีราคาชิ้นละ 4,300 บาทเท่านั้น กองทัพตั้งงบประมาณซื้อกรวยแสดงทิศทางลมจำนวน 25 ชุด เป็นเงิน 450,000 บาท 

 

ชยพลยังกล่าวถึงงบปฏิบัติราชการลับที่อ้างว่ามีกฎหมายความมั่นคงห้ามไม่ให้เปิดเผย แต่ไม่มีกฎหมายใดบอกว่าห้ามเปิดเผยต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะเรามีหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างถูกต้องอยู่แล้ว งบประมาณที่เป็นราชการลับยื่นขอมาซ้ำๆ ทุกปีและขอเท่าเดิมมาโดยตลอด ค้างอยู่ที่ 469 ล้านบาท เพราะฉะนั้นหากจะเป็นยอดเดิมขนาดนี้ไปบรรจุในงบประจำดีหรือไม่ เพราะเบิกเท่าเดิมตลอดและไม่มีเอกสารชี้แจงใดๆ เลย 

 

เมื่อกรรมาธิการจี้ถามขอเอกสารเพิ่มเติม ก็ตอบว่าให้ไปถามสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แทน ซึ่ง สตง. ไม่มีหน้าที่เปิดเผยการใช้งบประมาณของหน่วยงานอื่น เพราะฉะนั้นหน่วยงานใช้งบมีหน้าที่ต้องชี้แจงว่านำงบประมาณไปใช้ทำอะไร คุ้มค่างบประมาณจริงหรือไม่ หากไม่มีเหตุผลสำคัญ ไม่สามารถชี้แจงได้ แล้วหากกรรมาธิการอนุมัติงบนี้ไป ไม่ต่างอะไรกับการตีเช็คเปล่าโดยไม่รู้ข้อมูล

 

ชยพลกล่าวต่อว่า การใช้งบเพื่ออุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ โดยยกตัวอย่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ โรงงานเภสัชกรรมทหาร ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ และโรงงานวัตถุระเบิดทหาร ที่เมื่อดูงบการเงินของทั้ง 3 หน่วยงานย้อนไปถึงปี 2564 จะเห็นว่ามีเงินสดคงเหลือในหน่วยงานฝากธนาคารและกระทรวงการคลัง รวมถึงมียอดของลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระคืนทุกปี เมื่อรวมแล้วโรงงานเภสัชกรรมทหารยังมีเงินเหลือกว่า 231 ล้านบาท, ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธมีเงินเหลือกว่า 249 ล้านบาท และโรงงานวัตถุระเบิดทหารมีเงินเหลืออยู่ 76 ล้านบาท เรามีเงินเหลือทั้ง 3 องค์กรกว่า 556 ล้านบาท แต่ยังมาของบประมาณปี 2567 เพิ่มอีก 258.6 ล้านบาท 

 

ชยพลกล่าวว่า ทั้งหมดคือประเด็นที่ตนต้องตั้งคำถามว่า การอ้างเรื่องความมั่นคงเพื่อไม่เปิดเผยและชี้แจงเอกสารงบประมาณต่างๆ เป็นเพื่อความมั่นคงของใครกันแน่ เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ หรือความมั่นคงของกองทัพเอง หรือเป็นความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนของกองทัพ โดยเอกสารลับยังมีการซ่อนรายการของที่ไม่ใช่ความลับอีก เช่น รถกระบะ, รถหัวลาก, รถตักดิน, รถดูดน้ำ 

 

“มันลับแค่จากประชาชนเท่านั้นครับ เหมือนกองทัพไม่อยากให้ประชาชนรู้ว่าเอาเงินไปซื้อรถตักดิน ไม่อยากให้ประชาชนรู้ว่าเอาเงินไปซื้อรถกระบะเล่น ทุกคนรู้หมดครับ และต่างประเทศที่ท่านไปซื้อมาเขาก็รู้หมด แต่กลายเป็นประชาชนคนไทยที่จ่ายภาษีเป็นคนกลุ่มเดียวที่ไม่รู้ว่าภาษีที่ใช้ทั้งหมดนำไปใช้ซื้ออะไรหรือทำอะไร รู้แค่ว่ามันคือเรื่องของความมั่นคง 

 

“แต่ก็ไม่ใช่หรอกครับ สุดท้ายเราก็เห็นแล้วว่ามันเพื่อความมั่งคั่งยั่งยืนของพวกท่านเท่านั้นเอง” ชยพลกล่าว

 

ขณะที่ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า การลดงบกระทรวงกลาโหมที่มีการเสนองบเข้ามาทั้งสิ้น 87,883,290,100 บาท ปรับลดทั้งสิ้น 2,485,096,500 บาท คิดเป็น 2.8% คงเหลือ 85,398,193,600 บาท ซึ่งเรียกว่าลดไม่จริง เมื่อรวมงบประมาณของ 3 กองทัพในการที่จะจัดทำโครงการใหม่ทั้งหมด 36,231,030,100 บาท ซึ่งจะผูกพันไปถึงปี 2568, 2569 และ 2570 โครงการที่เป็นสวัสดิการของประชาชนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำอย่างไรเพื่อให้โครงการเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดให้ได้ 

 

ร.อ.ท. ธนเดช เพ็งสุข สส. กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายขอปรับลดงบประมาณของกองทัพลง 5% เนื่องจากงบกระทรวงกลาโหมในปี 2567 ไม่ตอบโจทย์แนวคิดการพัฒนาร่วมกันของรัฐบาล แต่เป็นงบที่ทำให้กำลังพลรู้สึกสิ้นหวังกับรัฐบาลที่หลีกเลี่ยงใช้คำว่าปฏิรูป นอกจากวิกฤตประเทศที่รัฐบาลยังแก้ไขไม่ได้

 

การจัดงบประมาณครั้งนี้ กองทัพบกไม่ได้วิกฤต แต่ที่กำลังวิกฤตคือกองทัพเรือ ท่านกล้าหาญจะตัดลดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกตของกองทัพเรือ แต่ท่านกลับหลับตาหนึ่งข้างปล่อยให้เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk บินเข้าประเทศไทย เรือฟริเกตที่ซื้อมาปกป้องน่านน้ำกว่า 1,500 ไมล์ทะเลของประเทศ ท่านกลับตัดเขาทิ้งไป กองทัพเรือต้องไม่เป็นเหยื่อทางการเมืองอีกแล้ว

 

“ไม่มีเหล่าทัพไหนใหญ่-เล็กกว่าใคร ทุกเหล่าทัพล้วนมีความจำเป็นและสำคัญในการปกป้องประเทศนี้ แต่การทำงบประมาณแบบนี้ทำให้กำลังพลหลายคนในกองทัพรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และความรู้สึกคาดหวังว่ารัฐบาลพลเรือนนี้จะกู้วิกฤตศรัทธาก็ต้องพับกลับไปผ่านการจัดสรรงบประมาณแบบนี้” ร.อ.ท. ธนเดช กล่าว

 

ขณะที่ เอกราช อุดมอำนวย สส. พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณกระทรวงกลาโหมบางรายการยังไม่มีความจำเป็น เช่น โครงการใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ปรับปรุงจอ LED วงเงินเกือบ 7 ล้านบาท สำหรับงานพิธีต่างๆ โดยอ้างอิงถึงห้องที่จะมีการปรับปรุงว่ายังสามารถใช้งานได้ มองว่าการใช้งบประมาณควรมีเหตุผลจำเป็นที่เพียงพอ 

 

รวมถึงโครงการด้านกระบวนการยุติธรรมระบบการฝากขังในศาลทหาร 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นระบบควบคุมการประชุมทางไกลทางวีดิทัศน์ ซึ่งหากดำเนินทั้งโครงการพบข้อมูลว่าอาจใช้งบประมาณกว่า 24 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่นที่ใช้งบประมาณเพียงเกือบ 3 ล้านบาทเท่านั้น และโครงการจัดซื้อระบบลงนามอิเล็กทรอนิกส์เกือบ 10 ล้านบาท พร้อมกันนี้ก็หยิบยกการตั้งงบประมาณการใช้จ่ายปฏิบัติงานการจิตวิทยาและการปฏิบัติงานสื่อมวลชนเกือบ 1 หมื่นล้านบาท หรือ 9.7 พันล้านบาท โดยชี้ว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวไม่มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพ 

 

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส. กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้แปรญัตติสงวนความเห็น ขอตัดงบโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ เรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 104 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการมวลชน 9.7 ล้านบาทเศษ โดยตั้งข้อสงสัยว่าเป็นงบประมาณของกองทัพหรือไม่ เราจะเห็นตามสื่อออนไลน์ที่เป็นคำถามสังคมในหลายครั้ง ทั้งการทำคลิปจากอินฟลูเอ็นเซอร์ หรือโพสต์พีอาร์กองทัพ ล่าสุดกองทัพบกได้ทำโครงการทหารแจกมีมบนเฟซบุ๊ก

 

“ไม่รู้ว่าเป็นมีมจริงหรือไม่ แถวบ้านผมเขาเรียกว่าคำคม Friends Life’s Better with You ก็เลยสงสัยว่าความเข้าใจของกองทัพในการทำประชาสัมพันธ์มีจริงหรือไม่ แค่มีมกับคำคมยังแยกไม่ออก” เท่าพิภพกล่าว

 

ด้าน จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส. ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบประชาสัมพันธ์สร้างภาพ 50-60 ล้านบาท มีการประกาศชัดว่าทำ IO หน่วยงานอื่นไม่เห็นต้องทำ หมอเขามาทำแบบนี้หรือไม่ สารคดีวันกองทัพไทยต้องมีทุกปี ทำซ้ำไม่ได้ ไม่รู้แตกต่างตรงไหน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีก็ว่าแปลกแล้ว ยังมีการสร้างเกียรติยศให้ตัวเอง เช่น การเดินสวนสนาม ซักซ้อมพิธีต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล

 

จิรัฏฐ์ยกตัวอย่างงานไหว้ครูมวยไทยที่จัดขึ้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าทำไปทำไม งบก็ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าตอบแทนรถประจำตำแหน่ง 565 ล้านบาท หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานพิเศษ ต้องซื้อทุกอย่างให้หมด มีซื้อยุทธอาภรณ์ ซื้อทุกอย่าง ปีที่แล้วซื้อแป้งทาสังคังด้วย

 

จิรัฏฐ์ยังกล่าวว่า งบประมาณของกองทัพใช้เหมือนอัฐยายซื้อขนมยาย สร้างประปา ไฟฟ้า ขายกันภายใน โยกกันไปมา หวังว่ากระทรวงกลาโหมจะปรับวิธีคิด การจัดงบประมาณไม่ได้สะท้อนว่ากองทัพเข้าหาประชาชน

 

ทั้งนี้ ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก ที่ประชุมมีมติ 448 เสียง เห็นควรให้มีการปรับลด และเห็นด้วยตามการปรับลดของคณะกรรมาธิการ 284 เสียง ไม่เห็นด้วย 163 เสียง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising